ASTVผู้จัดการรายวัน - ช่อง5 เล็งคว้าคลื่นความถี่ทำสถานีข่าวทหารแทน หลัง“มันนี่ ชาแนล”จะหมดสัญญาลง มี.ค. ปีหน้า คาดใช้เม็ดเงินเพิ่มอีกเล็กน้อยราว 10-20 ล้านบาท เชื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนรับรู้ถึงภารกิจของทหารในเวลาที่เหมาะสม หลังช่อง5 มีพื้นที่ข่าวให้ไม่เพียงพอ แย้มผังรายการปีหน้าเตรียมเพิ่มเวลาข่าวเป็น 40% จากปีนี้อยู่ที่ 30% จากล่าสุดเท 50 ล้านบาท ทำดิจิตอลนิวส์รูม เพื่อช่วยในการเสนอข่าวให้น่าสนใจขึ้น
พลโท กิตติทัศน์ บำเหน็จพันธุ์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เปิดเผยว่า ขณะนี้มีแนวคิดที่จะทำรายการสถานีข่าวของทหารทุกเหล่าทัพ โดยจะใช้สัญญาณเดิมที่ทางมันนี่แชนแนลเช่าจากช่อง 5 ไปกลับมาใช้ในการดำเนินงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา
ปัจจุบันทางมันนี่แชนแนลได้ใช้คลื่นสัญญาณความถี่ที่ได้เช่าสัญญาณจากช่อง 5 ไปทำช่อง มันนี่ ชาแนล และออกอากาศทางทรูวิชั่นส์ ช่อง 80 ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาลงในเดือนมี.ค. 2553 นั้น และมีแนวโน้มที่จะไม่ต่อสัญญา โดยช่อง5จะนำกลับมาทำเอง
ทั้งนี้สาเหตุที่มีแนวคิดทำช่องรายการทหารนั้น เพราะมองว่าปัจจุบันทหารมีภารกิจและควรนำเสนอให้ประชาชนได้รับทราบถึงการทำงานมากขึ้น โดยมองเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดี บวกกับสัญญาเช่ากำลังจะหมดลง ซึ่งแนวความคิดนี้ยังไม่ได้นำขึ้นเสนอที่ประชุมใหญ่ แต่หากจะนำกลับมามาทำจริง จะต้องมีการปรึกษาหารือกับกองทัพด้วย รวมถึงต้องมีการเพิ่มเม็ดเงินอีก 10-20 ล้านบาทในการปรับปรุงเครื่องไม้เครื่องมือรองรับ ขณะนี้ทางด้านบุคลากร จะนำเอาบุคลากรในส่วนดาวเทียมมาทำงานก่อน
อย่างไรก็ตาม ทาง มันนี่ ชาแนล ยังไม่ได้แจ้งเรื่องมาว่าจะขอต่อสัญญาเช่าสัญญาณออกไปหรือไม่ หรือว่าจะยุติการเช่าลง แต่แนวโน้มที่จะทำสถานีข่าวทหารมีสูงมาก ส่วนมันนี่ชาแนล หากต้องการขอเช่าสัญญาณต่อไปอีกนั้น อาจจะได้เพียงบางช่วงเวลาไปแทน ไม่ใช่แบบ 24 ชม. อย่างที่ผ่านมา
ล่าสุดในส่วนของรายการข่าว ทาง ททบ. 5 หลังจากในปี 2551 ทางสถานีมีการสร้างระบบวิดีโอวอลล์ และเวอร์ชวลสตูดิโอ ภายใต้งบประมาณกว่า 65 ล้านบาท ปีนี้ยังได้เพิ่มงบอีก 50 ล้านบาท ในการทำดิจิตอลนิวส์รูม เพื่อใช้ในการรายงานข่าว ในทุกช่วงของทุกวันด้วย ส่วนหนึ่งเพื่อทำให้รายการข่าวมีความน่าสนใจมากขึ้น ดึงดูดผู้ชมให้หันมาดูข่าวจากทางช่อง 5 มากขึ้น เพราะในแง่การแข่งขันแล้ว ช่อง5ไม่ได้ทุ่มเรื่องการแข่งขันรายการข่าวมากนัก เน้นนำเสนอถึงการรายงานข่าว ตรงไปตรงมามากกว่าการวิเคราะห์ข่าวอย่างเช่นช่องอื่นๆ
อย่างไรก็ตามทางสถานีช่อง5 มีแผนที่จะมีการปรับเพิ่มรายการข่าวของผังปีหน้าเป็น 40% และรายการให้ความรู้เหลือ 30% บันเทิงยังคงไว้ที่ 30% จากเดิมในปีนี้รายการข่าวมีสัดส่วนอยู่ที่ 30% สาระความรู้ 40% และบันเทิง 30% ซึ่งการเพิ่มรายการข่าวนี้ จะให้สำหรับกลุ่มข่าวของทางทหารให้มีพื้นที่นำเสนอสู่สายตาประชาชนมากขึ้น จากเดิมที่มองว่ามีการนำเสนอน้อยอยู่
