พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังเปิดบ้านซอยระนอง 2 ให้นายทหารเข้าอวยพรเนื่องในวันครบรอบ 75 ปี ถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง ล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรว่า อะไรก็ตามที่ดึงไปยุ่งเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่สมควรทำทั้งนั้น ในเมื่อทุกคนจงรักภักดีก็ไม่ควรเอาอะไรไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาท เรื่องการเมืองก็จะต้องว่ากันไปตามการเมืองไม่ควรดึงพระองค์ท่านลงมา ทุกฝ่ายพยายามเอาท่านมาเป็นประโยชน์ของฝ่ายตนมันไม่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่าสมควรจะยุติในเรื่องการถวายฎีกาหรือไม่ พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น ตนไม่ทราบเจตนา หรือ สาเหตุ แต่ปัญหาจริง ๆ ของประเทศไทยในปัจจุบันคือ การเข่นฆ่ากันเกินไป ถ้าคิดเห็นไม่ตรงกันก็ห่ำหั่นกัน กลายเป็นศัตรู ทั้งที่ความจริงไม่มีใครที่มีความเห็นถูกเสมอไป
ทำไมไม่มองภาพรวมว่า คนไทยทุกคนมีความรักต่อประเทศชาติ อย่างกับที่มีความจงภักดีกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตอนนี้แบ่งกันเป็นสี ก็เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ทางการเมือง สร้างความยุ่งเหยิงไม่เรียบร้อย มุ่งแต่จะเอาชนะ ไม่เห็นหรือว่าประเทศอื่นเมื่อเขาเลือกตั้งผลออกมารู้แพ้รู้ชนะเขาก็จับมือกัน พร้อมจะทำงานร่วมกับรัฐบาล ช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ เมื่อไหร่จะเห็นการเมืองเราเป็นอย่างนั้นบ้าง อยากให้คนในชาติสมานฉันท์กัน เลิกรบราฆ่าฟันกัน ที่ออกมาเต้นเย้วๆ ว่าเป็นฝ่ายโน้น ฝ่ายนี้เขาก็ไม่อยากออกมา ถ้าสมานฉันท์ได้ก็เป็นเรื่องที่ดี ขณะนี้การเมืองไทยยิ่งกว่า ถอยหลังเข้าคลองเสียอีก มันถอยหลังลงคลองไปเลย เพราะไม่เคยมียุคไหนที่มีการตั้งตัวเป็นศัตรูเหมือนอย่างนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไม่สามารถ ทำให้เกิดความสมานฉันท์ได้ พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ คนเดียวทำไม่ได้ อยู่ที่ทีม ในความคิดของตนนายอภิสิทธิ์ ยังคอนโทรลพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เลย ต่อข้อถามว่า ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่ขาดความเชื่อมั่น พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า พูดยากเราไม่มีความคิดว่าถ้าใครขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วต้องช่วยกันให้เขาบริหารประเทศชาติไปให้ได้ นั้นคือสิ่งที่ควรทำ ตนไม่เคยตำหนินายกรัฐมนตรีเลยสักคนใครเป็นนายกฯตนก็เอาใจช่วย เพราะเราเลือกเขามาเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าทำงานไม่ได้ก็แย่ ต้องช่วยให้เขาบริหารประเทศให้ได้
เมื่อถามว่า เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีอ่อนประสบการณ์และวัยวุฒิยังไม่ถึงใช่หรือไม่ พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เป็นแต่ว่า นายอภิสิทธิ์ มีเพาเวอร์จริงจังหรือเปล่าในพรรคประชาธิปัตย์ คือไม่สามารถคอนโทรลพรรคด้วยตัวของตัวเอง ต้องอาศัยคนอื่นเป็นตัวช่วย ในพรรคก็มีปัญหา มีทั้งมุ้งเล็กมุ้งใหญ่ ทุกยุคทุกสมัย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองปัญหาการเมืองขณะนี้อย่างไร พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า เท่าที่ฟังจากผู้รู้ว่ารัฐบาลได้เงินมาแล้วใช้ไม่เป็น นักเศรษฐศาสตร์ นักเศรษฐกิจ เขาว่าอย่างนั้น เงินทีได้มานั้นไม่เอาไปทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์ แต่ตนไม่ขอวิจารณ์ผลงาน 6 เดือนของรัฐบาล แต่ควรให้ทำงานต่อไป ยกเว้นว่าทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ต้องก็อยู่ไม่ได้
