นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) เสนอให้โบนัสข้าราชการประจำปี 2552 จำนวน 6 พันกว่าล้านบาท เป็นเพียงข้อเสนอของ กพร.ว่าจะนำเงินเหลือจ่ายของส่วนราชการต่างๆ มาใช้ในเรื่องนี้ได้หรือไม่ แต่ประเด็นคือ ยังไม่มีใครรู้ว่ามีเงินเหลือจ่ายหรือไม่และหากรู้ว่ามีเงินเหลือจ่ายมันจะเหมาะสมหรือไม่ เรื่องนี้จึงยังไม่ผ่านความเห็นของคณะรัฐมนตรี (ครม.)
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม. เปิดเผยว่า กพร. ได้เสนอ การจัดสรรเงินรางวัลสำหรับหน่วยงานราชการจังหวัด และ สถาบันอุดมศึกษาที่มีการปฏิบัติราชการ ปี 2552 งบประมาณ 6,835 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณเหลือจ่ายปี 2552 และ ขอจัดสรรเงินสมทบจากงบกลางปี 2553 เพื่อสร้างแรงจูงใจให้มีการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ผ่อนภาระการขึ้นเงินเดือน และ กระตุ้นเศรษฐกิจ แก่ข้าราชการจำนวน 1.5 ล้านคน โดยให้มีผลในช่วงเดือน ต.ค.2552นี้
แต่ นายกรัฐมนตรีขอให้ถอนเรื่องไปก่อน เพื่อไปดูประมาณการตัวเลขงบประมาณจากปีก่อน และข้อมูลจากกรมบัญชีกลางว่า จะมีเงินเหลือจ่ายเพียงพอหรือไม่ โดยให้ กพร. ไปทำความตกลงกับกรมบัญชีกลาง เพื่อเสนอแก้ไขระเบียบของกรมบัญชี ที่กำหนดให้นำเงินเหลือจ่ายมาใช้ได้ไม่เกิน 50 % มาให้เพื่อการพัฒนาองค์กร เพื่อให้นำไปใช้จัดสรรเป็นเงินรางวัลประจำปี โดยอาจต้องปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินรางวัลข้าราชการกันใหม่ โดยจะเปลี่ยนไปเน้นให้ความสำคัญกับข้าราชการระดับล่างเป็นอันดับแรกก่อน
แหล่งข่าวกล่าวว่า เรื่งดังกล่าวเป็นผลจากที่คณะกรรมการ กพร. ได้ประชุมเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.52 ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมได้พิจารณาเรื่องที่ ครม. ได้ตัดงบประมาณ ปี 2553 รายการค่าใช้จ่าย การปรับเงินค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ (โบนัสข้าราชการ) ประจำปีงบประมาณสำหรับการจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษ สำหรับผู้บริหาร และเงินรางวัล สำหรับผู้ปฏิบัติงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 รวม 6,835 ล้านบาท โดยมีเหตุผลว่า ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลไม่มีเงินมาจัดสรร
ทั้งนี้ที่ประชุม กพร. เห็นว่า โบนัสข้าราชการยังมีความจำเป็นปรับปรุงประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของระบบราชการที่ดีขึ้น การจัดสรรเงินรางวัลข้าราชการ ยังเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจ แก่ข้าราชการทำให้เกิดความพึงพอใจ ปรับปรุงยกระดับคุณภาพการบริการประชาชนให้สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศโดยรวม
ในมาตรา 48 และ 49 ใน พ.ร.ฎ. ว่าด้วยหลักกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการ บ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 กำหนดให้ส่วนราชการมีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติราชการ และให้ กพร.เสนอ ครม. จัดสรรเพิ่มพิเศษเป็นบำเหน็จความชอบ แก่ส่วนราชการ ซึ่งทุกปี กพร.จะใช้การเสนอของบประมาณมาจ่ายเป็นบำเหน็จ ความชอบพิเศษ แต่ปีนี้ กพร.เสนอขอใช้เงินเหลือจ่ายจากงบประมาณส่วนราชการ ที่ประหยัดได้จากค่าน้ำค่าไฟ หรือ การประมูลงานต่างๆ และที่เหลือขอสมทบจากงบกลางปีงบฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้นนายกอร์ปศักดิ์ เคยระบุว่า ข้าราชการจะไม่ได้รับเงินรางวัลประจำปีงประมาณ 2553 แน่นอน เพราะงบประมาณถูกตัดไปแล้ว ส่วนปีงบประมาณ 2554 จะมีหรือไม่ต้องแล้วแต่ภาวะเศรษฐกิจ และนโยบายของรัฐบาล
