ASTVผู้จัดการรายวัน – โกลเบล็ก แต่งตัวเข้าตลาดปีหน้า ขอเวลาแยกบัญชีงบการเงินจากบริษัทแม่ก่อน ชี้หาก ก.ล.ต.ไฟเขียวยื่นไฟลิ่งทันที มั่นใจยืนได้ด้วยตัวเอง ฟุ้งปีนี้มีกำไรเกิน 50 ล้านบาทหลังปรับสัดส่วนรายได้ใหม่ ปีนี้ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์นายหน้า 3% และธุรกิจซื้อขายตราสารอนุพันธ์ 5% ปฎิเสธข่าวบล.ยูโอบีฯ เข้าเก็บหุ้น ย้ำไม่เคยได้รับการติดต่อพูดคุย
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GLOBLEX) เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) ของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ไว้ที่ 3% จากเดือนก.ค. 52 ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 2.4% นอกจากนี้บริษัทยังรุกธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ โดยเดือน ก.ค. 52 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจนี้ 5.4% ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งเป้ารายได้จากส่วนนี้ไว้ที่ 5%
ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายที่เพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมขึ้นอีก ด้วยการจัดตั้งฝ่ายวาณิชธนกิจขึ้นเมื่้อเดือนมิ.ย. 52 เพื่อให้บริการด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ เสริมรายได้
สำหรับความคืบหน้าเรื่องการเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)นั้น ที่ผ่านมาบริษัทได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียน ซึ่งประเด็นที่หารือกับ ก.ล.ต.คือ โครงสร้างรายได้ของบริษัทแม่ คือบริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (GBX) ว่าจะเป็นแบบใด เนื่องจาก ก.ล.ต.กังวลว่า หาก บล.โกลเบล็กแยกออกมาจดทะเบียนอาจกระทบรายได้ของ GBX ดังนั้น จึงขอดูผลประกอบการของทั้งสองบริษัทปีนี้ก่อนที่จะยื่นไฟลิ่ง คาดว่าต้นปี53 จะได้ข้อสรุป "ปัจจุบัน GBX มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ 20% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนจากธุรกิจนี้เกือบ 100% ขณะที่รายได้จากธุรกิจทองคำปัจจุบันอยู่ที่ 80% และหากแยกออกมาเชื่อว่าอยู่ได้แน่นอน" นายชนะชัยกล่าว
นายชนะชัย กล่าวว่า รายได้ของบริษัทช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 50% โดยปัจจุบันบริษัทมีรายได้เฉลี่ยต่อวันกว่า 38 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 25 ล้านบาทและมั่นใจว่าผลงานปีนี้จะมีกำไรเกิน 50 ล้านบาท เพื่อให้เกณฑ์ของ ตลท. ส่วนหนึ่งเพราะแผนงานที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แม้ว่าสัดส่วนรายได้จากนายหน้าธุรกิจหลักทรัพย์ลดเหลือไม่ถึง 70% จากเดิมที่เคยสูงเกือบ 90% และมีสัดส่วนรายได้จากนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์เพิ่มเป็น 15-20% รวมถึงรายได้จากการลงทุนในพันธบัตร
ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตลงทุนอยู่ 300 ล้านบาท เพื่อใช้ในพอร์ตลงทุนของบริษัททั้งในตราสารหนี้และตราสารทุน ซึ่งได้ทะยอยลงทุนไปแล้ว 30-50 ล้านบาท ซึ่งให้ผลตอบแทนมากกว่า 10% โดยบริษัทฯตั้งเป้าผลตอบแทนไว้ที่ประมาณ 20% โดยเลือกลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งก็ต้องรอดูสถานการณ์การลงทุนขณะนั้นด้วยว่าแนวโน้มธุรกิจใดมีความน่าสนใจ
สำหรับงานด้านวาณิชธนกิจปีนี้บริษัทมีอยู่ 2 ดีล จากงานทั้งหมด 6-7 โดยแบ่งเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นของบมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) และเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น (Underlize) ของบริษัทธุรกิจผลิตน้ำยางพารา ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของประเทศไทยกับมาเลเซีย โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ปลายปีนี้มูลค่ากว่า 100-200 ล้านบาทและบริษัทรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาการเงินให้กับ บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรม จำกัดเพื่อระดมทุนเข้าจดทะเบียนใน ตลท.ปี 53 ด้วย ขณะดีลที่ปรึกษาทางการเงินที่มาจากบล.ซีมิโก้ (ZMICO) อีก 6-7 ดีล ที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 53 ซึ่งภาวะน่าจะเหมาะสมมากกว่า
ทางด้านกระแสข่าวที่บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)(UOBKH) เข้ามาเก็บหุ้นของบริษัทผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น นายชนะชัย กล่าวว่า หลังจากการปิดสมุดทะเบียนล่าสุดไม่พบความผิดปกติ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยังถือหุ้นเกินกว่า 50% รวมทั้งบริษัทไม่เคยได้รับการติดต่อพูดคุยจากทาง บล.ยูโอบีฯ เลย ไม่เหมือนกับกรณีที่ UOBKH เป็นข่าวกับ บล.บีฟิท (BSEC) แต่บริษัทไม่ได้ปิดกั้นพันธมิตร หากสามารถช่วยเสริมสร้างธุรกิจให้ดีขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือกับโบรกเกอร์ที่มีกลุ่มลูกค้าสถาบันที่บริษัทยังมีจุดอ่อนในส่วนนี้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นรายย่อย
