ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลอนุมัติหมายจับอีก 1 ราย "ส.อ.สมชาย บุนนาค"สังกัดกองร้อยกองบังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี ผู้ต้องหาร่วมกันใช้อาวุธสงครามลอบสังหาร"สนธิ ลิ้มทองกุล"หลังจากที่ได้ออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหาไปก่อนหน้านี้ แต่ยังหลบหนีลอยนวล
วานนี้(10 ส.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดพนักงานสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ขออนุมัติหมายจับ ส.อ.สมชาย บุนนาค สังกัดกองร้อยกองบังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี เพิ่มต่อศาลอาญารัชดา โดยศาลได้อนุมัติหมายจับใน 5 ข้อหาฉกรรจ์ตามสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ประกอบด้วยข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด พกพาไปในเมือง หมู่บ้าน หรือแหล่งที่อยู่อาศัย โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเปิดเผย และไม่มีเหตุจำเป็น และเร่งด่วนตามสมควรแห่งพฤติการณ์ ยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมืองหรือที่ชุมนุมชน ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กระทำการเป็นซ่องโจร เพื่อกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมถึงแนวทางการสืบสวนที่สาวไปถึง ส.อ. สมชาย บุนนาค ที่ถูกออกหมายจับล่าสุด พบว่า เป็นทหารสังกัดเดียวกับ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ที่ถูกออกหมายจับในคดีเดียวกัน โดยหลักฐานสำคัญที่ทีมสืบสวนใช้ติดตามคนร้ายจนสามารถออกหมายจับได้เพิ่มเติมนั้นมากจากการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ ซึ่งพบว่า ส.อ.สมชาย เป็นผู้ร่วมทีมลอบยิงนายสนธิครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ทีมสืบสวนยังทราบด้วยว่าขณะนี้ ส.อ.สมชาย ได้หลบหนีไปแล้ว ตั้งแต่ จ.ส.อ.ปัญญา เพื่อนร่วมทีมสังหารถูกออกหมายจับไปก่อนหน้า เพราะรู้ตัวเองว่าจะต้องถูกออกหมายจับด้วยในไม่ช้า
มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วงเช้าวันนี้(11 ส.ค.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. ได้เรียกชุดสืบสวนในคดีนี้ทั้งหมดมาพบที่สำนักงาน อาคาร 1 ตร. เพื่อวางแผนและจัดแบ่งทีมงานใหม่เพื่อสืบสวนสอบสวนติดตามความคืบหน้าในคดี และติดตามตัวผู้ต้องหาในคดีนี้
สำหรับคดีนี้ ก่อนหน้านี้ ชุดพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุยิงถล่มนายสนธิ 2 คน ประกอบด้วย ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือ นายอรรถพล ปาทาน จนท.ศูนย์ข่าว บช.ปส. ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเสษ และ จ.ส.อ.ปัญญา หรือห่อ ศรีเหรา ทหารศูนย์สังกัดสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี 2 ไปเมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง 2 คน ยังไม่มีการติดต่อขอเข้ามอบตัว แต่ทว่า ได้ดำเนินการด้วยวิธีการต่างๆแทน อาทิ จ.ส.อ.ปัญญา ได้ให้ทนายความเข้าฟ้องร้อง พล.ต.อ.ธานี กับพวก ฐานออกหมายจับโดยมิชอบ แต่ศาลได้ยกคำร้องไม่รับฟ้องในเวลาต่อมา ในขณะที่ ส.ต.ท.วรวุฒิ ได้ส่งหนังสือขอความเป็นธรรมไปถึง พล.ต.อ.ธานี แต่ทั้ง 2 คน ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะเข้ามอบตัวแต่อย่างใด กลับดำเนินการด้วยวิธีอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การคลี่คลายคดีลอบสังหารนายสนธิ ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.ธานี ได้ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปก่อนหน้านี้แล้ว ได้ออกมาระบุว่า "เจอตอ" จนกระทั่งเกิดกระแสข่าวนายกรัฐมนตีจะปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ออกจากตำแหน่ง แต่ภายหลัง พล.ต.อ.พัชรวาท ขอยุติปัญหาด้วยการเดินทางไปต่างประเทศแทน โดยมีกำหนดกลับวันที่ 14 ส.ค. แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท เดินทางกลับจากต่างประเทศเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา และเพิ่งมาแสดงตัวให้เป็นที่ปรากฏกับสังคมวันที่ 10 ส.ค.ซึ่งเป็นวันเดียวกับ ที่พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติออกหมายจับ ส.อ.สมชาย บุนนาค