ส่วนปัญหาเรื่องการโยกย้ายตำรวจนั้น พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า ในวงการตำรวจ เป็นมานานแล้ว การที่จะไม่ให้นายกรัฐมนตรี มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายคงไม่ถูก นายกรัฐมนตตรี ต้องมีอำนาจเลือก ผบ.ตร. ถ้าไม่มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายแล้วจะสั่งนโยบายลงไปได้อย่างไร ส่วนการเมืองมาแทรกแซงหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับข้าราชการ และการวางตัวจะยอมให้เขาล้วงหรือไม่ ถ้าวางตัวดีไม่หวั่นเกรงเขาก็ล้วงไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลจะไปรอดหรือไม่ พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า ไม่รู้ การจะรอดหรือไม่อยู่ที่การเมืองถ้าเล่นเป็นก็อยู่รอด เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยต่อประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.สุจินดา กล่าวว่าไม่ทราบ แต่สงสัยว่าประเทศไทยไม่มีใครอีกแล้วหรือ นอกจาก พ.ต.ท. ทักษิณ ทำไมต้องมี พ.ต.ท.ทักษิณ คนไทยถึงจะอยู่ได้ ทำไมต้องเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ประเทศไทยจึงจะเจริญรุ่งเรื่อง คนไทยหมดฝีมือไม่มีใครที่มีฝีมือแล้วหรือ
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงถึงการตั้งโต๊ะให้ประชาชนถอนชื่อในฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง และคัดค้านการถวายฎีกากระทรวงมหาดไทยไม่ได้มีเป้าหมาย แต่ละจังหวัดจะเป็นผู้ดำเนินการเอง ซึ่งขณะนี้มีตัวเลขที่ส่งมาแล้วประมาณกว่า 1 ล้านคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 10 ส.ค.นี้ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ได้ตั้งกระทู้ถามด่วนนายกรัฐมนตรี เรื่องบทบาทของกองทัพในการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์
นายคำนูณ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมามีบุคคลบางกลุ่มดำเนินการโฆษณาเรียกร้อง ให้ประชาชนร่วมลงชื่อเพื่อถวายฎีกา โดยที่นายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา ส.ส. ,ส.ว. นักวิชาการทั้งด้านนิติศาสตร์และด้านอื่น องค์กรภาคประชาชน และบางพรรคการเมือง เห็นว่าไม่ถูกกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ไม่เข้าข่ายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ หรือฎีการ้องทุกข์ แต่เป็นฎีกาการเมือง ที่มีเจตนาแฝงเร้นอันอาจเป็นผลเสียหายใหญ่หลวงต่อสถาบันและความมั่นคงของชาติ แต่ปรากฏว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. แสดงออกในลักษณะไม่แสดงความคิดเห็น
รัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องจัดให้มีกำลังทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จำเป็นเพียงพอเพื่อพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตย ความมั่นคงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะที่ยังมีกฎหมายรองลงมาอีกหลายฉบับ อาทิ พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ร.บ.ราชองครักษ์ กำหนดให้กองทัพและทหารมีหน้าที่โดยตรงในการปกป้องสถาบันฯ จึงอยากทราบว่าบทสัมภาษณ์ของ พล.อ.อนุพงษ์ที่ผ่านมา มีความหมาย และเจตนาที่แท้จริงอย่างไร สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ กองทัพที่มีเครื่องไม้เครื่องมือทั้ง สถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ ที่จะสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนได้เพียงพอ ได้ดำเนินการอย่างใดหรือไม่
