ผมมีความรู้สึกว่าสถานการณ์บ้านเมืองเราใกล้จะเกิดวิกฤตทางการเมืองภายในประเทศในระยะเวลาอีกไม่นานต่อจากนี้ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนหนทางปฏิบัติที่จะทำให้บ้านเมืองสงบร่มเย็นเป็นสุข ดูมันมีแต่อุปสรรคไปหมด ทั้งจากซีกของฝ่ายค้านและคนเสื้อแดง หรือแม้แต่ฝ่ายรัฐบาลและพรรคร่วมเอง
ถ้าจะว่าไปก็คงต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหม่เกินความคาดหมายใดๆ มันเป็นธรรมชาติ รัฐบาลผสมมักจะมีอายุสั้น ยิ่งเป็นการร่วมกันของพรรคที่เคยอยู่ฝ่ายตรงข้ามกันมาก่อน ความสมานฉันท์และการแบ่งปันผลประโยชน์ดูจะไปกันไม่ได้เลย ก็ต้องชมเชยท่านนายกฯ ที่มีความพยายามทวนกระแส อดทน ลากยาว หวังว่าจะมีปฏิหาริย์ แต่คงจะทานไม่ไหวเพราะคนที่ลงเรือลำเดียวกับท่าน นอกจากมือไม่พายเอาเท้าราน้ำแล้วปากยังเสียทะเลาะกันเอง บางคนก็จ้องคอยเก็บของที่ลอยตามน้ำ บางคนหนักกว่านั้นถึงกับข่มขู่นายท้ายเรือก็อย่างที่เราเห็นๆ กันอยู่
จากข้อเขียนของผมฉบับก่อนผมได้แสดงความห่วงใยรัฐบาลท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยเปรียบคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุลว่า เสมือนฝีร้ายในท้องที่กำลังอักเสบอยู่รอวันที่จะแตก หากไม่รีบผ่าตัดออกจะเกิดอันตรายใหญ่หลวงกับรัฐบาลได้ นี่ยังไม่นับรวมโรคคนเสื้อแดงตื้อจะถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ น.ช.ทักษิณ เรื่องโผปรับย้ายนายตำรวจก็อันตรายไม่แพ้กัน แต่ผมคิดว่าเรื่องแรกจะมาก่อนเพราะเพียงการให้สัมภาษณ์ของท่านนายกฯ จบลงเสียงสัมภาษณ์ของ ผบ.ตร.ที่สวนกลับมาก็ทำให้ผู้ฟังเกิดอาการมึนงง แล้วความจริงมันคืออะไรกันแน่ เราจะเชื่อใครดี แต่ที่แน่ๆ ต้องมีคนพูดไม่จริงคนหนึ่ง
เรื่องอย่างนี้ในวงราชการไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก แสดงว่ามีความขัดแย้งในการแก้ปัญหาและมีคนยอมหักแต่ไม่ยอมงอฝ่ายหนึ่ง ผบ.ตร.นั้นตามสายงานเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรีวันนี้ออกอาการว่ามีของดีคุ้มครอง มีแบ็คที่ดี ซึ่งบุคคลเหล่านี้ก็เริ่มทยอยแสดงตัวแล้ว ใครเป็นหมู่ใครเป็นจ่าคงจะรู้ได้ในเร็วๆ นี้ ผมเห็นเลขา รมว.กห.ออกมาแถลงข่าวแล้วก็เสียวเกรงว่าจะมีการย้ายจริงๆ เกิดขึ้น