นอกจากนั้น เป็นที่น่าสังเกตุว่าวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการกลับมาปฎิบัติหน้าที่ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ว่าเป็นการแสดงให้เห็นว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่ใช่ปัญหาตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้านี้ พร้อมกับยกตัวอย่างให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เห็นไม ล่าสุดคดียิงนายสนธิ ได้มีการออกหมายจับเพิ่มอีก 1 คน เหมือนกับต้องการให้ผู้สื่อข่าวรับรู้ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่ใช่ ตอ ในคดีนี้
ขณะที่การติดตามจับกุม 2 ผู้ต้องหาที่ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ 2 คน ปรากฎว่า นายกรัฐมนตรี กลับไม่ค่อยให้ความสนใจ และถือว่าท่าทีของนายกรัฐมนตรี ในการคลี่คลายคดียิงนายสนธิ ได้อ่อนลง หลังจากมีปัญหาเรื่องการปลด ไม่ ปลด ผบ.ตร.จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า นายกฯเห็นแก่ประโยชน์ทางการเมือง มากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ เพราะก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันตลอดมาว่า จะต้องปิดคดีให้ได้ก่อน พล.ต.อ.ธานี เกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้
วันเดียวกัน ที่แผนกอุทธรณ์ – ฎีกา ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายบัญญัติ จิตรเย็น ทนายความของ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล เดินทางมายื่นอุทธรณ์ กรณีที่ศาลอาญา มีคำสั่งเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ไม่รับฟ้องคดีที่ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และ พ.ต.อ.วิชาญวัชร์ บริรักษ์กุล พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
โดยนายบัญญัติ กล่าวว่า การยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลอาญาที่ออกมา จึงขอให้ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาหรือคำสั่งกลับคำสั่งศาลอาญาที่ไม่รับฟ้องดังกล่าว ทั้งนี้เบื้องต้นศาลอาญา นัดฟังคำสั่งว่าจะรับอุทธรณ์หรือไม่ ภายใน 3 วัน
ส่วนการมอบตัวนั้น นายบัญญัติ กล่าวว่า ที่ตนได้ประสานกับญาติ จ.ส.อ.ปัญญา ก็แต่เพียงหารือกันเรื่องอุทธรณ์การฟ้องคดี ส่วนการมอบตัวเดิมที จ.ส.อ.ปัญญา ตั้งใจจะมอบตัวเพื่อจะร่วมไต่สวนมูลฟ้องคดี หากศาลรับคดีไว้พิจารณา แต่เมื่อศาลไม่รับฟ้อง จึงทำให้ต้องพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจาก จ.ส.อ.ปัญญา รู้สึกไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัย รวมทั้งความยุติธรรมที่จะได้รับซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก .
วานนี้(10 ส.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดพนักงานสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ขออนุมัติหมายจับ ส.อ.สมชาย บุนนาค สังกัดกองร้อยกองบังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี เพิ่มต่อศาลอาญารัชดา โดยศาลได้อนุมัติหมายจับใน 5 ข้อหาฉกรรจ์ตามสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ประกอบด้วยข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด พกพาไปในเมือง หมู่บ้าน หรือแหล่งที่อยู่อาศัย โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเปิดเผย และไม่มีเหตุจำเป็น และเร่งด่วนตามสมควรแห่งพฤติการณ์ ยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมืองหรือที่ชุมนุมชน ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กระทำการเป็นซ่องโจร เพื่อกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมถึงแนวทางการสืบสวนที่สาวไปถึง ส.อ. สมชาย บุนนาค ที่ถูกออกหมายจับล่าสุด พบว่า เป็นทหารสังกัดเดียวกับ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ที่ถูกออกหมายจับในคดีเดียวกัน โดยหลักฐานสำคัญที่ทีมสืบสวนใช้ติดตามคนร้ายจนสามารถออกหมายจับได้เพิ่มเติมนั้นมากจากการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ ซึ่งพบว่า ส.อ.สมชาย เป็นผู้ร่วมทีมลอบยิงนายสนธิครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ทีมสืบสวนยังทราบด้วยว่าขณะนี้ ส.อ.สมชาย ได้หลบหนีไปแล้ว ตั้งแต่ จ.ส.อ.ปัญญา เพื่อนร่วมทีมสังหารถูกออกหมายจับไปก่อนหน้า เพราะรู้ตัวเองว่าจะต้องถูกออกหมายจับด้วยในไม่ช้า
มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วงเช้าวันนี้(11 ส.ค.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. ได้เรียกชุดสืบสวนในคดีนี้ทั้งหมดมาพบที่สำนักงาน อาคาร 1 ตร. เพื่อวางแผนและจัดแบ่งทีมงานใหม่เพื่อสืบสวนสอบสวนติดตามความคืบหน้าในคดี และติดตามตัวผู้ต้องหาในคดีนี้
