ASTVผู้จัดการรายวัน – ที่ปรึกษา 11 ชี้ท่องเที่ยวหลงทาง มองข้ามของดีวิถีชีวิตชุมชน อัดเมืองสุพรรณ ผลาญงบสร้างอุทยานมังกร จนลืมของดีของตัวเอง ด้านรองผู้ว่า ททท.ฝ่ายสินค้าท่องเที่ยวเพิ่งตื่น จัดประชุมผู้นำชุมชน เตรียมนำร่อง 4 เส้นทางท่องเที่ยว
นายภราเดช พยัฆวิเชียร ที่ปรึกษา 11 และอดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยในงานประชุมเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในทศวรรษหน้า ว่า ททท. ควรทีจะกลับไปปรับรูปแบบและแนวทางการในการนำเสนอสินค้าแหล่งท่องเที่ยวใหม่ โดยจะต้องให้ความสำคัญและเน้นเรื่องการวางรากฐานท่องเที่ยวในรูปแบบวิถีชีวิต วัฒนธรรมของชุมชน เพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไปเที่ยวให้สมบุรณ์มากยิ่งขึ้น
ที่ผ่านมาการทำงานของททท.ไม่ได้นำเสนอเอกลักษณ์ดั้งเดิมของพื้นที่ที่มีเสน่ห์และมีคุณค่าแก่การท่องเที่ยวเท่าที่ควร เช่น ที่ จ.สุพรรณบุรี แทนที่จำนำเสนอวิถีชีวิตของชุมชนดั้งเดิม แต่กลับไปสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ขึ้นมาแทนที่ เช่น การสร้างอุทยานมังกร และ การสร้างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ทำให้เสียงบประมาณไปจำนวนมาก ทั้งที่นักท่องเที่ยวต้องการไปเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนมากกว่าแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างขึ้นมาใหม่
ขณะที่ นายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านสินค้าการท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า ททท.ได้คัดเลือกชุมชนประมาณ 30 ชุมชนเพื่อให้เป็นชุมชนท่องเที่ยวตัวอย่าง และได้เชิญอีก 20 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมประชุมด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ในระหว่างวันที่ 3-5 ส.ค.52
จุดประสงค์ของการร่วมประชุมดังกล่าวก็เพื่อระดมความคิดเห็น รูปแบบและแนวทางในการ วางหลักเกณฑ์มาตรฐานท่องเที่ยวชุมชนร่วมกัน จากนั้นจะนำไปลองทดสอบใช้กับ 10 ชุมชนนำร่องที่กำหนดไว้ก่อน โดยจะคัดเลือกจาก 30 ชุมชนดังกล่าวข้างต้น เพื่อศึกษาดูว่ามีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร
โดยททท.จะจัดทำ 4 เส้นทางท่องเที่ยว ในพื้นที่ทั้ง 10 ชุมชนนำร่อง และจะทำการเชิญบริษัทนำเที่ยวจากทวีปยุโรปเข้ามาร่วมทดสอบเส้นทางท่องเที่ยวดังกล่าวด้วย เพื่อทำการแก้ไขและปรับปรุงให้เกิดความเหมาะสมมากที่สุด
ทั้งนี้เส้นทางท่องเที่ยวทุกเส้นทางจะต้องเน้นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมท้องถิ่นนั้นๆ เมื่อได้ทำการปรับปรุงและแก้ไขจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ก็จะจัดเป็นโปรแกรมทัวร์ขึ้นมา เพื่อนำไปจัดเป็นทัวร์เสนอแก่บริษัททัวร์และนักท่องเที่ยวผู้สนใจเป็นลำดับต่อไป
“เป็นครั้งแรกที่ ททท.จัดระดมความคิด โดยมีชุมชนซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น ไปพร้อมกับผู้จัดทำการขาย และ ผู้วางแผน ครอบคลุมทั้ง ที่พักประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตชุมชน โดยศูนย์ยุโรปสำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และเกษตร สนับสนุนงบ 10 กว่าล้านบาท สำหรับพัฒนาสินค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม”
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจของ ททท.พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติยุคใหม่ สนใจเรื่องการเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น และวิถีชีวิตชุมชนมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกา ซึ่งประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมโดยปรับปรุงและพัฒนาสินค้า ให้มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
