ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์” กล่อมผู้เลี้ยงไก่ไข่ยอมตรึงราคาขาย 2 เดือน ตั้งแต่เดือนส.ค.-ต.ค. หลังปรับขึ้นราคาขายไปแล้วฟองละ 10 สต. เพราะหลังเดือนต.ค.ราคาจะลดลงตามฤดูกาล
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังหารือกับผู้เลี้ยง ผู้ค้า และผู้ส่งออกไข่ไก่ เพื่อขอความร่วมมือตรึงราคาขายไข่ไก่ วานนี้ (5 ส.ค.) ว่า ผู้เลี้ยงยอมให้ความร่วมมือตรึงราคาขายไข่ไก่เป็นเวลา 2 เดือน หรือตั้งแต่เดือนส.ค.-ต.ค. เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน หลังจากที่ราคาไข่ไก่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกประมาณฟองละ 10 สตางค์ ทำให้ราคาไข่ไก่คละปัจจุบันอยู่ที่ฟองละ 2.60 บาท
“การขึ้นราคาไข่ไก่ซึ่งเป็นอาหารโปรตีนสำคัญอีกชนิดหนึ่ง จะกระทบกับประชาชนมาก จึงได้ขอความร่วมมือให้ผู้เลี้ยงตรึงราคาไปก่อน ซึ่งผู้เลี้ยงก็ยอมให้ความร่วมมือ โดยกรมฯ จะหาทางช่วยผู้เลี้ยงที่ขาดทุนมาก โดยจะหารือกับผู้ผลิตอาหารสัตว์ลดราคาอาหารสัตว์ลงด้วย นอกจากนี้ จะประสานกับผู้ผลิตให้ขายไข่ไก่แก่ผู้ใช้โดยตรงและนำสินค้าไข่ไก่ร่วมในโครงการธงฟ้ามากขึ้น”นายยรรงกล่าว
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ไข่ไก่มีราคาสูงขึ้น เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ลดลงมาก จากการที่ผู้เลี้ยงได้ปลดแม่ไก่ทั้งระบบลง 10-20% หรือ 2.17 ล้านตัว ตั้งแต่ต้นปี 2552 เพื่อแก้ปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด และไม่ให้ราคาตกต่ำ ตามมติคณะกรรมการไข่ ที่มีรมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากอาหารสัตว์ ที่เป็นต้นทุนการเลี้ยงถึง 70% มีราคาสูงขึ้นมากเช่นเดียวกับราคาลูกไก่พันธุ์ โดยราคาไก่พันธุ์ในเดือนมี.ค.2552 อยู่ที่ตัวละ 19.82 บาท เดือนเม.ย.ตัวละ 27.30 บาท และเดือนพ.ค.ตัวละ 27.39 บาท ส่งผลให้ต้นทุนการเลี้ยงเพิ่มขึ้นเป็นฟองละ 2.22 บาท ส่วนการเลี้ยงในระบบปิดอยู่ที่ฟองละ 2.40 บาท
อย่างไรก็ตาม ราคาไข่ไก่จะอ่อนตัวลงในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.ของทุกปี เพราะเป็นช่วงปิดเทอม และเทศกาลกินเจ ซึ่งความต้องการรวมจะลดลงจากช่วงปกติมาก ประกอบกับ เป็นช่วงฤดูหนาว ที่ผลผลิตจะออกมากขึ้น
นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2551 ผู้เลี้ยงขาดทุนมาก เพราะต้นทุนการเลี้ยงปรับเพิ่มขึ้นมาก จนมาถึงปีนี้ก็ยังขาดทุนอยู่ จึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคา แต่การปรับขึ้นราคาแต่ละครั้งมีความกังวลมาก เพราะเกรงจะทำให้ผู้บริโภคลดการบริโภคลง และกระทบต่อผู้เลี้ยง แต่ยืนยันว่าในช่วง 2 เดือนนี้จะยังไม่ปรับขึ้นราคาแน่นอน เพื่อลดภาระให้ประชาชน ส่วนการส่งออกที่คิดเป็น 1% ของผลผลิตทั้งหมด หรือประมาณ 200 ล้านฟอง จากผลผลิตประมาณ 10,000 ล้านฟองนั้น ไม่มีส่วนทำให้ราคาภายในประเทศเปลี่ยนแปลง และผู้เลี้ยงเองก็ไม่ต้องการส่งออก เพราะมีต้นทุนมากกว่าขายภายในประเทศ
สำหรับราคาขายปลีกไก่ไข่ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา เบอร์ 0 ฟองละ 3.30-3.40 บาท เบอร์ 1 ฟองละ 3.10-3.20 บาท เบอร์ 2 ฟองละ 3.00-3.10 บาท เบอร์ 3 ฟองละ 2.90-3.00 บาท เบอร์ 4 ฟองละ 2.80-2.90 บาท และเบอร์ 5 ฟองละ 2.70-2.80 บาท
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังหารือกับผู้เลี้ยง ผู้ค้า และผู้ส่งออกไข่ไก่ เพื่อขอความร่วมมือตรึงราคาขายไข่ไก่ วานนี้ (5 ส.ค.) ว่า ผู้เลี้ยงยอมให้ความร่วมมือตรึงราคาขายไข่ไก่เป็นเวลา 2 เดือน หรือตั้งแต่เดือนส.ค.-ต.ค. เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน หลังจากที่ราคาไข่ไก่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกประมาณฟองละ 10 สตางค์ ทำให้ราคาไข่ไก่คละปัจจุบันอยู่ที่ฟองละ 2.60 บาท
“การขึ้นราคาไข่ไก่ซึ่งเป็นอาหารโปรตีนสำคัญอีกชนิดหนึ่ง จะกระทบกับประชาชนมาก จึงได้ขอความร่วมมือให้ผู้เลี้ยงตรึงราคาไปก่อน ซึ่งผู้เลี้ยงก็ยอมให้ความร่วมมือ โดยกรมฯ จะหาทางช่วยผู้เลี้ยงที่ขาดทุนมาก โดยจะหารือกับผู้ผลิตอาหารสัตว์ลดราคาอาหารสัตว์ลงด้วย นอกจากนี้ จะประสานกับผู้ผลิตให้ขายไข่ไก่แก่ผู้ใช้โดยตรงและนำสินค้าไข่ไก่ร่วมในโครงการธงฟ้ามากขึ้น”นายยรรงกล่าว
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ไข่ไก่มีราคาสูงขึ้น เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ลดลงมาก จากการที่ผู้เลี้ยงได้ปลดแม่ไก่ทั้งระบบลง 10-20% หรือ 2.17 ล้านตัว ตั้งแต่ต้นปี 2552 เพื่อแก้ปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด และไม่ให้ราคาตกต่ำ ตามมติคณะกรรมการไข่ ที่มีรมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากอาหารสัตว์ ที่เป็นต้นทุนการเลี้ยงถึง 70% มีราคาสูงขึ้นมากเช่นเดียวกับราคาลูกไก่พันธุ์ โดยราคาไก่พันธุ์ในเดือนมี.ค.2552 อยู่ที่ตัวละ 19.82 บาท เดือนเม.ย.ตัวละ 27.30 บาท และเดือนพ.ค.ตัวละ 27.39 บาท ส่งผลให้ต้นทุนการเลี้ยงเพิ่มขึ้นเป็นฟองละ 2.22 บาท ส่วนการเลี้ยงในระบบปิดอยู่ที่ฟองละ 2.40 บาท
อย่างไรก็ตาม ราคาไข่ไก่จะอ่อนตัวลงในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.ของทุกปี เพราะเป็นช่วงปิดเทอม และเทศกาลกินเจ ซึ่งความต้องการรวมจะลดลงจากช่วงปกติมาก ประกอบกับ เป็นช่วงฤดูหนาว ที่ผลผลิตจะออกมากขึ้น
นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2551 ผู้เลี้ยงขาดทุนมาก เพราะต้นทุนการเลี้ยงปรับเพิ่มขึ้นมาก จนมาถึงปีนี้ก็ยังขาดทุนอยู่ จึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคา แต่การปรับขึ้นราคาแต่ละครั้งมีความกังวลมาก เพราะเกรงจะทำให้ผู้บริโภคลดการบริโภคลง และกระทบต่อผู้เลี้ยง แต่ยืนยันว่าในช่วง 2 เดือนนี้จะยังไม่ปรับขึ้นราคาแน่นอน เพื่อลดภาระให้ประชาชน ส่วนการส่งออกที่คิดเป็น 1% ของผลผลิตทั้งหมด หรือประมาณ 200 ล้านฟอง จากผลผลิตประมาณ 10,000 ล้านฟองนั้น ไม่มีส่วนทำให้ราคาภายในประเทศเปลี่ยนแปลง และผู้เลี้ยงเองก็ไม่ต้องการส่งออก เพราะมีต้นทุนมากกว่าขายภายในประเทศ
สำหรับราคาขายปลีกไก่ไข่ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา เบอร์ 0 ฟองละ 3.30-3.40 บาท เบอร์ 1 ฟองละ 3.10-3.20 บาท เบอร์ 2 ฟองละ 3.00-3.10 บาท เบอร์ 3 ฟองละ 2.90-3.00 บาท เบอร์ 4 ฟองละ 2.80-2.90 บาท และเบอร์ 5 ฟองละ 2.70-2.80 บาท
