รอยเตอร์ – ยอดขายรถยนต์เดือนกรกฎาคมในตลาดสหรัฐฯ ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดของปี 2009 โดยฟอร์ดถึงกับทำยอดขายเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน ทั้งนี้เนื่องจากชาวอเมริกันแห่เข้าร่วมโครงการ "Cash for Clunkers" ซึ่งรัฐบาลจะให้เงินสนับสนุนการนำรถเก่ามาแลกซื้อรถใหม่ ทำให้เกิดความหวังกันว่าอุตสาหกรรมรถจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ฟอร์ด มอเตอร์ รายงานว่าในเดือนกรกฎาคม 2009 มียอดขายเพิ่มขึ้นราว 2%เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นตัวเลขที่ขยับขึ้นเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่ปลายปี 2007 เป็นต้นมา ขณะที่ไครสเลอร์รายงานว่ายอดขายในเดือนดังกล่าวลดลง 9%, จีเอ็มก็ติดลบ 19%, เช่นเดียวกับโตโยต้าที่ต่ำลง 11%, ฮอนดาลด 16%, และนิสสัน ลบ 25% ทั้งนี้โดยภาพรวมแล้ว ยอดขายรถในสหรัฐฯเดือนกรกฎาคม ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 12% อย่างไรก็ตาม อัตราการขายรถได้ของเดือนที่แล้วแตะระดับสูงสุดนับแต่เดือนกันยายนปี 2008 และเป็นระดับที่เพิ่มสูงมากจากยอดขายรถอันซบเซานั่นคือเพียง 9.6 ล้านคันในตลอดครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลมาจากโครงการ "Cash for Clunkers" ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้เงิน 1,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ชาวอเมริกันนำรถยนต์หรือรถบรรทุกเก่าที่สิ้นเปลืองพลังงานสูงไปแลกซื้อรถยนต์ใหม่ โดยรัฐบาลเสนอจะคืนเงินให้โดยระดับสูงสุดอยู่ที่คันละ 4,500 ดอลลาร์ให้
โครงการนี้ไม่เพียงทำให้ยอดขายรถในสหรัฐฯพุ่งโด่ง แต่เงินงบประมาณในโครงการนี้ก็หมดลงอย่างรวดเร็ว สภาล่างสหรัฐฯจึงได้ผ่านร่างกฎหมายในวันศุกร์31ก.ค.)เพิ่มเงินในโครงการนี้อีก 2,000 ล้านดอลลาร์ ทว่าในสภาสูงนั้นมีเสียงคัดค้าน ทำให้ยังไม่แน่ใจกันว่าร่างกฎหมายนี้จะออกมาได้สำเร็จหรือไม่
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้แบบอย่างโครงการดังกล่าวมาจากแผนการนำร่องของรัฐบาลในยุโรป โดยที่หลายประเทศในทวีปนั้นต่างรายงานว่า แผนการนี้สามารถเพิ่มปริมาณความต้องการซื้อรถในเดือนกรกฎาคมเช่นกัน ในฝรั่งเศสมียอดขายเพิ่มขึ้น 3 % อิตาลีเพิ่ม 6% แม้ในสเปนยอดขายจะลดลง แต่ก็อยู่ในอัตราน้อยกว่าเดิม
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางคนมองว่า ยอดขายรถอาจตกลงทันทีเมื่อโครงการสิ้นสุดลง ซึ่งเป็นประเด็นที่ในยุโรปเองก็กำลังเป็นกังวลอยู่เช่นกัน ถึงแม้นักวิเคราะห์บางรายยังคงเชื่อว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม ยังจะสามารถทำให้ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 30% ในปี 2010
ฟอร์ด มอเตอร์ รายงานว่าในเดือนกรกฎาคม 2009 มียอดขายเพิ่มขึ้นราว 2%เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นตัวเลขที่ขยับขึ้นเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่ปลายปี 2007 เป็นต้นมา ขณะที่ไครสเลอร์รายงานว่ายอดขายในเดือนดังกล่าวลดลง 9%, จีเอ็มก็ติดลบ 19%, เช่นเดียวกับโตโยต้าที่ต่ำลง 11%, ฮอนดาลด 16%, และนิสสัน ลบ 25% ทั้งนี้โดยภาพรวมแล้ว ยอดขายรถในสหรัฐฯเดือนกรกฎาคม ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 12% อย่างไรก็ตาม อัตราการขายรถได้ของเดือนที่แล้วแตะระดับสูงสุดนับแต่เดือนกันยายนปี 2008 และเป็นระดับที่เพิ่มสูงมากจากยอดขายรถอันซบเซานั่นคือเพียง 9.6 ล้านคันในตลอดครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลมาจากโครงการ "Cash for Clunkers" ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้เงิน 1,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ชาวอเมริกันนำรถยนต์หรือรถบรรทุกเก่าที่สิ้นเปลืองพลังงานสูงไปแลกซื้อรถยนต์ใหม่ โดยรัฐบาลเสนอจะคืนเงินให้โดยระดับสูงสุดอยู่ที่คันละ 4,500 ดอลลาร์ให้
โครงการนี้ไม่เพียงทำให้ยอดขายรถในสหรัฐฯพุ่งโด่ง แต่เงินงบประมาณในโครงการนี้ก็หมดลงอย่างรวดเร็ว สภาล่างสหรัฐฯจึงได้ผ่านร่างกฎหมายในวันศุกร์31ก.ค.)เพิ่มเงินในโครงการนี้อีก 2,000 ล้านดอลลาร์ ทว่าในสภาสูงนั้นมีเสียงคัดค้าน ทำให้ยังไม่แน่ใจกันว่าร่างกฎหมายนี้จะออกมาได้สำเร็จหรือไม่
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้แบบอย่างโครงการดังกล่าวมาจากแผนการนำร่องของรัฐบาลในยุโรป โดยที่หลายประเทศในทวีปนั้นต่างรายงานว่า แผนการนี้สามารถเพิ่มปริมาณความต้องการซื้อรถในเดือนกรกฎาคมเช่นกัน ในฝรั่งเศสมียอดขายเพิ่มขึ้น 3 % อิตาลีเพิ่ม 6% แม้ในสเปนยอดขายจะลดลง แต่ก็อยู่ในอัตราน้อยกว่าเดิม
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางคนมองว่า ยอดขายรถอาจตกลงทันทีเมื่อโครงการสิ้นสุดลง ซึ่งเป็นประเด็นที่ในยุโรปเองก็กำลังเป็นกังวลอยู่เช่นกัน ถึงแม้นักวิเคราะห์บางรายยังคงเชื่อว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม ยังจะสามารถทำให้ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 30% ในปี 2010
