นายกฯ ยอมรับ GDP ปี 52 มีโอกาสติดลบมากถึง 4-5% สั่งขุนคลัง เร่งแผนกระตุ้น ศก.ชุด 2 วงเงิน 1.56 ล้าน ลบ.ขีดเส้น 2 สัปดาห์ พร้อมประกาศเดินหน้าจัดประชุมอาเซียนใหม่ มิ.ย.นี้ แน่นอน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังรับทราบรายงานสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ภายใต้การประเมินความเสี่ยงครั้งล่าสุด โดยคาดว่า อัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ (GDP) ในปีนี้จะลงจากเดิมที่คาดว่าจะติดลบ -2% โดยอาจจะติดลบได้สูงถึง 4-5% เนื่องจากเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการท่องเที่ยว รวมถึงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“จีดีพี ปีนี้ น่าจะปรับลดลงมาจาก -2 หรือมากกว่านั้นได้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะอยู่ที่ -2 ถึง - 4 ถึง -5%”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ประชุม ครม.วันนี้ ได้ปรับปรุงกรอบงบประมาณประจำปี 2553 โดยปรับลดงบประมาณรายจ่ายเหลือ 1.7 ล้านล้านบาท ทุกกระทรวงจะได้นำกลับไปปรับปรุงการจัดทำคำเสนอของบประมาณก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.อีกครั้งใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อนำเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 วงเงิน 1.56 ล้านล้านบาท ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาการจัดหาแหล่งเงินทุน และนำกลับมาเสนอ ครม.อีก 2 สัปดาห์ ซึ่งยืนยันว่า การก่อหนี้ของรัฐบาลนั้นจะดูแลไม่ให้ยอดหนี้สาธารณะเกิน 60% ของจีดีพี
นายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า หลังเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองจนส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งที่ประชุม ครม.วันนี้ได้มีการพิจารณาการขยายมาตรการช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวต่อไปอีก 1 ปี ทั้งการลดค่าธรรมเนียมวีซ่า ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังไปปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สินเชื่อแก่ภาคธุรกิจท่องเที่ยว และการชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางกลับมาท่องเที่ยวในไทยอีกครั้ง
ส่วนความคืบหน้าในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซียน รอบใหม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้หลายฝ่ายมีความเห็นตรงกันที่ต้องการให้รัฐบาลจัดการประชุมอาเซียน +3 และอาเซียน +6 อีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2552 หลังจากเกิดความวุ่นวายจากการชุมนุมทางการเมืองจนทำให้ต้องเลื่อนการประชุมครั้งก่อนที่พัทยาออกไป
อย่างไรก็ตาม ต้องหารือเรื่องดังกล่าวกับประเทศสมาชิกอาเซียนก่อน รวมทั้งพิจารณาถึงการเตรียมสถานที่จัดการประชุมที่จะต้องทำให้ผู้นำประเทศสมาชิกเกิดความมั่นใจ และพร้อมจะเข้าร่วมประชุม โดยกระทรวงต่างประเทศคาดว่าจะจัดประชุมครั้งใหม่ขึ้นที่ จ.ภูเก็ต แทนที่พัทยา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน เห็นว่า ไทยควรต้องจัดให้มีการประชุมดังกล่าวให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะเป้าหมายหลักของการประชุมเพื่อการจัดหาแหล่งเงินทุนมาช่วยประเทศภูมิภาคอาเซียน แต่ยังไม่สามารถจัดประชุมในเดือนพฤษภาคม 2552 นี้ได้ เนื่องจากทางอินเดียติดปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
“กระทรวงต่างประเทศได้สอบถามไปยังประเทศที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งในเดือน พ.ค.นี้ ติดปัญหาที่อินเดีย มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และหลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า อยากให้จัดประชุมในเดือน มิ.ย.นี้ เพราะเรามีความจำเป็นต้องหาแหล่งเงินทุนมาช่วยภูมิภาคโดยเร็ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว