xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯขอนแก่นนัดสรุปคุมค้าปลีกยักษ์ 7 ส.ค. ร้านค้าย่อยแนะตามรอยแก้ปัญหาจ.จันทบุรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายพยัต ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นและตัวแทนอัยการจังหวัด พร้อมด้วยตัวแทนผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อย4-5 อำเภอ เพื่อหาทางออกลดผลกระทบจากการรุกขยายสาขาของนายทุนค้าปลีกรายใหญ่
ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ยังยืดเยื้อต่อ! ผู้ว่าฯขอนแก่นนัดผู้ประกอบการค้าปลีกย่อย ฟังบทสรุปแนวทางช่วยเหลือลดผลกระทบนายทุนค้าปลีกยักษ์รุกกินรวบตลาด บ่ายศุกร์ที่ 7 ส.ค. หลังกลุ่มผู้ชุมนุมค้าปลีกย่อยเมืองหมอแคนกว่า 10 อำเภอยืนกรานให้ออกประกาศคุมค้าปลีกใหญ่เหมือน จ.จันทบุรี

รายงานข่าวแจ้งว่า ผลจากการหารือร่วมระหว่างนายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายพยัต ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นและตัวแทนอัยการจังหวัด พร้อมด้วยตัวผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อย4-5 อำเภอ เพื่อหาทางออกลดผลกระทบจากการรุกขยายสาขาของนายทุนค้าปลีกรายใหญ่ โดยเฉพาะห้างเทสโก้ โลตัสเมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 สิงหาคม นานหลายชั่วโมง ปรากฏว่าไม่สามารถหาข้อสรุปเป็นที่ยอมรับของกลุ่มผู้เดือดร้อน คือ เจ้าของร้านค้าปลีกค้าส่งรายย่อยท้องถิ่นในขอนแก่นได้

ผู้ว่าฯจึงขอเวลาหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายพาณิชย์และฝ่ายกฎหมาย โดยได้นัดหมายให้ตัวแทนร้านค้าปลีกรับทราบกรอบนโยบายการให้ความช่วยเหลือค้าปลีกท้องถิ่นในเวลา 14.00 น.ของวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม

นายนริศร จรรยานิทัศน์ เจ้าของร้านค้าปลีก-ส่งในอำเภอบ้านไผ่ในฐานะ เลขาชมรมผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบอาชีพอิสระจังหวัดขอนแก่นเปิดเผยว่า สมาชิกชมรมฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากท่านผู้ว่าฯในการประกาศนโยบายหรือมาตรการใดก็ตาม ที่จะช่วยปกป้องธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่นให้อยู่รอดต่อไป หรืออย่างน้อยเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนที่จะได้รับจากการรุกขยายสาขาของ โลตัส เอ็กซ์เพรส ตามย่านตลาดชุมชนใหญ่ๆ โดยเครือข่ายร้านค้าปลีกได้นัดรวมตัวกันที่ศาลาผูกเสี่ยว ด้านหน้าศาลากลางหลังเก่าในเวลา 13.00น.เพื่อรอฟังคำตอบจากจังหวัด

สำหรับเหตุผลที่พวกตนไม่สามารถยอมรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ที่นายพยัต ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าฯขอนแก่นแจ้งเมื่อบ่ายวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมาได้ เพราะเป็นเพียงหนังสือราชการข้อความขอความร่วมมือกว้างๆ แก่บรรดาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆซึ่งระบุแค่ว่า

“หากมีการขออนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงการให้อาคาร เพื่อขยายสาขาของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่จากขนาดใหญ่เป็นขนาดเล็กแล้ว มีกรณีประชาชนในพื้นที่ชุมนุมคัดค้านหรือทำการประท้วงในเรื่องดังกล่าว จนอาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรชะลอการดำเนินการอนุญาตไว้ก่อน และให้พิจารณาศึกษาผลดีผลเสียและรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่ทุกภาคส่วนก่อน”

แนะตามรอยคำสั่งพ่อเมืองจันทบุรี

ทั้งนี้ นายพยัต ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า อำนาจในเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่จังหวัด แต่เป็นอำนาจของท้องถิ่น จึงได้เตรียมออกหนังสือด่วนไปยังผู้บริหารในท้องถิ่น เนื่องจากผู้ค้า และร้านค้าในชุมชนได้รับผลกระทบและต้องการความช่วยเหลือ จึงขอให้ผู้บริหารท้องถิ่นใช้อำนาจพิจารณาชะลอการยื่นขออนุญาตก่อสร้างและปรับปรุงอาคารใช้เป็นร้านค้าหรือห้างค้าปลีก โดยตามกฎหมายชะลอได้ 45 วัน โดยจะต้องมีการศึกษาผลกระทบตลอดจนความเห็นของคนในพื้นที่ก่อน ซึ่งจะสามารถชะลอได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 45 วัน รวมระยะเวลาในการชะลอเป็น 135 วัน

นายนริศรระบุว่า แนวทางให้ความช่วยเหลือตามข้อความดังกล่าวไม่มีความเป็นรูปธรรม เป็นการขอความร่วมมือด้วยถ้อยคำที่ลอยๆแม้จะออกเป็นหนังสือราชการจากจังหวัดก็ตาม ผู้ประกอบการร้านค้าไม่มั่นใจว่าในทางปฏิบัติแล้ว องค์กรปกครองท้องถิ่นพื้นที่ต่างๆจะถือปฏิบัติตามหรือไม่ โดยผู้ประกอบการค้าปลีกในขอนแก่นต้องการคือทิศทางนโยบายการให้ความช่วยเหลือที่ชัดเจนมากกว่านี้ คือต้องออกเป็นประกาศคำสั่งจากจังหวัด เหมือนกับที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้ออกประกาศไว้เมื่อเดือนธันวาคม 2551

