อดัม สมิธ ผู้สื่อข่าวสายมวยของ สกาย สปอร์ตส สื่อกีฬาชั้นนำของเมืองผู้ดีตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับแวดวงกำปั้นว่าการจัดให้ “นักชกรุ่นลายคราม” หรือ “อดีตแชมเปียนส์” มาขึ้นสังเวียนเพื่อปะทะกับ “ผู้ท้าชิงรุ่นกระทง” หรือ “สายเลือดใหม่” มักเป็นไฟต์ที่น่าตื่นเต้น เร้าความสนใจของคอกีฬาชนิดนี้เสมอ เนื่องจากเป็นการวัดกันระหว่าง “ความเก๋า” กับ “ความสด”นั่นเอง
ในช่วงหลังมักมีการประกบคู่ในลักษณะดังกล่าวให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง และไม่ว่าแต่ละแมตช์จะลงเอยเช่นไรก็ได้บทสรุปที่สร้างสีสันให้กับวงการเป็นอย่างมาก (สมความปรารถนาของเหล่าโปรโมเตอร์) ถ้าฝ่ายเก๋าเป็นผู้คว้าชัยก็จะถูกเชิดชูให้เป็นตำนาน แต่หากฝ่ายหนุ่มได้รับการชูมือ หมายความว่าเขาคือสุดยอดของคลื่นลูกใหม่
ดังเช่นไฟต์เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่ง “เพชฌฆาต” เบอร์นาร์ด ฮ็อปกินส์ ยอดนักชกชาวอเมริกัน วัย 43 ปี โชว์ฟอร์มได้สมฉายาด้วยการยัดเยียดความปราชัยครั้งแรกให้กับ “เดอะ โกสต์” เคลลี่ พาฟลิค แชมป์โลกรุ่นมิดเดิลเวตของสภามวยโลก (WBC) และองค์กรมวยโลก (WBO) คนปัจจุบัน วัย 26 ปี โดยชนะคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์หลังครบ 12 ยก
ย้อนกลับไปราว 3 สัปดาห์ก่อน “กำปั้นเหล็ก” วิตาลี คลิตช์โก ยอดมวยชาวยูเครน วัย 37 ปี ที่ห่างเหินจากสังเวียนผืนผ้าใบตั้งแต่ปี 2004 กลับมาทวงเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวตของ WBC คืนจาก ซามูเอล ปีเตอร์ แชมป์ชาวไนจีเรีย วัย 28 ปี ได้อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากถลุง “ไนจีเรียน ไนท์แมร์” จนหมดสภาพและขอยอมแพ้ไปในยกที่ 8
ชัยชนะครั้งนี้ช่วยเพิ่มความคึกคักให้กับคลิตช์โกผู้พี่จนถึงกับเอ่ยปากชวน เลนน็อกซ์ ลูอิส ตำนานมวยรุ่นยักษ์ วัย 43 ปี ที่แขวนนวมไปตั้งแต่เอาชนะตนเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2003 มาตะบันหน้ากันอีกครั้งในไฟต์ล้างตา โดยที่ ดอน คิง โปรโมเตอร์หัวฟูชื่อดังเห็นดีเห็นงามด้วยการเลียบเคียงยื่นข้อเสนอมหาศาลถึง 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,500 ล้านบาท) สำหรับการจัดรีแมตช์หยุดโลกคู่นี้
เสาร์ที่ 8 พฤศจิกายนที่กำลังจะมาถึง ก็มีศึกช้างชนช้างในรุ่นไลท์-เฮฟวี่เวต ณ เมดิสัน สแควร์ การ์เดน ในมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ ระหว่าง โจ คัลซากี จากเวลส์ เจ้าของสถิติไร้พ่าย 45 ไฟต์ ซึ่งชนะน็อกถึง 32 ครั้ง กับ รอย โจนส์ จูเนียร์ กำปั้นสะท้านโลกชาวมะกันให้แฟนมวยได้ติดตาม โดยไฟต์นี้มีไฮไลท์สำคัญว่าอาจเป็นนัดสั่งลาสำหรับ คัลซากี ก่อนประกาศแขวนนวมในวัย 36 ปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากนักชกในแต่ละแมตช์ที่อยู่ในกระแสความสนใจของคอมวยทั่วโลกดังที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าล้วนปรากฏแต่ชื่อตัวละครหน้าเดิมๆ ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มดาวค้างฟ้า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตามที่ทำให้การประกบคู่โดยมีนักมวยผู้ยิ่งใหญ่ยืนพื้นอยู่คนหนึ่งเป็นที่นิยมในระยะหลัง ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ทั้งสิ้นระหว่างความบังเอิญหรือความจงใจของผู้จัด
กระนั้น เมื่อลองเปรียบเทียบระดับความน่าสนใจระหว่างคู่ “คลิตช์โก-ปีเตอร์” กับอีกคู่หนึ่งที่ขึ้นฟาดปากในวันเดียวกันระหว่าง แชด ดอว์สัน กับ อันโตนิโอ ทาร์เวอร์ โดยมีเข็มขัดแชมป์รุ่นไลท์-เฮฟวี่เวตของสหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF) และองค์กรมวยนานาชาติ (IBO) เป็นเดิมพันจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน และนั่นเป็นเหตุผลให้คู่หลังมีศักดิ์ศรีเป็นเพียงคู่มวยร่วมรายการศึกคัมแบ็กของ คลิตช์โก เท่านั้น
อีกหนึ่งตัวอย่างที่ช่วยสนับสนุนเพิ่งจะเกิดขึ้นหมาดๆ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะเป็นไฟต์ที่มีเดิมพันถึงการรักษาเข็มขัดแชมป์รุ่นซูเปอร์-มิดเดิลเวตของสมาคมมวยโลก (WBA) สำหรับ มิคเคล เคสส์เลอร์ นักชกเดนมาร์กที่จัดการอัด ดานิโล ฮอยส์เลอร์ จากเยอรมนีลงไปกองตั้งแต่ยกที่ 3 ได้ แต่จะมีสักกี่คนที่หันมาเหลียวแลการตะบันหน้ากันของคู่นี้
จากประเด็นที่กล่าวมาอาจบ่งบอกให้เห็นถึงเรตติงของกีฬาชนิดนี้ว่านับวันมีแต่จะถดถอยลง ทำให้ชื่อชั้นของบรรดาแชมป์หน้าใหม่ไม่ติดหูแฟนมวยเท่านักชกรุ่นเก๋าตกผลึก ซึ่งสอดคล้องกับความคิดเห็นที่ แบร์รี เฮิร์น โปรโมเตอร์ผู้ปั้น เลนน็อกซ์ ลูอิส และ นาซีม ฮาเหม็ด จนโด่งดังมาแล้วกล่าวเอาไว้ว่ากระแสความนิยมในวงการหมัดมวยกำลังเดินทางมาสู่จุดตกต่ำ เนื่องจากมีการประกบคู่ที่ไม่น่าติดตาม หรือมีตำแหน่งแชมป์หลายสถาบันเกินไปจนกลายเป็นเกลื่อนกลาด ซึ่งเขาให้คำนิยามแบบดูแคลนว่า “Mickey Mouse titles” เลยทีเดียว
ยิ่งเมื่อดูจากทิศทางของไฟต์น่าจับตาซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่าง อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ ที่อายุอานามปาเข้าไปตั้ง 46 ปี แต่ก็ยังขอท้าชกกับ นิโคไล วาลูเยฟ แชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวตของ WBA จากรัสเซีย วัย 35 ปี เพื่อทุบสถิติเจ้าของเข็มขัดอายุมากที่สุดที่ จอร์จ โฟร์แมน เคยจารึกเอาไว้ในวัย 45 กะรัตตั้งแต่ปี 1994 ลง ก็พอจะทำให้เห็นภาพสะท้อนของแวดวงกำปั้นที่กำลังเสื่อมถอยได้เด่นชัดมากขึ้น