xs
xsm
sm
md
lg

ระบบประชาธิปไตยมวลมหาชน “องค์ธรรมแกน” สังคมอุดมธรรม

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

การสร้างสังคมอุดมธรรม เพื่อชีวิตอุดมสุข เป็นความฝันสูงสุดร่วมกันของมวลมนุษยชาติ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความพยายามที่จะขับเคลื่อนสังคมเข้าสู่ “สภาวธรรม” นี้ ได้มีปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในรูปแบบต่างๆ ด้วยวิถีทางต่างๆ ที่เป็นไปได้ในแต่ละชาติหรือประเทศ ตามขั้นตอนการพัฒนาของยุคสมัย

แต่ด้วยข้อจำกัดทางด้านวัตถุ (เศรษฐกิจการผลิต/วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี) และจิตใจ (ปัญญาตื่นรู้/องค์ความรู้) ทำให้บรรพบุรุษของเราไม่ว่าชาติไหน ไม่อาจทำความฝันให้ปรากฏเป็นจริงได้ในระดับบูรณาการ (เมื่อมองในบริบทของวิวัฒนาการของประวัติศาสตร์มนุษยชาติโดยรวม) “องค์ธรรมแกน” ในแต่ละยุคสมัย จึงมีสถานภาพเป็นเพียง “องค์ธรรมเฉพาะด้าน” ของประวัติศาสตร์ทั้งหมด กลายสภาพเป็นมรดกตกทอดสู่คนรุ่นหลัง สำหรับสืบสานสังเคราะห์ นำเอาแก่นแกนขององค์ธรรมในอดีต ถักทอต่อเชื่อมเข้ากับองค์ธรรมใหม่บนฐานความจริงใหม่ เพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็น “องค์ธรรมแกน” ของสังคมยุคใหม่ สำหรับขับเคลื่อนตัวเอง ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของมวลมนุษยชาติเข้าใกล้สภาวะ “สังคมอุดมธรรม ชีวิตอุดมสุข” ยิ่งกว่าที่เป็นมา

โดยนัยนี้ การเปลี่ยนแปลงประเทศไทยครั้งนี้ (เริ่มต้นที่ขับไล่ทักษิณ โค่นระบอบทักษิณ แล้วยกระดับสู่การล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่ ซึ่งในที่สุดก็จะก้าวไปสู่การสร้างสังคมใหม่และชีวิตใหม่ให้แก่มวลมหาชนชาวไทย) ชาวพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นแกนหลักของขบวนการการเมืองภาคประชาชน “เจ้าภาพตัวจริง” จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของมวลมนุษยชาติ ในการขับเคลื่อนตัวเองสู่จุดหมายปลายทาง “สังคมอุดมธรรม ชีวิตอุดมสุข” ตามวิถีไทย

นี่คือสิ่งที่พวกเราชาวพันธมิตรฯ ต้องตระหนัก เพื่อให้เกิดสำนึกร่วมกันว่า กำลังปฏิบัติภารกิจประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการของมวลมนุษยชาติ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในประเทศอื่นใด ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

พิจารณาถึงแนวคิดอุดมการณ์ (สร้างการเมืองใหม่) และหลักการชี้นำการเคลื่อนไหวปฏิบัติ (จุดเทียนปัญญา เอาธรรมนำหน้า) ตลอดจนจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้ (สังคมอุดมธรรม ชีวิตอุดมสุข) ชาวพันธมิตรฯ อยู่ในวิสัยที่จะนำเอาองค์ธรรมเฉพาะด้านทั้งหมดที่มีมาแล้ว ทั้งที่เป็นของเราเองและของคนอื่น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มาปรับเข้ากับองค์ธรรมแกนของเราเอง ปัจจุบันก็คือ “ระบบประชาธิปไตยมวลมหาชน”

ผูกพันกันเข้าเป็นสูตร ดังนี้

ธรรมาธิปไตย+เสรีประชาธิปไตย+ประชาธิปไตยประชาชน+ประชาธิปไตยมวลมหาชน

ทั้งนี้ ระบบประชาธิปไตยมวลมหาชนมีสถานภาพเป็นฐานแกน เป็นตัวแทนความก้าวหน้าทางการเมืองแห่งยุค ทำหน้าที่ขับเคลื่อนกระบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมไทย โดยนำเอาหลักธรรมาธิปไตย เสรีประชาธิปไตยและประชาธิปไตยประชาชนมาประสานเข้ากับตนเอง ให้เกิดความสมบูรณ์รอบด้าน ไม่บกพร่องในทางประวัติศาสตร์

อีกนัยหนึ่ง ระบบนี้ในตัวเองจะมีความรอบด้านมากที่สุด เกิดความสมดุลมากที่สุดยิ่งกว่าระบบใดๆ ทั้งที่เคยมีมาในอดีตและกำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน

ระบบประชาธิปไตยมวลมหาชน ถือกำเนิดขึ้นมาท่ามกลางการเคลื่อนไหวต่อสู้ของขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นับเนื่องมาได้ร่วม 4 ปี ตั้งแต่ปลาย พ.ศ. 2548 จนถึงปัจจุบัน เริ่มจากการ “จุดเทียนปัญญา” มุ่งสร้างอำนาจประชาชนด้วยปัญญา ต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ต่อมาในระหว่างการเคลื่อนไหวต่อสู้อย่างยืดเยื้อ 193 วันในปี 2551 ชาวพันธมิตรฯ ภายใต้แกนนำชุดปัจจุบัน ได้สร้างสำนึก “เสียสละ กล้าหาญ ซื่อสัตย์ อดทน”ขึ้นมา เสริมความเข้มแข็งทางจิตใจอย่างมีนัยสำคัญให้แก่อำนาจประชาชน-อำนาจปัญญา กระทั่งสามารถโค่นล้มรัฐบาลหุ่นในระบอบทักษิณ บั่นทอนอำนาจกลุ่มการเมืองเก่าลงไปได้ ขับเคลื่อนกระบวนการ “ล้างการเมืองเก่า - สร้างการเมืองใหม่” เข้าสู่ระยะใหม่ได้สำเร็จ

ในห้วงเดียวกันนั้น ได้มีการตีความอำนาจประชาชน-อำนาจปัญญา ตามสภาวะเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ สะท้อนแก่นแท้ของอำนาจนี้ออกมา ให้เห็นถึงฐานะของการเป็น “อำนาจกำหนด” ที่แท้จริงของการเมืองยุคใหม่

ในทางประวัติศาสตร์ อำนาจกำหนดนี้ ก็คืออำนาจกำหนดใหม่ ที่จะต่อสู้เอาชนะ และเข้าแทนที่อำนาจกำหนดเก่าในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นั่นคือ อำนาจประชาชน- อำนาจปัญญา จะสามารถเอาชนะอำนาจทุนนิยมสามานย์ และการเมืองใหม่จะปรากฏเป็นจริงได้ในที่สุด

รูปแบบการแสดงออกของอำนาจกำหนดนี้หลักๆ ก็คืออำนาจกำหนดจากเบื้องล่าง โดยมวลมหาชนจากเบื้องล่างที่เชื่อมโยงกันเข้าเป็นเครือข่าย ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง และองค์ความรู้ที่สะท้อนสัจธรรม สอดคล้องกับกฎเกณฑ์พัฒนาการของสังคมไทยและสังคมโลก ทำหน้าที่กำกับการใช้อำนาจของผู้ได้รับมอบหมายการใช้อำนาจที่อยู่เบื้องบน

ตามหลักการนี้ อำนาจกำหนดเบื้องล่างจะต้องเป็นอำนาจแห่งปัญญา มวลมหาชนเบื้องล่างจะต้องได้รับการ “จุดเทียนปัญญา” อย่างเข้มข้นเสมอ จากแกนนำทุกระดับ และด้วยช่องทางต่างๆ ที่ทรงประสิทธิภาพสูง เช่น สื่อสมัยใหม่ (สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอสทีวี และสื่อในเครือเอเอสทีวี/ผู้จัดการ เป็นอาทิ) การศึกษาอบรม (มหาวิทยาลัยราชดำเนิน โรงเรียนการเมือง เป็นอาทิ) รวมถึงการจัดชุมนุมมวลชน หรือเปิดประชุมสภาฯ ในโอกาสต่างๆ เป็นต้น

ในทางปฏิบัติ “อำนาจกำหนดใหม่” ซึ่งเป็นอำนาจปัญญาของมวลมหาชนเบื้องล่าง จะทำหน้าที่กำกับการใช้อำนาจของผู้ใช้อำนาจเบื้องบน ผ่านกลไกต่างๆ ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น สภาฯ พันธมิตรฯ ในระดับต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค

ทั้งนี้ แกนนำทุกระดับ จะต้องเร่งพัฒนากลไก เช่น สภาฯ พันธมิตรฯ ให้สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของมวลมหาชนเบื้องล่าง

หัวใจของระบบประชาธิปไตยมวลมหาชนจึงอยู่ที่ ทุกอย่างต้องเริ่มต้นด้วยการ “ลงสู่เบื้องล่าง” โดยเฉพาะคือการจุดเทียนปัญญา สร้างอำนาจกำหนดจากเบื้องล่าง ซึ่งจัดอยู่ในมิติขององค์อำนาจไร้ตัวตน ที่จะต้องอาศัยกลไกหรือองค์กรจัดตั้งที่มีตัวตนเช่นสภาฯ เป็นสื่อ แสดงอำนาจที่เป็นจริงของตนออกมา

โดยนัยนี้ ณ เวลานี้ การจุดเทียนปัญญากับการก่อตั้งสภาฯ จึงเป็นภารกิจพื้นฐานของบรรดาแกนนำทุกระดับ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น