การที่ศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล สองนายที่เป็นข้าราชการทหารและตำรวจประจำการและมีประวัติการทำงานใกล้ชิดกับกับบิ๊กบางท่าน การที่ผู้ต้องหาและพรรคพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนีและยังไม่ถูกหมายจับ ทั้งๆ ที่ตำรวจสามารถตามรถที่คนร้ายใช้ได้ ตำรวจทราบการติดต่อทางโทรศัพท์ ถึงวันนี้เวลาผ่านไปหลายเดือนแล้ว ยังจับคนร้ายไม่ได้แม้แต่คนเดียว คงไม่ใช่เพราะตำรวจไม่มีความสามารถ เพราะคดีที่ซับซ้อนกว่านี้ตำรวจไทยก็เคยแสดงฝีมือมาแล้ว
ถ้าจะให้เดาก็ต้องบอกว่าผู้บงการหรือผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังต้องไม่ใช่คนธรรมดา ต้องระดับบิ๊ก ส่วนว่าจะเป็นบิ๊กการเมือง บิ๊กตำรวจหรือบิ๊กทหารก็มีโอกาสเป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะเหตุการณ์อุกอาจแบบนี้ ห้วงเวลาบ้านเมืองวิกฤต ตำรวจทหารตั้งจุดตรวจเต็มไปหมด มือสังหารระดับชาวบ้านที่ไหนจะกล้าทำ และการรวบรวมมือสังหารมากกว่าสิบคน จากคนที่ไม่เคยทำงานเป็นทีมมาก่อน มันทำงานยากแค่ไหน ที่สำคัญคือความยากในการรักษาความลับ ฉะนั้นทีมสังหารต้องรู้จักกัน เคยทำงานร่วมกันและมีความมั่นใจว่าผู้สั่งการหรือผู้จ้างวานมีบารมีที่จะคุ้มครองตนเองได้เมื่อยามคับขัน
สำหรับนายทหารที่มีความเจริญในหน้าที่การงานในระดับสูงจนสื่อสารมวลชนสายทหารมักตั้งฉายาว่า บิ๊กนั่นบิ๊กนี่ถ้าเข้าไปศึกษาประวัติการทำงาน ก็จะพบว่ามีความโดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่งระหว่างบู๊กับบุ๋น หรือบางคนอาจจะเก่งทั้งสองอย่างแต่ก็มีไม่มากนัก ในรูปแบบของการจัดก็จะมีนายทหารระดับรองๆ มาเป็นคนช่วยการทำงาน ช่วยกลั่นกรองงาน เนื่องจากมีงานมากมายจึงมีการขอตัวคนที่ไว้วางใจ คนรู้ใจมาช่วยงานต่างหาก ส่วนใหญ่จะเป็นคนเก่ง แต่บางคนก็มีประวัติไม่สวยงามเท่าไร
มีอดีตบิ๊กท่านหนึ่งที่ผมขอไม่กล่าวนาม ท่านโดดเด่นทั้งทางการเมืองและการทหารท่านเคยให้ข้อคิดกับคนใกล้ชิดว่า ท่านมีความจำเป็นต้องมีผ้าไว้ทำความสะอาดหลายผืน บางผืนก็เหมาะเอาไว้เช็ดหน้า บางผืนเอาไว้เช็ดตัว บางผืนเอาไว้เช็ดก้น และบางผืนเอาไว้เช็ดเท้า ก็มีเหตุผลพอจะรับฟังได้แล้วแต่จะคิด แต่การใช้งานพวกผ้าเช็ดเท้าเป็นเรื่องอันตราย เพราะลูกมือของผ้าเช็ดเท้า จะเป็นพวกนักเลง พวกเกเร ชอบหากินกับสิ่งที่ไม่ถูกกฎหมาย รับจ้างทวงหนี้ คุมบาร์ คุมซ่อง ฯลฯ ชอบเอาชื่อนายมาเบ่ง ชอบทำนอกเหนือคำสั่ง ถ้าควบคุมไม่ดีก็ไม่ต่างจากหยิบผ้าเช็ดเท้ามาเช็ดหน้า
คดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุลก็มีทหารตำรวจส่วนหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องอาจมีมากกว่าที่ตกเป็นข่าว ส่วนจะเป็นทีมไหนบ้างคงไม่นานเกินรอ ก็ขึ้นอยู่กับนายกฯ และ พล.ต.อ. ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ถ้าหาตัวผ้าเช็ดเท้าได้ก็ตามตัวลูกหาบได้ เว้นแต่จะถอดใจยอมให้เป็นมวยล้มต้มคนดู