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GLOBLEX) เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) ของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ไว้ที่ 3% จากเดือนก.ค. 52 ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 2.4% นอกจากนี้บริษัทยังรุกธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ โดยเดือน ก.ค. 52 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจนี้ 5.4% ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งเป้ารายได้จากส่วนนี้ไว้ที่ 5%
ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายที่เพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมขึ้นอีก ด้วยการจัดตั้งฝ่ายวาณิชธนกิจขึ้นเมื่้อเดือนมิ.ย. 52 เพื่อให้บริการด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ เสริมรายได้
สำหรับความคืบหน้าเรื่องการเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)นั้น ที่ผ่านมาบริษัทได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียน ซึ่งประเด็นที่หารือกับ ก.ล.ต.คือ โครงสร้างรายได้ของบริษัทแม่ คือบริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (GBX) ว่าจะเป็นแบบใด เนื่องจาก ก.ล.ต.กังวลว่า หาก บล.โกลเบล็กแยกออกมาจดทะเบียนอาจกระทบรายได้ของ GBX ดังนั้น จึงขอดูผลประกอบการของทั้งสองบริษัทปีนี้ก่อนที่จะยื่นไฟลิ่ง คาดว่าต้นปี53 จะได้ข้อสรุป "ปัจจุบัน GBX มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ 20% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนจากธุรกิจนี้เกือบ 100% ขณะที่รายได้จากธุรกิจทองคำปัจจุบันอยู่ที่ 80% และหากแยกออกมาเชื่อว่าอยู่ได้แน่นอน" นายชนะชัยกล่าว
นายชนะชัย กล่าวว่า รายได้ของบริษัทช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 50% โดยปัจจุบันบริษัทมีรายได้เฉลี่ยต่อวันกว่า 38 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 25 ล้านบาทและมั่นใจว่าผลงานปีนี้จะมีกำไรเกิน 50 ล้านบาท เพื่อให้เกณฑ์ของ ตลท. ส่วนหนึ่งเพราะแผนงานที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แม้ว่าสัดส่วนรายได้จากนายหน้าธุรกิจหลักทรัพย์ลดเหลือไม่ถึง 70% จากเดิมที่เคยสูงเกือบ 90% และมีสัดส่วนรายได้จากนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์เพิ่มเป็น 15-20% รวมถึงรายได้จากการลงทุนในพันธบัตร
ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตลงทุนอยู่ 300 ล้านบาท เพื่อใช้ในพอร์ตลงทุนของบริษัททั้งในตราสารหนี้และตราสารทุน ซึ่งได้ทะยอยลงทุนไปแล้ว 30-50 ล้านบาท ซึ่งให้ผลตอบแทนมากกว่า 10% โดยบริษัทฯตั้งเป้าผลตอบแทนไว้ที่ประมาณ 20% โดยเลือกลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งก็ต้องรอดูสถานการณ์การลงทุนขณะนั้นด้วยว่าแนวโน้มธุรกิจใดมีความน่าสนใจ
สำหรับงานด้านวาณิชธนกิจปีนี้บริษัทมีอยู่ 2 ดีล จากงานทั้งหมด 6-7 โดยแบ่งเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นของบมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) และเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น (Underlize) ของบริษัทธุรกิจผลิตน้ำยางพารา ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของประเทศไทยกับมาเลเซีย โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ปลายปีนี้มูลค่ากว่า 100-200 ล้านบาทและบริษัทรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาการเงินให้กับ บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรม จำกัดเพื่อระดมทุนเข้าจดทะเบียนใน ตลท.ปี 53 ด้วย ขณะดีลที่ปรึกษาทางการเงินที่มาจากบล.ซีมิโก้ (ZMICO) อีก 6-7 ดีล ที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 53 ซึ่งภาวะน่าจะเหมาะสมมากกว่า
ทางด้านกระแสข่าวที่บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)(UOBKH) เข้ามาเก็บหุ้นของบริษัทผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น นายชนะชัย กล่าวว่า หลังจากการปิดสมุดทะเบียนล่าสุดไม่พบความผิดปกติ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยังถือหุ้นเกินกว่า 50% รวมทั้งบริษัทไม่เคยได้รับการติดต่อพูดคุยจากทาง บล.ยูโอบีฯ เลย ไม่เหมือนกับกรณีที่ UOBKH เป็นข่าวกับ บล.บีฟิท (BSEC) แต่บริษัทไม่ได้ปิดกั้นพันธมิตร หากสามารถช่วยเสริมสร้างธุรกิจให้ดีขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือกับโบรกเกอร์ที่มีกลุ่มลูกค้าสถาบันที่บริษัทยังมีจุดอ่อนในส่วนนี้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นรายย่อย