ในประกาศฉบับดังกล่าว ลงนามโดยนายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าฯจันทบุรี ระบุชัดว่า 1.จังหวัดจันทบุรี ไม่มีนโยบายให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นอนุญาตให้ บริษัท หรือห้างค้าปลีก ค้าส่งขนาดใหญ่ ทำการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร พื้นที่เสมือนอาคารพาณิชย์ (ห้องแถว) เป็นร้านค้าปลีกค้าส่งในเขตเทศบาล

2. จังหวัดจันทบุรี มีนโยบายให้บริษัท หรือห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ ไปทำธุรกรรมทางการค้าเปิดบริการร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ในพื้นที่ด้อยความเจริญ เพื่อเป็นการเร่งพัฒนาความเจริญให้แก่ชุมชนชานเมือง หรือชนบทเป็นหลัก และ

3. จังหวัดจันทบุรี ไม่มีนโยบายให้เปิดบริการร้านค้าปลีก ค้าส่ง สมัยใหม่จากขนาดใหญ่ เป็นขนาดเล็ก (แบบห้องแถว) ในพื้นที่ชุมชนซึ่งเป็นวิถีชีวิตของคนไทยที่ได้ทำมาค้าขายมาแต่ดั้งเดิมแล้ว

“พวกเราต้องการแค่ให้ผู้ว่าฯขอนแก่นออกประกาศเหมือนที่ผู้ว่าฯจันทบุรีได้ประกาศไว้เพื่อช่วยปกป้องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแก่ร้านค้าปลีกท้องถิ่นเท่านั้นแหละ ทำไมต้องกลัวว่าจะถูกฟ้อง ผู้ว่าฯจันทบุรีออกประกาศนี้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จนป่านนี้ยังไม่ใครฟ้องเลย อย่าลืมว่าประกาศที่ออกไปมีเจตนาบริสุทธิ์เพื่อช่วยเหลือปกป้องกิจการร้านค้ารายย่อยท้องถิ่นของไทย เป็นสิ่งที่ถูกต้องควร หากผู้ว่าฯขอนแก่นถูกฟ้องเพราะออกประกาศเช่นนี้ พวกเราก็พร้อมจะเป็นพยานในชั้นศาล ทำดีไม่ต้องกลัว”นายนริศรกล่าวย้ำ

แหล่งข่าวหนึ่งในคณะทำงานชมรมผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบอาชีพอิสระจังหวัดขอนแก่น กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาการตีตลาดเพื่อกินรวบธุรกิจค้าปลีกในเมืองไทยของกลุ่มทุนค้าปลีกใหญ่ต่างชาติ เป็นประเด็นที่น่ากลัวมาก หากรัฐบาลไม่มีมาตรการในการรับมือที่รัดกุมพอ ค้าปลีกรายย่อยที่เป็นคนไทยแท้จะล่มสลายในระยะเวลาไม่กี่ปีหากยังปล่อยให้เปิดสาขากันอย่างอิสระเช่นนี้ ไม่เพียงแต่กลุ่มเทสโก้ โลตัสเท่านั้นที่ต้องระวัง เพราะเมื่อโลตัสทุ่มทุนได้ คิดหรือว่า บิ๊กซี แม็คโครหรือแบรนด์ใหญ่อื่นๆจะไม่รุกเพื่อแชร์ส่วนแบ่งตลาด

สำหรับจังหวัดขอนแก่น นอกจากพื้นที่ตลาดชุมชนเขตเทศบาลนคร เทศบาลตำบลทุกมุมเมืองในขอนแก่นแล้ว ห้างโลตัส ยังเร่งที่จะเปิด Lotus Expressในทุกอำเภอเช่นกัน เป็นการเดินตามรอยยุทธศาสตร์การขยายสาขาของร้านสะดวกซื้อ 7-11 โดยอาศัย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เป็นเครื่องมือยื่นแบบขอดัดแปลงอาคารพาณิชย์เป็นร้านค้าขนาดพื้นที่ขายไม่เกิน 300 ตรม.จากองค์กรปกครองท้องถิ่น

“สิ่งที่น่าวิตกมากในตอนนี้บางพื้นที่ได้ใช้วิธีการแยกมวลชนระหว่างกลุ่มที่ไม่ต้องการให้เปิดกับกลุ่มที่ต้องการให้เปิดเผชิญหน้ากัน กลุ่มที่ต้องการให้เปิดจะมีนักการเมืองท้องถิ่นและนายทุนคอยหนุนอยู่ เพื่อเปิดทางให้ค้าปลีกรายใหญ่ลงทุนเปิดสาขาได้ง่าย อ้างผู้บริโภคเรียกร้อง ปรากฏการณ์นี้ได้เกิดขึ้นแล้วที่อำเภอน้ำพอง ขอนแก่นและอำเภอวังสามหมออุดรธานี ซึ่งกรณีของอำเภอน้ำพอง ที่ตลาดหนองกุง ที่เรียกกันว่าน้ำพองใน คนที่ขายที่ดินให้กับโลตัสเป็นพ่อของนายกเทศมนตรีเทศบาลนั่นเอง”แหล่งข่าวกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น