พลโท กิตติทัศน์ กล่าวต่อว่า การดำเนินงานของทางช่อง 5 ทั้งปีรายได้ยังอยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท ต่อปีมีกำไรที่ 400-500 ล้านบาท ก็ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจแล้ว ซึ่งในปีนี้เชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวจะยังคงไม่แตกต่างไปจากเดิมมากนัก
พลโท กิตติทัศน์ บำเหน็จพันธุ์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เปิดเผยว่า ขณะนี้มีแนวคิดที่จะทำรายการสถานีข่าวของทหารทุกเหล่าทัพ โดยจะใช้สัญญาณเดิมที่ทางมันนี่แชนแนลเช่าจากช่อง 5 ไปกลับมาใช้ในการดำเนินงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา
ปัจจุบันทางมันนี่แชนแนลได้ใช้คลื่นสัญญาณความถี่ที่ได้เช่าสัญญาณจากช่อง 5 ไปทำช่อง มันนี่ ชาแนล และออกอากาศทางทรูวิชั่นส์ ช่อง 80 ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาลงในเดือนมี.ค. 2553 นั้น และมีแนวโน้มที่จะไม่ต่อสัญญา โดยช่อง5จะนำกลับมาทำเอง
ทั้งนี้สาเหตุที่มีแนวคิดทำช่องรายการทหารนั้น เพราะมองว่าปัจจุบันทหารมีภารกิจและควรนำเสนอให้ประชาชนได้รับทราบถึงการทำงานมากขึ้น โดยมองเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดี บวกกับสัญญาเช่ากำลังจะหมดลง ซึ่งแนวความคิดนี้ยังไม่ได้นำขึ้นเสนอที่ประชุมใหญ่ แต่หากจะนำกลับมามาทำจริง จะต้องมีการปรึกษาหารือกับกองทัพด้วย รวมถึงต้องมีการเพิ่มเม็ดเงินอีก 10-20 ล้านบาทในการปรับปรุงเครื่องไม้เครื่องมือรองรับ ขณะนี้ทางด้านบุคลากร จะนำเอาบุคลากรในส่วนดาวเทียมมาทำงานก่อน
อย่างไรก็ตาม ทาง มันนี่ ชาแนล ยังไม่ได้แจ้งเรื่องมาว่าจะขอต่อสัญญาเช่าสัญญาณออกไปหรือไม่ หรือว่าจะยุติการเช่าลง แต่แนวโน้มที่จะทำสถานีข่าวทหารมีสูงมาก ส่วนมันนี่ชาแนล หากต้องการขอเช่าสัญญาณต่อไปอีกนั้น อาจจะได้เพียงบางช่วงเวลาไปแทน ไม่ใช่แบบ 24 ชม. อย่างที่ผ่านมา
ล่าสุดในส่วนของรายการข่าว ทาง ททบ. 5 หลังจากในปี 2551 ทางสถานีมีการสร้างระบบวิดีโอวอลล์ และเวอร์ชวลสตูดิโอ ภายใต้งบประมาณกว่า 65 ล้านบาท ปีนี้ยังได้เพิ่มงบอีก 50 ล้านบาท ในการทำดิจิตอลนิวส์รูม เพื่อใช้ในการรายงานข่าว ในทุกช่วงของทุกวันด้วย ส่วนหนึ่งเพื่อทำให้รายการข่าวมีความน่าสนใจมากขึ้น ดึงดูดผู้ชมให้หันมาดูข่าวจากทางช่อง 5 มากขึ้น เพราะในแง่การแข่งขันแล้ว ช่อง5ไม่ได้ทุ่มเรื่องการแข่งขันรายการข่าวมากนัก เน้นนำเสนอถึงการรายงานข่าว ตรงไปตรงมามากกว่าการวิเคราะห์ข่าวอย่างเช่นช่องอื่นๆ
อย่างไรก็ตามทางสถานีช่อง5 มีแผนที่จะมีการปรับเพิ่มรายการข่าวของผังปีหน้าเป็น 40% และรายการให้ความรู้เหลือ 30% บันเทิงยังคงไว้ที่ 30% จากเดิมในปีนี้รายการข่าวมีสัดส่วนอยู่ที่ 30% สาระความรู้ 40% และบันเทิง 30% ซึ่งการเพิ่มรายการข่าวนี้ จะให้สำหรับกลุ่มข่าวของทางทหารให้มีพื้นที่นำเสนอสู่สายตาประชาชนมากขึ้น จากเดิมที่มองว่ามีการนำเสนอน้อยอยู่
พลโท กิตติทัศน์ กล่าวต่อว่า การดำเนินงานของทางช่อง 5 ทั้งปีรายได้ยังอยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท ต่อปีมีกำไรที่ 400-500 ล้านบาท ก็ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจแล้ว ซึ่งในปีนี้เชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวจะยังคงไม่แตกต่างไปจากเดิมมากนัก