xs
xsm
sm
md
lg

ลุงเผย"บริทนีย์"ดื่มเหล้าตอนอายุ13,เล่นยาตอน14เสพโคเคนตอน18

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"วิลเลียม สเปียร์ส" ลุงแท้ๆของ"บริทนีย์ สเปียร์ส" นักร้องสาวสุดฉาวเผยเรื่องจริงสุดช็อคว่าแท้จริงแล้วนักร้องสาวเริ่มดื่มเหล้า-เล่นยา ตั้งแต่เด็กแล้ว

วิลเลียม สเปียร์ส หนุ่มใหญ่วัย 49 ปี คุณลุงแท้ๆของบริทนีย์ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทางเดอะซันเผยปัญหาตั้งแต่แรกเริ่มของอดีตราชินีเพลงป็อปชื่อดังอย่างหมดเปลือก

เขากล่าวว่า บริทนีย์ที่ขณะนี้มีอายุ 26 ปีแล้ว เริ่มดื่มแอลกอฮอลล์ครั้งแรกเมื่อนักร้องสาวมีอายุเพียง 13 ปี ซึ่งขณะนั้นเธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ของมิคกี้ เมาส์ คลับและเธอได้ทดลองยาเล่นๆเมื่อเธออายุได้ 14 ปีเท่านั้น

นอกจากนั้นเขายังกลัวด้วยว่านักร้องสาวจะเลียนแบบโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าเช่นเดียวกับ เอมมา จีน สเปียร์ส คุณย่าของเธอที่ฆ่าตัวตายขณะมีอายุ 31 ปีด้วย

คุณลุงวิลเลียม หรือที่รู้จักกันดีในนาม วิลลี่ ได้ใช้ชีวิตอยู่ในรถบ้านใกล้ๆกับเมืองเคนท์วูดบ้านเกิดของบริทนีย์ในหลุยส์เซียนา

ภายหลังจากที่เธอพาชีวิตตัวเองเข้าไปสู่ความวุ่นวายตั้งแต่อายุยังน้อย ลุงวิลลี่ก็ได้กล่าวว่า นักร้องสาวเริ่มหนักข้อขึ้นเมื่อเธอหันหน้าเข้าหาโคเคนตอนวันเกิดอายุครบ 18 ปี "เธอแค่พยายามจะลองทุกๆสิ่งทั้ง โคเคน,มอร์ฟีน,ยาอี"

"ผมไม่ใช่แค่เพื่อนของครอบครัวหรือใครคนหนึ่งที่มาอ้างตัวว่ารู้จักกับพวกเขาเป็นอย่างดี ผมอยู่ตรงนั้นทุกวัน ทำงานกับพวกเขา ผมเห็นสิ่งแย่ๆทุกเรื่องที่เกิดขึ้น"

ลุงวิลลี่กล่าวว่าหลานสาวของเขาเริ่มเกาะขวดเหล้าตั้งแต่อายุ 13 ปี มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาถูกเชิญให้ร่วมปาร์ตี้กับหนูๆจากดิสนีย์ในรายการ TV show Mickey Mouse Club ในนั้นยังรวมถึงบริทนีย์,จัสติน ทิมเบอร์เลก และคริสตินา อากีเลียราด้วย

"แน่นอนว่าคืนนั้นเด็กๆต้องมีการแอบดื่มขณะที่พวกผู้ใหญ่กำลังพูดคุยกัน พวกเขาต้องหลบไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพื่อแอบดื่มเหล้า ผมเห็นพวกเขาแอบเดินไปพวกเขามีขวดเหล้าจินอยู่ในมือเห็นเขาเดินหลบไปที่ห้องน้ำกันอย่างเงียบๆแล้วแอบดื่มมัน "

ลุงวิลเลี่ยมแน่ใจว่าบริทนีย์ดื่มเหล้าและเล่นยามานานแล้วก่อนที่เธอจะเจอมรสุมในชีวิตครั้งใหญ่ในช่วงไม่นานมานี้

"ไบรอัน พี่ชายของเธอเป็นดาวเด่นในทีมฟุตบอลของโรงเรียนมัธยมปลาย พวกเขาจึงมักพากันออกตระเวนปาร์ตี้ทุกที่ที่มีเหล้าและยาเยอะๆ"

วิลลี่เชื่อว่าบริทนีย์ลองเล่นยาเสพกัญชามาตั้งแต่เธออายุ 14 ปี "มันเริ่มแย่ก็ตอนที่เธอเริ่มมีชื่อเสียง และเธอก็ได้ค้นพบว่าทุกคนจะยอมทำตามในสิ่งที่เธอต้องการทุกอย่าง"

"เธอพยายามที่จะลองทุกอย่าง เธออยากดื่มก็ดื่ม อยากปาร์ตี้ก็ปาร์ตี้ และเธอจะไปทุกที่ที่เธออยากไป เธอไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อย ทำอะไรไม่เคยผิด ไม่มีใครควบคุมเธอได้ เธอเป็นเจ้านายคอยบงการทุกๆคนที่อยู่รอบตัว"

วิลลี่กล่าวว่า เจมี พ่อของบริทนีย์เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในการดื่มหนัก "ทุกๆคนในครอบครัวสเปียร์สเป็นขี้เมากันหมดและเจมมีพ่อของบริทนีย์เป็นคนที่ติดเหล้าหนักที่สุดแล้ว เขาจะดื่มตั้งแต่สว่างยันมืด บริทนีย์จะเห็นพ่อเธอเมาอยู่ตลอดเวลา"

"บริทนีย์โตขึ้นพร้อมกับความคิดที่ว่ามันก็ดีที่ได้ดื่มและนั่นมันก็ทำให้คุณสามารถอยู่กับปัญหาเรื่องการดื่มได้"

วิลลี ผ่านการบำบัดยาเสพติดมาก่อนและเขาก็ร้างราจากมันมานานมากกว่า 4 ปี แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ครั้งหนึ่งเขาเคยเทคยาพร้อมกับบริทนีย์มาแล้ว

"ผมรู้ว่าเธอเสพโคเคนในวันเกิดครบรอบ 18 ปี และผมก็อยู่ที่นั่น เราปาร์ตี้กันอยู่ในอพาร์ตเมนท์และผมก็เห็นเธอเสพมันก่อนที่ผมจะเสพตาม พวกเราใช้อุปกรณ์การเสพร่วมกันด้วย"

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะเป็นส่วนหนึ่งในอดีตอันแสนเลวร้ายของบริทนีย์ วิลลีก็ยังเคยถูกเรียกให้เป็นผู้ช่วยเหลือเธอจากเหตุการณ์ร้ายแรงมาแล้ว

"มีอยู่ครั้งหนึ่งผมอยู่ที่นิว ออร์ลีนส์ตอนที่เจมีโทรมาหาผม ตอนนั้นบริทนีย์อายุแค่ 18 แต่เธอดื่มในทุกๆที่ที่เธออยากดื่ม ผมเห็นบริทนีย์นอนไร้สติอยู่บริเวณโซนวีไอพีของคลับและใครบางคนกำลังจะอุ้มเธอไป เธอเมามาก"

"ผมอยู่ตรงนั้นเธอไม่รู้สึกตัว ผมแบกเธอออกทางประตูหลังและจับเธอยัดเข้าไปในรถ เธอด่าว่าผมและเธอก็ไม่ยอมฟังอะไรด้วย เธอใช้ยาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่เธอย้ายไปแอลเอเพื่อต้องการก้าวหน้าในอาชีพนักร้อง"

"เหล้าและยาช่วยให้เธอรับมือกับแรงกดดันต่างๆและยังช่วยให้เธอหลบหนีจากโลกแห่งความจริงได้ด้วย เราเคยคิดว่าบางทีการแต่งงานและได้มีลูกจะช่วยให้เธอมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ครอบครัวแต่มันกลับกลายเป็นตรงกันข้าม"

เจมี และ ลินน์ พ่อแม่ของบริทนีย์แยกทางกันเมื่อปี 2002 ที่ผ่านมา ซึ่งเผยให้เห็นการใช้ชีวิตในครอบครัวของบริทนีย์ที่แย่สิ้นดี
 
วิลลี่ เผยว่า "มีไม่กี่ครั้งที่บริทนีย์จะโทรมาแล้วพูดว่า "พ่อแม่ทะเลาะกันอีกแล้ว ลุงช่วยมาที่นี่ มาพาหนูไปที" มันเป็นการใช้ความรุนแรงและมันเป็นเรื่องเศร้าที่จู่ๆก็กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว ครั้งหนึ่งผมไปที่บ้านพวกเขาเจมีเดินเมาเข้ามาในบ้านและตะโกนเรียกชื่อลินน์"