นายภราเดช พยัฆวิเชียร ที่ปรึกษา 11 และอดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยในงานประชุมเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในทศวรรษหน้า ว่า ททท. ควรทีจะกลับไปปรับรูปแบบและแนวทางการในการนำเสนอสินค้าแหล่งท่องเที่ยวใหม่ โดยจะต้องให้ความสำคัญและเน้นเรื่องการวางรากฐานท่องเที่ยวในรูปแบบวิถีชีวิต วัฒนธรรมของชุมชน เพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไปเที่ยวให้สมบุรณ์มากยิ่งขึ้น
ที่ผ่านมาการทำงานของททท.ไม่ได้นำเสนอเอกลักษณ์ดั้งเดิมของพื้นที่ที่มีเสน่ห์และมีคุณค่าแก่การท่องเที่ยวเท่าที่ควร เช่น ที่ จ.สุพรรณบุรี แทนที่จำนำเสนอวิถีชีวิตของชุมชนดั้งเดิม แต่กลับไปสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ขึ้นมาแทนที่ เช่น การสร้างอุทยานมังกร และ การสร้างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ทำให้เสียงบประมาณไปจำนวนมาก ทั้งที่นักท่องเที่ยวต้องการไปเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนมากกว่าแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างขึ้นมาใหม่
ขณะที่ นายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านสินค้าการท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า ททท.ได้คัดเลือกชุมชนประมาณ 30 ชุมชนเพื่อให้เป็นชุมชนท่องเที่ยวตัวอย่าง และได้เชิญอีก 20 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมประชุมด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ในระหว่างวันที่ 3-5 ส.ค.52
จุดประสงค์ของการร่วมประชุมดังกล่าวก็เพื่อระดมความคิดเห็น รูปแบบและแนวทางในการ วางหลักเกณฑ์มาตรฐานท่องเที่ยวชุมชนร่วมกัน จากนั้นจะนำไปลองทดสอบใช้กับ 10 ชุมชนนำร่องที่กำหนดไว้ก่อน โดยจะคัดเลือกจาก 30 ชุมชนดังกล่าวข้างต้น เพื่อศึกษาดูว่ามีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร
โดยททท.จะจัดทำ 4 เส้นทางท่องเที่ยว ในพื้นที่ทั้ง 10 ชุมชนนำร่อง และจะทำการเชิญบริษัทนำเที่ยวจากทวีปยุโรปเข้ามาร่วมทดสอบเส้นทางท่องเที่ยวดังกล่าวด้วย เพื่อทำการแก้ไขและปรับปรุงให้เกิดความเหมาะสมมากที่สุด
ทั้งนี้เส้นทางท่องเที่ยวทุกเส้นทางจะต้องเน้นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมท้องถิ่นนั้นๆ เมื่อได้ทำการปรับปรุงและแก้ไขจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ก็จะจัดเป็นโปรแกรมทัวร์ขึ้นมา เพื่อนำไปจัดเป็นทัวร์เสนอแก่บริษัททัวร์และนักท่องเที่ยวผู้สนใจเป็นลำดับต่อไป
“เป็นครั้งแรกที่ ททท.จัดระดมความคิด โดยมีชุมชนซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น ไปพร้อมกับผู้จัดทำการขาย และ ผู้วางแผน ครอบคลุมทั้ง ที่พักประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตชุมชน โดยศูนย์ยุโรปสำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และเกษตร สนับสนุนงบ 10 กว่าล้านบาท สำหรับพัฒนาสินค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม”
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจของ ททท.พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติยุคใหม่ สนใจเรื่องการเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น และวิถีชีวิตชุมชนมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกา ซึ่งประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมโดยปรับปรุงและพัฒนาสินค้า ให้มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้