xs
xsm
sm
md
lg

2 ทหารผู้ต้องหา“คดีสนธิ” “ป้อม-ป๊อก” อย่าปัดรับผิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ใกล้เข้ามาทุกที สำหรับการเดินหน้าปิดคดีสะเทือนขวัญ ถล่มยิง“สนธิ ลิ้มทองกุล” เมื่อตำรวจชุดคลี่คลายคดีนี้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหารายที่ 3 อันไม่เหนือความคาดหมายของคนส่วนใหญ่ที่ติดตามคดีนี้ ที่รู้กันดีว่า
คนบงการ-ผู้วางแผน
คือผู้มีอิทธิพลในวงการความมั่นคง
ดังนั้นเมื่อชื่อของ ส.อ. สมชาย บุนนาค สังกัดกองร้อยกองบังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นนายทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษ “ฉก.90” ในความผิดฉกรรจ์คือ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
การออกหมายจับ“ส.อ.สมชาย” ได้รับการยืนยันจากทีมสอบสวนว่า“พยานหลักฐานชัด”
ก่อนหน้านี้ตำรวจได้ออกหมายจับไปแล้ว 2 คน แต่ยังควานหาตัวไม่เจอ คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ตำรวจประจำศูนย์ข่าว บช.ปส. ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี ซึ่งหลังถูกศาลออกหมายจับ กองทัพได้มีคำสั่งปลดออกจากราชการไปแล้ว
เป็นคำสั่งที่ออกมาหลังที่มีเสียงตำหนิว่า กองทัพกำลังอุ้มคนผิด จึงไม่แน่ใจว่าหากไร้เสียงกดดันจากสังคม กองทัพจะยอมไล่ทหารลูกแถวสุดเลวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คนร้ายในคดี สนธิ ถูกกระชากหน้ากากออกมาแล้วเป็น “คนมีสี”ทั้งหมดที่ร่วมกันวางแผน-ปฏิบัติการลอบสังหาร เก็บ สนธิ กลางกรุงเทพฯ คือมี
1 ตำรวจ 2 ทหาร
แต่ไม่มีวี่แววคนร้ายทั้งสามจะยอมเข้ามามอบตัว ออกมาต่อสู้คดีในกระบวนการยุติธรรม มีแต่ จ.ส.อ.ปัญญา ตัวแสบ แทนที่จะติดต่อเข้ามาสู้คดี กลับส่งทนายออกมายื่นฟ้อง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. หัวหน้าพนักงานสอบสวน ในข้อหากลั่นแกล้งยัดความผิด ซึ่งศาลไม่รับฟ้องไปแล้ว
เพราะศาลเองเป็นผู้อนุมัติหมายจับ ซึ่งได้พิเคราะห์หลักฐานพยานจนแน่ใจ ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งใครตามที่ จ.ส.ต.ปัญญา อ้าง
ถ้าหาก จ.ส.อ.ปัญญาเชื่อมั่นว่า ตนไม่ได้กระทำผิดอย่างที่ถูกกล่าวหาจริง ทำไมไม่ออกมาต่อสู้คดีเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ นี่กลับมุดหัวซุกใต้ปีกของจอมบงการ
คอยออกมาสร้างข่าวทำลายความเชื่อถือพนักงานสอบสวนเป็นระยะๆ
ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่สังคมไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นยุทธวิธีของขบวนการลอบสังหาร สนธิ ที่เดินเกมมาตั้งแต่ต้น
คงไม่ลืมเหตุการณ์ที่เมื่องานสืบสวนสอบสวนเริ่มเดิน มีข่าวการข่มขู่จะเอาชีวิตพนักงานสอบสวนให้หยุดทำคดีนี้มาตลอด แต่ก็ไม่อาจทัดทานได้ กระทั่งมีการออกหมายจับแล้ว ก็ยังสร้างข่าวบิดเบือนให้สังคมไขว้เขว โดยกล่าวหาพนักงานสอบสวนกลั่นแกล้ง หรือโยนบาปให้กับคนอื่นเป็นแพะ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากกลุ่มตน และ ฯลฯ
อย่างไรก็ดี แทนที่คดีจะมืดมน แต่ยิ่งนานวันความชัดเจนแห่งคดีก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
คนร้ายตามหมายจับคดีสนธิ เป็น 2 ทหาร ในสังกัด “หน่วยรบพิเศษ” ทั้งยังมีข่าวยืนยันว่า พนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีกหลายราย และคราวต่อไป อาจจะเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร ซึ่งมีหน่วยสังกัดอยู่ใน “ฉก.90” เช่นกัน
เมื่อมากันเป็นแถวเช่นนี้ แล้วจะให้เชื่อได้อย่างไรว่า งานนี้ คนบงการสั่งฆ่า สนธิ ไม่เกี่ยวพันคนมีอำนาจในกองทัพ
ดังนั้น ถึงตอนนี้ ทั้ง ”บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และ“บิ๊กป๊อก” พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. จะนิ่งเฉย แล้วบอกว่า
ปล่อยให้ตำรวจเป็นคนจัดการ คงไม่ได้เสียแล้ว
เพราะในเมื่อทั้งสองคือผู้บังคับบัญชา ผู้มีอำนาจสูงสุดของเหล่าทัพ ต้องเคลียร์ตนเองจากคดีนี้ด้วย โดยแสดงความบริสุทธิ์ใจที่จะให้ตำรวจและสังคม ตรวจสอบได้อย่างเต็มที่