"ลินน์กำลังดื่มน้ำอยู่ในครัวเธอคว้าแก้วน้ำเดินเข้ามาที่ห้องโถงและก็ฟาดเขาไม่ยั้งต่อหน้าต่อตาพวกเราที่กำลังมองอยู่ ตอนแรกๆบริทนีย์เป็นเด็กขี้กลัว คุณจะเห็นเธอร้องไห้ทุกครั้งเวลาที่มีคนกำลังทะเลาะตบตีกัน แต่ตอนนั้นเธอแค่เดินแยกออกมา และทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น"

"และเมื่อเธออายุมากขึ้นมันก็เริ่มมีผลต่อเธอ เธอจะกรีดร้อง,สบถใส่พ่อกับแม่พร้อมกับพยายามแยกพวกเขาให้หยุดทะเลาะกัน"

"ผู้ชายตระกูลสเปียร์สเป็นที่เลื่องลือเรื่องการต่อสู้ชกต่อย เราจะสู้ทุกเวลา ทุกเรื่อง และสู้ต่อหน้าทุกคนด้วย และถ้าบริทนีย์เติบโตมาแบบนั้นเธอก็จะทำแบบเดียวกัน"

อย่างไรก็ตามวิลลี่ เชื่อว่าการฆ่าตัวตายของมารดาเขาจะเกิดขึ้นกับชีวิตของบริทนีย์ด้วย

เอมมา จีน สเปียร์ส คุณย่าของบริทนีย์ยิงหน้าอกตัวเองหลังจากที่เธอต้องสูญเสียลูกชายวัย 3 วันของเธอไปทั้งๆที่เธอมีอายุเพียง 31 ปีเท่านั้น

บริทนีย์ ใช้ชื่อกลางชื่อเดียวกับคุณย่าของเธอ โศกนาฏกรรมคล้ายกันที่เกิดขึ้นกับหลานสาวคนนี้คือ บริทนีย์ เสียสิทธิ์เลี้ยงลูกแบบถาวรไปแล้วทำให้ทางครอบครัวต่างกังวลว่าบริทนีย์จะเผชิญชะตากรรมเดียวกันกับคุณย่าผู้ล่วงลับ

วิลลี่กล่าวว่า "บริทนีย์ เคยพูดอยู่เสมอว่าเธอไม่เชื่อว่าเธอถูกตั้งชื่อนั้นหลังจากที่ย่าของเธอฆ่าตัวตาย เราคิดว่ามันมีผลกับบริทนีย์อย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าเธอคิดว่าเธอถูกสาปตอนนี้พวกเราจึงกังวลมากว่าเหตุการณ์แบบนั้นจะเกิดขึ้นกับเธอ"

ตัวของวิลลีเองมีชีวิตที่เต็มไปด้วยปัญหามากมาย เขาถูกขนานนามว่า "Road Kill Willie" หลังจากที่เขานำสัตว์ต่างๆที่ถูกรถชนมาทำอาหารรับประทานในเวลาที่เขาไม่มีจะกิน

ตอนนี้เขากำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งปอด จึงอยากฝากคำพูดสุดท้ายถึงบริทนีย์ที่กำลังควงอยู่กับแอดนันช่างภาพปาปารัสซีว่า
 "สภาวะจิตใจของบริทนีย์ตอนนี้ไม่แน่ไม่นอน และไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ เธอไม่ฟังใครเลย เธอไล่ทุกคนที่ห่วงใยเธอรอบตัวออกไปหมด เพราะว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ต้องการให้ใครมาบอก มาสอน มาห้ามเธอไม่ให้ทำในสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่"

อย่างไรก็ตาม วิลลี่ เชื่อว่าการตายเป็นสิ่งที่บริทนีย์หนีไม่พ้น

"เธอเป็นเด็กที่น่ารักมากนะแต่เมื่อเธอโตขึ้นมาพร้อมกับเห็นภาพความรุนแรงรวมถึงเหล้าและสิ่งเลวร้ายทุกอย่างมาตั้งแต่เด็ก เธอจึงเป็นในสิ่งที่เธอคุ้นชินกับมัน เธอทั้งอารมณ์ร้ายและดื่มเหล้าหนักเวลาที่เธออยู่กับครอบครัว"

"เรื่องราวในวัยเด็กทำใครคนหนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ มันเกิดขึ้นกับผมแล้ว ถ้าใครคิดว่าบริทนีย์ตกต่ำถึงขีดสุดแล้ว พวกเขาผิดแล้วล่ะ เพราะการฆ่าตัวตายต่างหากที่เป็นจุดต่ำที่สุดในชีวิตของบริทนีย์"






กำลังโหลดความคิดเห็น