พล.ต.ต.สัญชัย สุนทรบุระ ผู้บังคับการกองสารนิเทศ(ผบก.สท.)เปิดเผยว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา(สบ10) รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้กำชับข้าราชการตำรวจทุกนาย ไม่ให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการลงชื่อถวายฎีกา โดยให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น กำชับ ตรวจสอบแนะนำข้าราชการตำรวจทุกนาย ให้ระมัดระวังการกระทำการใดๆ อันอาจเป็นการระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท หากพบว่าผู้ใดกระทำการดังกล่าวให้ตรวจสอบและพิจารณาดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
วันเดียวกันที่ห้องจิตรลดา รร.เอสดีอเวนิว ปิ่นเกล้า สมาคมส่งเสริมการศึกษา ตลอดชีวิตไทย (สศชท.) ชมรมผู้บริหารสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) และเครือข่าย กศน. ประมาณ 50 คน นำโดยนายทวีศักดิ์ วิศิษฎางกูร นายก สศทช. ร่วมกันออกแถลงการณ์ ขอให้ยับยั้งการถวาบฎีกาเพื่อไม่ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และทางสมาคมฯ ชมรมฯ และเครือข่าย กศน.จะร่วยมรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการถวายฎีกาฯ
นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่าตัวเลขผู้ร่วมลงชื่อในฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้มี 5.4 ล้านชื่อ ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ คาดว่าหากตรวจสอบเสณ้จอาจมีรายชื่อทั้งสิ้น 6 ล้านชื่อก็ได้ ดังนั้นจึงนัดวันเวลาในการยื่นถวายฎีกาโดยชัดเจนเปห็นวันที่ 17 ส.ค.เวลา 13.00 น. โดยจะมีตัวแทนเข้ายื่นถวายฎีกา 1,500 คน เพื่อขนรายชื่อเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง
นายวีระ กล่าวว่ากลุ่มเสื้อแดงจะลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชนเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการถวายฎีกาฯ หลังจากรัฐบาลพยายามขัดขวางและตั้งโต๊ะให้ประชาชนถอนชื่อในการถวายฎีกา แต่ไม่สำเร็จจึงล่าชื่อคัดค้านการถวายฎีกา โดยจะเริ่มลงพื้นที่ในวันที่ 8 ส.ค.เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 17 ส.ค.
ผู้สื่อข่าวถามว่าสมควรจะยุติในเรื่องการถวายฎีกาหรือไม่ พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น ตนไม่ทราบเจตนา หรือ สาเหตุ แต่ปัญหาจริง ๆ ของประเทศไทยในปัจจุบันคือ การเข่นฆ่ากันเกินไป ถ้าคิดเห็นไม่ตรงกันก็ห่ำหั่นกัน กลายเป็นศัตรู ทั้งที่ความจริงไม่มีใครที่มีความเห็นถูกเสมอไป
ทำไมไม่มองภาพรวมว่า คนไทยทุกคนมีความรักต่อประเทศชาติ อย่างกับที่มีความจงภักดีกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตอนนี้แบ่งกันเป็นสี ก็เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ทางการเมือง สร้างความยุ่งเหยิงไม่เรียบร้อย มุ่งแต่จะเอาชนะ ไม่เห็นหรือว่าประเทศอื่นเมื่อเขาเลือกตั้งผลออกมารู้แพ้รู้ชนะเขาก็จับมือกัน พร้อมจะทำงานร่วมกับรัฐบาล ช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ เมื่อไหร่จะเห็นการเมืองเราเป็นอย่างนั้นบ้าง อยากให้คนในชาติสมานฉันท์กัน เลิกรบราฆ่าฟันกัน ที่ออกมาเต้นเย้วๆ ว่าเป็นฝ่ายโน้น ฝ่ายนี้เขาก็ไม่อยากออกมา ถ้าสมานฉันท์ได้ก็เป็นเรื่องที่ดี ขณะนี้การเมืองไทยยิ่งกว่า ถอยหลังเข้าคลองเสียอีก มันถอยหลังลงคลองไปเลย เพราะไม่เคยมียุคไหนที่มีการตั้งตัวเป็นศัตรูเหมือนอย่างนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไม่สามารถ ทำให้เกิดความสมานฉันท์ได้ พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ คนเดียวทำไม่ได้ อยู่ที่ทีม ในความคิดของตนนายอภิสิทธิ์ ยังคอนโทรลพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เลย ต่อข้อถามว่า ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่ขาดความเชื่อมั่น พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า พูดยากเราไม่มีความคิดว่าถ้าใครขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วต้องช่วยกันให้เขาบริหารประเทศชาติไปให้ได้ นั้นคือสิ่งที่ควรทำ ตนไม่เคยตำหนินายกรัฐมนตรีเลยสักคนใครเป็นนายกฯตนก็เอาใจช่วย เพราะเราเลือกเขามาเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าทำงานไม่ได้ก็แย่ ต้องช่วยให้เขาบริหารประเทศให้ได้
เมื่อถามว่า เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีอ่อนประสบการณ์และวัยวุฒิยังไม่ถึงใช่หรือไม่ พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เป็นแต่ว่า นายอภิสิทธิ์ มีเพาเวอร์จริงจังหรือเปล่าในพรรคประชาธิปัตย์ คือไม่สามารถคอนโทรลพรรคด้วยตัวของตัวเอง ต้องอาศัยคนอื่นเป็นตัวช่วย ในพรรคก็มีปัญหา มีทั้งมุ้งเล็กมุ้งใหญ่ ทุกยุคทุกสมัย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองปัญหาการเมืองขณะนี้อย่างไร พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า เท่าที่ฟังจากผู้รู้ว่ารัฐบาลได้เงินมาแล้วใช้ไม่เป็น นักเศรษฐศาสตร์ นักเศรษฐกิจ เขาว่าอย่างนั้น เงินทีได้มานั้นไม่เอาไปทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์ แต่ตนไม่ขอวิจารณ์ผลงาน 6 เดือนของรัฐบาล แต่ควรให้ทำงานต่อไป ยกเว้นว่าทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ต้องก็อยู่ไม่ได้
ส่วนปัญหาเรื่องการโยกย้ายตำรวจนั้น พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า ในวงการตำรวจ เป็นมานานแล้ว การที่จะไม่ให้นายกรัฐมนตรี มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายคงไม่ถูก นายกรัฐมนตตรี ต้องมีอำนาจเลือก ผบ.ตร. ถ้าไม่มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายแล้วจะสั่งนโยบายลงไปได้อย่างไร ส่วนการเมืองมาแทรกแซงหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับข้าราชการ และการวางตัวจะยอมให้เขาล้วงหรือไม่ ถ้าวางตัวดีไม่หวั่นเกรงเขาก็ล้วงไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลจะไปรอดหรือไม่ พล.อ.สุจินดา กล่าวว่า ไม่รู้ การจะรอดหรือไม่อยู่ที่การเมืองถ้าเล่นเป็นก็อยู่รอด เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยต่อประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.สุจินดา กล่าวว่าไม่ทราบ แต่สงสัยว่าประเทศไทยไม่มีใครอีกแล้วหรือ นอกจาก พ.ต.ท. ทักษิณ ทำไมต้องมี พ.ต.ท.ทักษิณ คนไทยถึงจะอยู่ได้ ทำไมต้องเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ประเทศไทยจึงจะเจริญรุ่งเรื่อง คนไทยหมดฝีมือไม่มีใครที่มีฝีมือแล้วหรือ
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงถึงการตั้งโต๊ะให้ประชาชนถอนชื่อในฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง และคัดค้านการถวายฎีกากระทรวงมหาดไทยไม่ได้มีเป้าหมาย แต่ละจังหวัดจะเป็นผู้ดำเนินการเอง ซึ่งขณะนี้มีตัวเลขที่ส่งมาแล้วประมาณกว่า 1 ล้านคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 10 ส.ค.นี้ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ได้ตั้งกระทู้ถามด่วนนายกรัฐมนตรี เรื่องบทบาทของกองทัพในการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์