แค่พูดว่าไม่เกี่ยว หรือขู่จะฟ้องสื่อ ยังไม่พอ
ยังไม่สายที่จะได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ก็ด้วยการให้ความร่วมมือกับตำรวจในการกวาดบ้าน ทำความสะอาด เอา”ทหารนอกแถว” ออกจากหน่วย
ช่วยติดตามตัวผู้ต้องหาที่เป็นลูกน้องมามอบตัวสู้คดีเสียดีกว่า
หากเล่นบทไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ปัดความรับผิดชอบ คงไม่เป็นผลดีต่อทั้ง"ประวิตร-อนุพงษ์" กับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องที่กำลังพลทหารทำให้เกิดขึ้น
เป็นทหารแทนที่จะอยู่ในหน่วย คอยรับคำสั่งเพื่อไปทำงานให้ชาติ ปกป้องความมั่นคงให้แผ่นดิน แต่กลับตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันวางแผนฆ่า สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้นำมวลชนและนักสื่อสารมวลชน
แม้ ประวิตร-อนุพงษ์ อาจอ้างได้ว่า ทหารทั้งหน่วยทุกสังกัดมีมากมายก่ายกอง ใครจะบ้าไปดูแลให้ทั่วถึง หรือไปสอดส่องให้ทหารทุกคนอยู่ในรั้วในกรอบ
ถ้าจะปัดความรับผิดชอบกันแบบนี้ ก็ย่อมขาดความสง่างามกับการที่จะเป็นผู้นำกองทัพต่อไป ขอเสนอให้ลาออกเปิดทางให้ทหารที่มีระเบียบ วินัย กล้าหาญ มาแทนดีกว่า
ที่ต้องคาดว่า ผู้นำกองทัพอย่าง “ประวิตร-อนุพงษ์” จะต้องออกมาปัดความรับผิดชอบแบบง่ายๆ ก็เพราะหลายต่อหลายครั้ง มีร่องรอยรูปแบบการจัดการให้เห็นมาแล้ว เมื่อมีทหารที่อยู่นอกลู่นอกรอย ไม่เคารพระเบียบวินัยทหาร ไม่เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาก็เฉย ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่อนาทรร้อนใจเลย
ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ"เสธ.แดง" พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ออกไปเคลื่อนไหวการเมืองนอกกองทัพ และวิจารณ์ผู้บังคับบัญชาคือ พลเอกอนุพงษ์ อย่างรุนแรง และ"หมวดเจี๊ยบ" ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต ที่ทั้งเขียนหนังสือ ทักษิณ แวร์อาร์ยู –ทักษิณ อาร์ ยู โอเค โดยไปสัมภาษณ์ทักษิณถึงต่างประเทศ ทั้งที่เป็นคนหนีคดีความผิดที่ถูกศาลตัดสินจำคุก อีกทั้งยังเคลื่อนไหวการเมืองในลักษณะการสนับสนุนคนเสื้อแดง ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
และยังมีอีกหลายต่อหลายกรณี ที่มีให้เห็นกับพฤติกรรมของทหารนอกรีตนอกรอย บางรายถึงขั้นเป็น “ทหารมาเฟีย” อย่างเปิดเผย
ทั้งหลายทั้งปวงของปัญหาที่ทำลายภาพพจน์กองทัพ ก็พบว่ากองทัพในยุค พลเอกอนุพงษ์ ไม่ได้ให้ความสำคัญในการจัดระเบียบกองทัพแต่อย่างใด และจัดการลงโทษทหารเหล่านั้นเลย
กองทัพยุคนี้ กลับมีแต่ข่าวเรื่องการช่วงชิง-วางขุมกำลังในกองทัพตามหน่วยต่างๆ เพื่อให้มีการรับไม้อำนาจต่อๆกันไปเรื่อยๆ จะได้เป็นทั้งเกราะป้องกันตัวเองให้พ้นภัย และเพื่อความเติบใหญ่ในอนาคตหากทั้ง “ป้อมและป๊อก” จะเล่นการเมือง
เรื่องของ “ปัญญา ศรีเหรา-สมชาย บุนนาค” สองนายทหารหน่วยรบพิเศษ ที่ถูกออกหมายจับในความผิดฐานวางแผนฆ่าประชาชน ชนิดไม่เกรงกลัวทั้งต่อความผิดทางกฎหมาย และความเสื่อมเสียของเพื่อนทหารทั่วประเทศ ทั้งที่ทั้งสองคนเป็นทหาร แต่กลับมีพฤติกรรมเช่นนี้ ย่อมถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงยิ่ง
และคงไม่ดีแน่ หาก ประวิตร-อนุพงษ์ ยังคงเล่นบทลอยชาย ท่องคาถา “ปล่อยให้ตำรวจดำเนินการ”
เพราะสุดท้ายประชาชนอาจเข้าใจพวกท่านว่า ที่ไม่ตื่นเต้น ไม่เร่งรัด ไม่ร่วมมือ ในการทำความสะอาดกองทัพ เป็นเพราะพวกท่านทั้งสองคน
ไม่ใช่ทหารอาชีพ หรือไม่รักกองทัพ ไม่ห่วงชื่อเสียงศักดิ์ศรีของกองทัพ ปล่อยให้ทหารเลวไม่กี่คนมาทำลาย
โดยเฉพาะ“หน่วยรบพิเศษ” ที่เคยมีชื่อเสียงเกรียงไกร เป็นที่เกรงขามไปทั่วปฐพีถึงขุมกำลัง ความสามารถของทหารหน่วยนี้ แต่บัดนี้ ในยุคที่มี
ประวิตร เป็นรมว.กลาโหม อนุพงษ์ เป็นผบ.ทบ.
เกียรติคุณ ชื่อเสียง บารมีทั้งหมด ของทหารในสังกัดนี้ กำลังล่มสลายลง โดยที่ผู้บังคับบัญชาไม่สนใจ จะกอบกู้มันกลับคืนมา
กำลังโหลดความคิดเห็น