ถ้าจะว่าไปก็คงต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหม่เกินความคาดหมายใดๆ มันเป็นธรรมชาติ รัฐบาลผสมมักจะมีอายุสั้น ยิ่งเป็นการร่วมกันของพรรคที่เคยอยู่ฝ่ายตรงข้ามกันมาก่อน ความสมานฉันท์และการแบ่งปันผลประโยชน์ดูจะไปกันไม่ได้เลย ก็ต้องชมเชยท่านนายกฯ ที่มีความพยายามทวนกระแส อดทน ลากยาว หวังว่าจะมีปฏิหาริย์ แต่คงจะทานไม่ไหวเพราะคนที่ลงเรือลำเดียวกับท่าน นอกจากมือไม่พายเอาเท้าราน้ำแล้วปากยังเสียทะเลาะกันเอง บางคนก็จ้องคอยเก็บของที่ลอยตามน้ำ บางคนหนักกว่านั้นถึงกับข่มขู่นายท้ายเรือก็อย่างที่เราเห็นๆ กันอยู่
จากข้อเขียนของผมฉบับก่อนผมได้แสดงความห่วงใยรัฐบาลท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยเปรียบคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุลว่า เสมือนฝีร้ายในท้องที่กำลังอักเสบอยู่รอวันที่จะแตก หากไม่รีบผ่าตัดออกจะเกิดอันตรายใหญ่หลวงกับรัฐบาลได้ นี่ยังไม่นับรวมโรคคนเสื้อแดงตื้อจะถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ น.ช.ทักษิณ เรื่องโผปรับย้ายนายตำรวจก็อันตรายไม่แพ้กัน แต่ผมคิดว่าเรื่องแรกจะมาก่อนเพราะเพียงการให้สัมภาษณ์ของท่านนายกฯ จบลงเสียงสัมภาษณ์ของ ผบ.ตร.ที่สวนกลับมาก็ทำให้ผู้ฟังเกิดอาการมึนงง แล้วความจริงมันคืออะไรกันแน่ เราจะเชื่อใครดี แต่ที่แน่ๆ ต้องมีคนพูดไม่จริงคนหนึ่ง
เรื่องอย่างนี้ในวงราชการไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก แสดงว่ามีความขัดแย้งในการแก้ปัญหาและมีคนยอมหักแต่ไม่ยอมงอฝ่ายหนึ่ง ผบ.ตร.นั้นตามสายงานเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรีวันนี้ออกอาการว่ามีของดีคุ้มครอง มีแบ็คที่ดี ซึ่งบุคคลเหล่านี้ก็เริ่มทยอยแสดงตัวแล้ว ใครเป็นหมู่ใครเป็นจ่าคงจะรู้ได้ในเร็วๆ นี้ ผมเห็นเลขา รมว.กห.ออกมาแถลงข่าวแล้วก็เสียวเกรงว่าจะมีการย้ายจริงๆ เกิดขึ้น
การที่ศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล สองนายที่เป็นข้าราชการทหารและตำรวจประจำการและมีประวัติการทำงานใกล้ชิดกับกับบิ๊กบางท่าน การที่ผู้ต้องหาและพรรคพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนีและยังไม่ถูกหมายจับ ทั้งๆ ที่ตำรวจสามารถตามรถที่คนร้ายใช้ได้ ตำรวจทราบการติดต่อทางโทรศัพท์ ถึงวันนี้เวลาผ่านไปหลายเดือนแล้ว ยังจับคนร้ายไม่ได้แม้แต่คนเดียว คงไม่ใช่เพราะตำรวจไม่มีความสามารถ เพราะคดีที่ซับซ้อนกว่านี้ตำรวจไทยก็เคยแสดงฝีมือมาแล้ว