นายคำนูณ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมามีบุคคลบางกลุ่มดำเนินการโฆษณาเรียกร้อง ให้ประชาชนร่วมลงชื่อเพื่อถวายฎีกา โดยที่นายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา ส.ส. ,ส.ว. นักวิชาการทั้งด้านนิติศาสตร์และด้านอื่น องค์กรภาคประชาชน และบางพรรคการเมือง เห็นว่าไม่ถูกกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ไม่เข้าข่ายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ หรือฎีการ้องทุกข์ แต่เป็นฎีกาการเมือง ที่มีเจตนาแฝงเร้นอันอาจเป็นผลเสียหายใหญ่หลวงต่อสถาบันและความมั่นคงของชาติ แต่ปรากฏว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. แสดงออกในลักษณะไม่แสดงความคิดเห็น
รัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องจัดให้มีกำลังทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จำเป็นเพียงพอเพื่อพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตย ความมั่นคงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะที่ยังมีกฎหมายรองลงมาอีกหลายฉบับ อาทิ พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ร.บ.ราชองครักษ์ กำหนดให้กองทัพและทหารมีหน้าที่โดยตรงในการปกป้องสถาบันฯ จึงอยากทราบว่าบทสัมภาษณ์ของ พล.อ.อนุพงษ์ที่ผ่านมา มีความหมาย และเจตนาที่แท้จริงอย่างไร สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ กองทัพที่มีเครื่องไม้เครื่องมือทั้ง สถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ ที่จะสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนได้เพียงพอ ได้ดำเนินการอย่างใดหรือไม่
พล.ต.ต.สัญชัย สุนทรบุระ ผู้บังคับการกองสารนิเทศ(ผบก.สท.)เปิดเผยว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา(สบ10) รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้กำชับข้าราชการตำรวจทุกนาย ไม่ให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการลงชื่อถวายฎีกา โดยให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น กำชับ ตรวจสอบแนะนำข้าราชการตำรวจทุกนาย ให้ระมัดระวังการกระทำการใดๆ อันอาจเป็นการระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท หากพบว่าผู้ใดกระทำการดังกล่าวให้ตรวจสอบและพิจารณาดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
วันเดียวกันที่ห้องจิตรลดา รร.เอสดีอเวนิว ปิ่นเกล้า สมาคมส่งเสริมการศึกษา ตลอดชีวิตไทย (สศชท.) ชมรมผู้บริหารสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) และเครือข่าย กศน. ประมาณ 50 คน นำโดยนายทวีศักดิ์ วิศิษฎางกูร นายก สศทช. ร่วมกันออกแถลงการณ์ ขอให้ยับยั้งการถวาบฎีกาเพื่อไม่ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และทางสมาคมฯ ชมรมฯ และเครือข่าย กศน.จะร่วยมรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการถวายฎีกาฯ
นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่าตัวเลขผู้ร่วมลงชื่อในฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้มี 5.4 ล้านชื่อ ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ คาดว่าหากตรวจสอบเสณ้จอาจมีรายชื่อทั้งสิ้น 6 ล้านชื่อก็ได้ ดังนั้นจึงนัดวันเวลาในการยื่นถวายฎีกาโดยชัดเจนเปห็นวันที่ 17 ส.ค.เวลา 13.00 น. โดยจะมีตัวแทนเข้ายื่นถวายฎีกา 1,500 คน เพื่อขนรายชื่อเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง
นายวีระ กล่าวว่ากลุ่มเสื้อแดงจะลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชนเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการถวายฎีกาฯ หลังจากรัฐบาลพยายามขัดขวางและตั้งโต๊ะให้ประชาชนถอนชื่อในการถวายฎีกา แต่ไม่สำเร็จจึงล่าชื่อคัดค้านการถวายฎีกา โดยจะเริ่มลงพื้นที่ในวันที่ 8 ส.ค.เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 17 ส.ค.