สำหรับคดีนี้ ก่อนหน้านี้ ชุดพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุยิงถล่มนายสนธิ 2 คน ประกอบด้วย ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือ นายอรรถพล ปาทาน จนท.ศูนย์ข่าว บช.ปส. ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเสษ และ จ.ส.อ.ปัญญา หรือห่อ ศรีเหรา ทหารศูนย์สังกัดสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี 2 ไปเมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง 2 คน ยังไม่มีการติดต่อขอเข้ามอบตัว แต่ทว่า ได้ดำเนินการด้วยวิธีการต่างๆแทน อาทิ จ.ส.อ.ปัญญา ได้ให้ทนายความเข้าฟ้องร้อง พล.ต.อ.ธานี กับพวก ฐานออกหมายจับโดยมิชอบ แต่ศาลได้ยกคำร้องไม่รับฟ้องในเวลาต่อมา ในขณะที่ ส.ต.ท.วรวุฒิ ได้ส่งหนังสือขอความเป็นธรรมไปถึง พล.ต.อ.ธานี แต่ทั้ง 2 คน ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะเข้ามอบตัวแต่อย่างใด กลับดำเนินการด้วยวิธีอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การคลี่คลายคดีลอบสังหารนายสนธิ ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.ธานี ได้ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปก่อนหน้านี้แล้ว ได้ออกมาระบุว่า "เจอตอ" จนกระทั่งเกิดกระแสข่าวนายกรัฐมนตีจะปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ออกจากตำแหน่ง แต่ภายหลัง พล.ต.อ.พัชรวาท ขอยุติปัญหาด้วยการเดินทางไปต่างประเทศแทน โดยมีกำหนดกลับวันที่ 14 ส.ค. แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท เดินทางกลับจากต่างประเทศเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา และเพิ่งมาแสดงตัวให้เป็นที่ปรากฏกับสังคมวันที่ 10 ส.ค.ซึ่งเป็นวันเดียวกับ ที่พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติออกหมายจับ ส.อ.สมชาย บุนนาค
นอกจากนั้น เป็นที่น่าสังเกตุว่าวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการกลับมาปฎิบัติหน้าที่ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ว่าเป็นการแสดงให้เห็นว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่ใช่ปัญหาตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้านี้ พร้อมกับยกตัวอย่างให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เห็นไม ล่าสุดคดียิงนายสนธิ ได้มีการออกหมายจับเพิ่มอีก 1 คน เหมือนกับต้องการให้ผู้สื่อข่าวรับรู้ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่ใช่ ตอ ในคดีนี้
ขณะที่การติดตามจับกุม 2 ผู้ต้องหาที่ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ 2 คน ปรากฎว่า นายกรัฐมนตรี กลับไม่ค่อยให้ความสนใจ และถือว่าท่าทีของนายกรัฐมนตรี ในการคลี่คลายคดียิงนายสนธิ ได้อ่อนลง หลังจากมีปัญหาเรื่องการปลด ไม่ ปลด ผบ.ตร.จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า นายกฯเห็นแก่ประโยชน์ทางการเมือง มากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ เพราะก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันตลอดมาว่า จะต้องปิดคดีให้ได้ก่อน พล.ต.อ.ธานี เกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้
วันเดียวกัน ที่แผนกอุทธรณ์ – ฎีกา ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายบัญญัติ จิตรเย็น ทนายความของ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล เดินทางมายื่นอุทธรณ์ กรณีที่ศาลอาญา มีคำสั่งเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ไม่รับฟ้องคดีที่ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และ พ.ต.อ.วิชาญวัชร์ บริรักษ์กุล พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
โดยนายบัญญัติ กล่าวว่า การยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลอาญาที่ออกมา จึงขอให้ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาหรือคำสั่งกลับคำสั่งศาลอาญาที่ไม่รับฟ้องดังกล่าว ทั้งนี้เบื้องต้นศาลอาญา นัดฟังคำสั่งว่าจะรับอุทธรณ์หรือไม่ ภายใน 3 วัน
ส่วนการมอบตัวนั้น นายบัญญัติ กล่าวว่า ที่ตนได้ประสานกับญาติ จ.ส.อ.ปัญญา ก็แต่เพียงหารือกันเรื่องอุทธรณ์การฟ้องคดี ส่วนการมอบตัวเดิมที จ.ส.อ.ปัญญา ตั้งใจจะมอบตัวเพื่อจะร่วมไต่สวนมูลฟ้องคดี หากศาลรับคดีไว้พิจารณา แต่เมื่อศาลไม่รับฟ้อง จึงทำให้ต้องพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจาก จ.ส.อ.ปัญญา รู้สึกไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัย รวมทั้งความยุติธรรมที่จะได้รับซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก .