“เจิมศักดิ์” เชื่อบาป-บุญมีจริง เย้ยสมุน "นช.แม้ว" ตัดกรรมไม่เป็นผล ระบุกรณี "เทพเทือก" ลาออก เป็นการตัดไฟต้นลม รักษาเก้าอี้รองนายกฯ ชี้หาก กกต. ชี้มูลความผิด ส.ส.ไข้พิษหุ้น เสถียรภาพรบ. ไม่สั่นคลอน ด้านประชุมอาเซียนฯ ที่ภูเก็ต ชื่นมื่น รมต.ต่างประเทศพม่า รับปากเอาเรื่องรวมตัวเป็นประชาคม ไปเสนอผู้นำ เชื่อแรงกดดันประเทศสมาชิก ทำให้รบ.พม่ายอมอ่อนข้อ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "รู้ทันประเทศไทย"
รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน วันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 18.30-20.00 น. สำหรับวันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2552 โดยมีดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายสันติสุข มะโรงศรี ดำเนินรายการ ในช่วงมุมมองเจิมศักดิ์ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง พูดคุยถึงเรื่องการตัดกรรม ส่วนในช่วงสนทนาได้รับเกียรติจากนายวิทวัส ศรีวิหก อธิบดีกรมอาเซียน ร่วมพูดคุยถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการประชุมอาเซียน
นายสันติสุข กล่าวถึงปรากฎการณ์สุริยุปราคาที่จะเกิดในวันที่ 22 ก.ค.นี้ มีหมอดูทำนายจะเกิดหายนะครั้งใหญ่ในประเทศไทย เช่นบอกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เกิดในฤกษ์ที่มีเคราะห์ ให้ระวังตัว หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกิดในดวงวันเกิดอยู่ในฤกษ์ที่ถึงคราด อาจอันตรายถึงชีวิต เรื่องนี้จะเชื่อถือได้หรือไม่ต้องพิสูจน์กันต่อไป ทั้งนี้มีหมอดูเคยทำนายไว้เมื่อปี 2547 ว่า ทักษิณ เป็นคนดวงแตก ต่อให้ทำงานการเมืองดวงรุ่งโรจน์แค่ไหน แล้ววันหนึ่งดวงจะแตกหมดอำนาจวาสนา และบ้านแตกสาแหรกขาด พร้อมกับกล่าวว่า “มนุษย์เรานั้นหนีไม่พ้นกรรม ไม่ว่าจะดิ้นรนหาทางแก้กรรมอย่างไรก็ตาม ผลสุดท้ายก็จะพบสัจธรรมอยู่ดี”
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวเสริมว่าเรื่องนี้สอดคล้องกับพระพุทธศาสนาที่สอนให้เชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม ถ้าทำกรรมชั่วไว้มันก็ต้องตามมาจนได้ ถ้าเคยทำกรรมชั่วไว้แต่เร่งทำความดี กรรมชั่วก็จะวิ่งตามไม่ทัน ก็ผลักให้ประสบความดีฉะนั้นคนก็จะทำความดีต่อไป อย่างไรก็ดีก็ยังมีคนทำพยายามอะไรแผลงๆ ทำพิธีตัดกรรมให้ ทักษิณ โดยเชื่อว่าจะขาดเหมือนใช้กรรไกรตัดเส้นด้าย โดยมีนิมนต์ เลขาพระวัดสระเกศเป็นประธาน และพระอีก 109 รูป จะมาร่วมทำพิธีตัดกรรม
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวว่าการลาออกของนายสุเทพ เทือกสุบรรรณ รองนายกรัฐมนตรี เหมือนเป็นการตัดกรรม เพราะไม่ต้องการให้ตำแหน่งรองนายกฯต้องพลอยได้รับผลกระทบด้วย ถ้าไม่ลาออกเสียแต่ตอนนี้ เมื่อ กกต.ชี้มูลว่าขาดคุณสมบัติ เหตุไปมีหุ้นอยู่ในบริษัทที่ได้รับสัมปทานผูกขาดกับภาครัฐ ก็จะทำให้พ้นจากตำแหน่งส.