ASTVผู้จัดการรายวัน – ความหลงใหลในตัวการ์ตูน โดยเฉพาะครอบครัวดิสนีย์เมื่อครั้งเยาว์วัย จนเมื่อได้มีโอกาสเข้ามาดูแลธุรกิจด้านเสื้อผ้าของครอบครัว ตัวการ์ตูนที่หลงรักเมื่อครั้งเป็นเด็กก็กลับแจ่มชัดขึ้นมาอีกครั้ง โดยวาดฝันให้ตัวการ์ตูนเหล่านี้มาโลดแล่นอยู่บนเสื้อผ้าเด็ก กับความคิดแรก ว่าหากได้ทำในสิ่งที่ตนเองรักน่าจะพัฒนาธุรกิจให้เจริญก้าวหน้าได้ดียิ่งขึ้น
และแล้วความคิดดังกล่าวก็กลายเป็นจริงเมื่อ “สุภาภรณ์ ชัยพิทักษ์ตระกูล” เจ้าของบริษัท คูล แพลนเน็ต (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า ธุรกิจนี้เริ่มจากความชอบส่วนตัวที่รักในตัวตัวการ์ตูนดิสนีย์ ซึ่งเป็นการต่อยอดกับธุรกิจของครอบครัวที่เป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าขายส่ง แต่ต่อมาเมื่อคู่แข่งเริ่มเพิ่มมากขึ้นจึงคิดสร้างความแตกต่างด้วยการขอซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนดิสนีย์ที่ตนเองชื่นชอบ มาผลิตเป็นเสื้อผ้าเด็กอายุระหว่าง 4-12 ปี
แต่หากย้อนไปเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมานั้น ต้องยอมรับว่าการที่คนไทยจะซื้อสื้อผ้าเด็กที่มีรูปตัวการ์ตูนดิสนีย์นั้น หรือเสื้อผ้าที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องถือเป็นเรื่องยาก จากราคาที่สูงกว่าท้องตลาด ส่งผลให้ในช่วงเริ่มต้นการทำการตลาดของ Cool Planet ต้องพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในเรื่องของคุณภาพที่คุ้มค่ากับราคา รวมถึงอายุการใช้งานที่ยาวนานคงสีสันที่สดใสอยู่เสมอ
“เมื่อเราตั้งใจที่จะทำเสื้อผ้าเด็กที่มีลิขสิทธิ์ ของการ์ตูนดิสนีย์ โดยนำร่องด้วยตัวการ์ตูนมิคกี้เม้าส์ แอนด์เฟรนด์ (Mickey Mouse and Friend) ซึ่งในความเป็นมิคกี้เม้าส์ เข้ามีความคลาสสิกอยู่แล้ว และเมื่อเราได้ผลิตสินค้าออกมาสู่ตลาดก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ทำให้ในปัจจุบัน Cool Planet ถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่ซื้อลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนจากค่ายดิสนีย์และค่ายอื่นๆ เพื่อนำมาผลิตเป็นเสื้อผ้าเด็กในภาคธุรกิจขายส่ง”
เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ที่ Cool Planet ได้ครองใจลูกค้าวัยเด็กที่ชื่นชอบสวมใส่เสื้อผ้าที่มีลวดลายของการ์ตูน รวมถึงผู้ปกครองก็พอใจในเรื่องคุณภาพสินค้าที่คุ้มค่ากับราคา ส่งผลให้ในปัจจุบันความเชื่อมั่นในเสื้อผ้าที่มีลิขสิทธิ์ในสายตาของคนไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยอมเสียเงินเพิ่มอีกเพียงเล็กน้อยเพื่อแลกกับสินค้าที่มีคุณภาพก็ถือว่าคุ้มค่าเกินราคา
“ตั้งแต่ในช่วงเริ่มทำธุรกิจเราพยายามวางตำแหน่งของสินค้าให้เป็นเกรดพรีเมียมซึ่งคุณภาพสินค้าไม่แพ้เสื้อผ้าที่วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า ในขณะที่ราคาเจาะลูกค้าในระดับกลางและล่างเน้นการขายส่งเป็นหลักเพื่อให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่รับไปจำหน่ายต่อมีรายได้ และสามารถขายสินค้าได้อย่างต่อเนื่องเกิดการซื้อซ้ำหลังจากที่ลูกค้าเมื่อซื้อไปพอใจในคุณภาพของเนื้อผ้าและลวดลาย ซึ่งลวดลายที่แจ้งเกิดให้กับเสื้อผ้าลิขสิทธิ์ของเราคือช่วงการ์ตูนนีโม่ (Nemo) ที่ทำให้สินค้าเราครองตลาด มียอดการผลิตต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน”
ส่วนช่องทางการจำหน่ายเสื้อผ้าของ Cool Planet ที่เน้นการขายส่งจะจัดส่งสินค้าไปที่ประตูน้ำ และตลาดโบ๊เบ๊ประมาณ 80%ในขณะที่อีก 20% ขายส่งให้กับซูเปอร์สโตร์ขนาดใหญ่เช่น ห้างเทสโก โลตัส และ Big C ในสินค้าประเภทเสื้อผ้า ผ้าขนหนู เสื้อกล้าม กางเกงใน และหมวก เป็นต้น ของเด็กวัย 4-12 ปี
สำหรับในแง่ของการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับเสื้อผ้าลิขสิทธิ์แล้ว ทาง Cool Planet ยังมีโครงการคืนกำไรให้กับสังคมอีกด้วย โดยที่ผ่านมาได้มีการบริจาคเสื้อผ้าเด็ก หนังสือนิทาน มอบทุนการศึกษา พร้อมการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้กับเด็กผู้ด้อยโอกาสแก่บ้านสาระ และในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ จะไปบริจาคสิ่งของให้กับมูลนิธิบ้านนนทภูมิ โดยตั้งเป้าว่าทาง Cool Planet จะทำกิจกรรมเพื่อสังคมสร้างความสุขคืนให้กับเด็ก ๆ ทุกปี ในฐานะที่ตนเองก็ผลิตสินค้าเพื่อเด็กไทยเช่นกัน
เมื่อสินค้าได้รับการตอบรับดี คนไทยหันมานิยมสินค้าประเภทเสื้อผ้าเด็กที่มีลิขสิทธิ์กันมากขึ้น ส่งผลให้มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่ Cool Planet ก็ยังคงยึดมั่นในเรื่องคุณภาพสินค้าและราคาที่ไม่สูงจนเกินไปนัก ทำให้ได้ใจลูกค้าไปเต็มๆ และสามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้
และนี่เองคงเป็นปรัชญาให้กับผู้ประกอบการในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะหากสามารถควบคุมคุณภาพสินค้าให้ดี สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตไม่ให้สูงจนเกินไป ก็จะทำให้ราคาสินค้าเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายทั้งผู้ผลิตและลูกค้ายอมรับได้ เพียงแค่นี้ก็สามารถนำพาธุรกิจให้อยู่รอดผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ด้วยดี
สนใจติดต่อ 0-2213-2333 หรือที่ www.coolplanetthailand.com