ถ้าจะให้เดาก็ต้องบอกว่าผู้บงการหรือผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังต้องไม่ใช่คนธรรมดา ต้องระดับบิ๊ก ส่วนว่าจะเป็นบิ๊กการเมือง บิ๊กตำรวจหรือบิ๊กทหารก็มีโอกาสเป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะเหตุการณ์อุกอาจแบบนี้ ห้วงเวลาบ้านเมืองวิกฤต ตำรวจทหารตั้งจุดตรวจเต็มไปหมด มือสังหารระดับชาวบ้านที่ไหนจะกล้าทำ และการรวบรวมมือสังหารมากกว่าสิบคน จากคนที่ไม่เคยทำงานเป็นทีมมาก่อน มันทำงานยากแค่ไหน ที่สำคัญคือความยากในการรักษาความลับ ฉะนั้นทีมสังหารต้องรู้จักกัน เคยทำงานร่วมกันและมีความมั่นใจว่าผู้สั่งการหรือผู้จ้างวานมีบารมีที่จะคุ้มครองตนเองได้เมื่อยามคับขัน
สำหรับนายทหารที่มีความเจริญในหน้าที่การงานในระดับสูงจนสื่อสารมวลชนสายทหารมักตั้งฉายาว่า บิ๊กนั่นบิ๊กนี่ถ้าเข้าไปศึกษาประวัติการทำงาน ก็จะพบว่ามีความโดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่งระหว่างบู๊กับบุ๋น หรือบางคนอาจจะเก่งทั้งสองอย่างแต่ก็มีไม่มากนัก ในรูปแบบของการจัดก็จะมีนายทหารระดับรองๆ มาเป็นคนช่วยการทำงาน ช่วยกลั่นกรองงาน เนื่องจากมีงานมากมายจึงมีการขอตัวคนที่ไว้วางใจ คนรู้ใจมาช่วยงานต่างหาก ส่วนใหญ่จะเป็นคนเก่ง แต่บางคนก็มีประวัติไม่สวยงามเท่าไร
มีอดีตบิ๊กท่านหนึ่งที่ผมขอไม่กล่าวนาม ท่านโดดเด่นทั้งทางการเมืองและการทหารท่านเคยให้ข้อคิดกับคนใกล้ชิดว่า ท่านมีความจำเป็นต้องมีผ้าไว้ทำความสะอาดหลายผืน บางผืนก็เหมาะเอาไว้เช็ดหน้า บางผืนเอาไว้เช็ดตัว บางผืนเอาไว้เช็ดก้น และบางผืนเอาไว้เช็ดเท้า ก็มีเหตุผลพอจะรับฟังได้แล้วแต่จะคิด แต่การใช้งานพวกผ้าเช็ดเท้าเป็นเรื่องอันตราย เพราะลูกมือของผ้าเช็ดเท้า จะเป็นพวกนักเลง พวกเกเร ชอบหากินกับสิ่งที่ไม่ถูกกฎหมาย รับจ้างทวงหนี้ คุมบาร์ คุมซ่อง ฯลฯ ชอบเอาชื่อนายมาเบ่ง ชอบทำนอกเหนือคำสั่ง ถ้าควบคุมไม่ดีก็ไม่ต่างจากหยิบผ้าเช็ดเท้ามาเช็ดหน้า
คดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุลก็มีทหารตำรวจส่วนหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องอาจมีมากกว่าที่ตกเป็นข่าว ส่วนจะเป็นทีมไหนบ้างคงไม่นานเกินรอ ก็ขึ้นอยู่กับนายกฯ และ พล.ต.อ. ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ถ้าหาตัวผ้าเช็ดเท้าได้ก็ตามตัวลูกหาบได้ เว้นแต่จะถอดใจยอมให้เป็นมวยล้มต้มคนดู