ส. พอถึงตอนนั้นก็จะเกิดข้อครหาถึงจรรยาบรรณ ว่าทำไมศาลตัดสินแล้วยังดำรงตำแหน่งรองนายกฯอยู่ อีกอย่างประเด็นที่น่าสนใจในเร็วๆนี้จะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย อีกประมาณ 30 คน จะโดนในคดีเดียวกันนี้ด้วย ตรงนี้นายเจิมศักดิ์ แสดงความมั่นใจว่า ส.ส.ที่โดนชี้มูลความผิดเชื่อว่าคนเหล่านั้นจะลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่ แล้วกลับเข้ามาอีก อย่างนี้มันจะมีประโยชน์อะไรไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กลายเป็นว่ารัฐธรรมนูญไม่ดี ที่ไม่ได้เขียนโทษด้วยว่าถ้าเขาพ้นจากตำแหน่งต้องเว้นวรรคการเมืองกี่ปี กลับกันถ้าเขียนกำหนดโทษให้เว้นวรรคทางการเมือง ก็จะมี ส.ส. ออกมาท้วงติงว่า อย่างนี้เป็นยาแรง สรุปรัฐธรรมนูญก็เป็นแพะรับบาปอีก และการที่ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์หายไป 13 คน ไม่น่าจะส่งผลกระทบถึงเสถียรภาพของรัฐบาล เสียงยังเหลืออีก 260 แล้วเร็วๆนี้เพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาลก็จะโดนอีกจำนวนหนึ่ง
นายวิทวัส กล่าวว่า การประชุมอาเซียนที่ภูเก็ตมีผลงานเป็นที่น่าพอใจ (1.) กลไกสิทธิมนุษย์ชนอาเซียน ที่มีการยกร่างขอบเขตหน้าที่หรือ TOR ซึ่งคณะทำงานของไทยได้นำเสนอรายงานฉบับสุดท้ายต่อที่ประชุมอาเซียนและได้รับการรับรองเรียบร้อยแล้ว (2.) กลไกในการแก้ไขระงับข้อพิพาททั้งหลาย อันจะทำให้อาเซียนเป็นองกรณ์ที่มีนิติฐานะทำงานโดยมีกฎกติกาตามหลักสากล รวมทั้งการแก้ไขข้อพิพาทอันเนื่องมาจากฎบัตรหรือข้อตกลงต่างๆ ที่ใกล้จะแล้วเสร็จเตรียมนำเข้าสู่ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนยืนยันอีกครั้ง ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพประชุมครั้งที่ 15 ในวันที่ 15 ตุลาคม
“ที่ประชุมอาเซียนมีมาตรการสานต่อโครงการริเริ่มเชียงใหม่ ที่มีการลงขันกันไว้ในกรอบอาเซียน+3 เมื่อครั้งเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง จำนวนแปดหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่ตอนนั้นเป็นการช่วยเหลือกันแบบสองฝ่าย ขณะนี้ที่ประชุมอาเซียนได้มีกำหนดให้มีการขยายมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ เป็นพหุภาคี โดยขยายขันเงินให้ใหญ่ขึ้นเป็นหนึ่งแสนสองหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกับเร่งให้มาตรการนี้มีผลทางปฎิบัติ และต้องทำให้ได้ภายในปีนี้” นายวิทวัส กล่าว
นายวิทวัส กล่าวอีกว่าข้อตกลงเรื่องตั้งองค์กรสิทธิมนุษย์ชน ก่อนหน้าที่ ประเทศพม่า ไม่เห็นด้วย หลังจากที่ประชุมเรียกร้องให้มีการปรับแนวคิดใหม่ ให้กลับมาร่วมมือกับประเทศสมาชิก อย่าปล่อยให้ประเทศภายนอกชี้นิ้วสั่ง เพราะนาๆประเทศต่างเห็นพ้องว่าถึงเวลาที่อาเซียนต้องรวมตัวเป็นประชาคม ช่วยเหลือกันเอง หากพม่ายังดื้อดึงอาจทำให้อาเซียนทั้งหมดได้รับผลกระทบไปด้วย อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศพม่า ได้รับปากว่าจะเอาข้อเสนอแนะนี้ไปรายงานให้ผู้นำสูงสุดทราบ โดยเชื่อว่าจากการกดดันของประเทศสมาชิกจะทำให้พม่าเข้ามาร่วมมือในที่สุด