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม. เปิดเผยว่า กพร. ได้เสนอ การจัดสรรเงินรางวัลสำหรับหน่วยงานราชการจังหวัด และ สถาบันอุดมศึกษาที่มีการปฏิบัติราชการ ปี 2552 งบประมาณ 6,835 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณเหลือจ่ายปี 2552 และ ขอจัดสรรเงินสมทบจากงบกลางปี 2553 เพื่อสร้างแรงจูงใจให้มีการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ผ่อนภาระการขึ้นเงินเดือน และ กระตุ้นเศรษฐกิจ แก่ข้าราชการจำนวน 1.5 ล้านคน โดยให้มีผลในช่วงเดือน ต.ค.2552นี้
แต่ นายกรัฐมนตรีขอให้ถอนเรื่องไปก่อน เพื่อไปดูประมาณการตัวเลขงบประมาณจากปีก่อน และข้อมูลจากกรมบัญชีกลางว่า จะมีเงินเหลือจ่ายเพียงพอหรือไม่ โดยให้ กพร. ไปทำความตกลงกับกรมบัญชีกลาง เพื่อเสนอแก้ไขระเบียบของกรมบัญชี ที่กำหนดให้นำเงินเหลือจ่ายมาใช้ได้ไม่เกิน 50 % มาให้เพื่อการพัฒนาองค์กร เพื่อให้นำไปใช้จัดสรรเป็นเงินรางวัลประจำปี โดยอาจต้องปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินรางวัลข้าราชการกันใหม่ โดยจะเปลี่ยนไปเน้นให้ความสำคัญกับข้าราชการระดับล่างเป็นอันดับแรกก่อน
แหล่งข่าวกล่าวว่า เรื่งดังกล่าวเป็นผลจากที่คณะกรรมการ กพร. ได้ประชุมเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.52 ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมได้พิจารณาเรื่องที่ ครม. ได้ตัดงบประมาณ ปี 2553 รายการค่าใช้จ่าย การปรับเงินค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ (โบนัสข้าราชการ) ประจำปีงบประมาณสำหรับการจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษ สำหรับผู้บริหาร และเงินรางวัล สำหรับผู้ปฏิบัติงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 รวม 6,835 ล้านบาท โดยมีเหตุผลว่า ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลไม่มีเงินมาจัดสรร
ทั้งนี้ที่ประชุม กพร. เห็นว่า โบนัสข้าราชการยังมีความจำเป็นปรับปรุงประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของระบบราชการที่ดีขึ้น การจัดสรรเงินรางวัลข้าราชการ ยังเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจ แก่ข้าราชการทำให้เกิดความพึงพอใจ ปรับปรุงยกระดับคุณภาพการบริการประชาชนให้สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศโดยรวม
ในมาตรา 48 และ 49 ใน พ.ร.ฎ. ว่าด้วยหลักกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการ บ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 กำหนดให้ส่วนราชการมีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติราชการ และให้ กพร.เสนอ ครม. จัดสรรเพิ่มพิเศษเป็นบำเหน็จความชอบ แก่ส่วนราชการ ซึ่งทุกปี กพร.จะใช้การเสนอของบประมาณมาจ่ายเป็นบำเหน็จ ความชอบพิเศษ แต่ปีนี้ กพร.เสนอขอใช้เงินเหลือจ่ายจากงบประมาณส่วนราชการ ที่ประหยัดได้จากค่าน้ำค่าไฟ หรือ การประมูลงานต่างๆ และที่เหลือขอสมทบจากงบกลางปีงบฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้นนายกอร์ปศักดิ์ เคยระบุว่า ข้าราชการจะไม่ได้รับเงินรางวัลประจำปีงประมาณ 2553 แน่นอน เพราะงบประมาณถูกตัดไปแล้ว ส่วนปีงบประมาณ 2554 จะมีหรือไม่ต้องแล้วแต่ภาวะเศรษฐกิจ และนโยบายของรัฐบาล