ผลสำรวจ ททท.ค้านกันเอง ฟุ้งคนไทยยังเดินทางท่องเที่ยว รับอานิสงส์ที่พักโรงแรม กระหน่ำลดราคา เป็นเหตุฉุดตัวเลขค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวันลดลง แต่ยังปากแข็งไม่ปรับลดเป้าตัวเลขรายได้ ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศที่ตั้งไว้ 4.07 แสนล้านบาทปีนี้ อ้างมีงบจัดกิจกรรมกรุต้นคนไทยเที่ยวได้มากขึ้น ขณะที่นายกสมาคมโรงแรมไทย เผยถ้าไม่ลดรายได้ก็ต้องเพิ่มจำนวน ยันไม่ปรับลดงบจัดกิจกรรม
นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยงานวิเคราะห์ตลาดในประเทศ ว่า ททท.ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมและแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในอนาคตภายในปี 2552 โดยสอบถามผ่านทางเว็บไซด์ของ ททท. เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากผู้ตอบแบบสอบถามรวม 768 คน โดยกว่า 90% ยังยืนยันที่จะเดินทางท่องเที่ยว
ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ระบุว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา คนไทยท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 8% แต่พบว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่อคนต่อวันมีแนวโน้มที่ลดลง เป็นผลมาจากการปรับลดราคาโรงแรมที่พัก รวมถึงสินค้าและบริการท่องเที่ยวอื่นๆ เพื่อต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยให้เดินทาง ทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ
***คนไทยเมินเที่ยวผ่านบริษัททัวร์*****
อย่างไรก็ตาม จากแบบสอบถามของ ททท.ยังพบว่า ปัจจัยสำคัญของการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวคือภาวะเศรษฐกิจ โดย 10% ที่ตอบว่าจะไม่เดินทางท่องเที่ยวให้เหตุผลว่า เพราะภาวะเศรษฐกิจมากที่สุด รองลงมาคือราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภัยธรรมชาติ และสถานการณ์ทางการเมือง สำหรับผู้ที่ยืนยันที่จะเดินทางท่องเที่ยวระบุว่า ต้องการให้ลดราคาที่พักมากที่สุด ส่วนพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทย 80% นิยมเดินทางท่องเที่ยวเองมากกว่าผ่านกรุ๊ปทัวร์ เพราะสะดวก และมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า พาหนะที่ใช้เดินทางสูงสุดคือรถยนต์สัดส่วน 65% รองลงมาคือรถโดยสาร 17% ที่เหลือเป็นการเดินทางในรูปแบบอื่นๆ
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นสอดคล้องกับการเก็บตัวเลขการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวของสำนักงาน ททท.พัทยา โดยนายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านสินค้าท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า จากการจัดงานเที่ยวไทย 5 ภาค @ พัทยา ที่ผ่านมา พบว่า ช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยอัตราเข้าพักโรงแรมในเมืองพัทยาช่วงที่จัดงานเพิ่มเป็น 80% จากปกติจะอยู่ที่ 50%
แต่ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคนไทยต่อคนต่อวันเฉลี่ยอยู่ที่ 1,600 บาท ลดลงจากช่วงก่อนๆที่ค่าใช้จ่ายจะประมาณ 1,800 บาท ซึ่งสาเหตุหลักน่าจะมาจากการลดราคาที่พัก ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวันอยู่ที่ 2,800 บาท จากก่อนหน้านี้จะประมาณ 3,000-4,000 บาท
***วางแผนดึงพันธมิตรร่วมจัดงาน***
โดยททท.ยังมั่นใจว่ารายได้ หมุนเวียนที่เกิดจากคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศปีนี้จะไม่ลดลงจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4.07 แสนล้านบาท เพราะ ททท.พยายามจัดกิจกรรมกระตุ้นให้เกิดการเดินทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2009 เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และทุกครั้งของการจัดงานพบว่า การออกร้านของกินของใช้โอทอป มียอดขายที่ดีมาก งานที่พัทยา รายได้จากการขายอาหาร 11.8 ล้านบาท งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 8 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ททท.ยอมรับฟังคำติชมของภาคเอกชน เพื่อนำไปเป็นข้อมูลปรับกลวิธีการทำงานของททท.ในการจัดงานครั้งต่อๆไปให้มีประสิทธิผลมากขึ้น พร้อมกันนี้ก็ขอยืนยันว่า จะไม่ปรับลดงบประมาณที่จะใช้จัดงานเที่ยวไทย 5 ภาค ในอีก 4 พื้นที่ที่เหลือ ซึ่งใช้แห่งละ 20 ล้านบาท เพราะถ้าลดงบสเกลงานจะเล็กลง อาจทำให้จุดประสงค์ของการจัดงานที่ต้องการให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นรู้จักรูปแบบของการจัดงานแฟร์ รวมถึงการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคให้มากขึ้น
สำหรับแนวทางการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. ในปีหน้า จะเน้นการหาพันธมิตรร่วมจัดงานเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ได้งานที่ขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้เกิดกระแสตอบรับของตลาดที่แรงขึ้น เช่น งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ที่จะจัดปีหน้าก็จะจับมือกับกรุงเทพมหานคร จัดงานแบบยิ่งใหญ่
****ถ้าไม่ลดรายได้ก็ต้องเพิ่มจำนวน***
ทางด้านนายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า 4 เดือนแรกปีนี้ธุรกิจโรงแรมมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยลดลง 26% ส่งผลให้รายได้ในธุรกิจหดหายไปกว่า 15-20% ซึ่งผู้ประกอบการต้องปรับวิธีใช้กลยุทธ์ลดราคา เพื่อจับกลุ่มตลาดคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยว ที่ผ่านมา มีการจัดงานแฟร์เพื่อขายห้องพักแบบลดราคาสูงสุดถึง 80% เพื่อกระตุ้นตลาด บางจังหวัด เช่น กระบี่ ภูเก็จ จัดแคมเปญแจกห้องพักฟรี เป็นต้น ทำให้เชื่อว่าภาพรวมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อทริปจะลดลงเพราะจ่ายค่าที่พักถูกลง ซึ่งหาก ททท.จะไม่ปรับลดเป้าหมายรายได้ ที่ตั้งไว้ว่าตลาดในประเทศจะได้ 4.07 แสนล้านบาท ก็ต้องใช้วิธีกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวมากกว่า 87 ล้านคนครั้ง
นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยงานวิเคราะห์ตลาดในประเทศ ว่า ททท.ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมและแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในอนาคตภายในปี 2552 โดยสอบถามผ่านทางเว็บไซด์ของ ททท. เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากผู้ตอบแบบสอบถามรวม 768 คน โดยกว่า 90% ยังยืนยันที่จะเดินทางท่องเที่ยว
ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ระบุว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา คนไทยท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 8% แต่พบว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่อคนต่อวันมีแนวโน้มที่ลดลง เป็นผลมาจากการปรับลดราคาโรงแรมที่พัก รวมถึงสินค้าและบริการท่องเที่ยวอื่นๆ เพื่อต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยให้เดินทาง ทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ
***คนไทยเมินเที่ยวผ่านบริษัททัวร์*****
อย่างไรก็ตาม จากแบบสอบถามของ ททท.ยังพบว่า ปัจจัยสำคัญของการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวคือภาวะเศรษฐกิจ โดย 10% ที่ตอบว่าจะไม่เดินทางท่องเที่ยวให้เหตุผลว่า เพราะภาวะเศรษฐกิจมากที่สุด รองลงมาคือราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภัยธรรมชาติ และสถานการณ์ทางการเมือง สำหรับผู้ที่ยืนยันที่จะเดินทางท่องเที่ยวระบุว่า ต้องการให้ลดราคาที่พักมากที่สุด ส่วนพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทย 80% นิยมเดินทางท่องเที่ยวเองมากกว่าผ่านกรุ๊ปทัวร์ เพราะสะดวก และมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า พาหนะที่ใช้เดินทางสูงสุดคือรถยนต์สัดส่วน 65% รองลงมาคือรถโดยสาร 17% ที่เหลือเป็นการเดินทางในรูปแบบอื่นๆ
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นสอดคล้องกับการเก็บตัวเลขการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวของสำนักงาน ททท.พัทยา โดยนายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านสินค้าท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า จากการจัดงานเที่ยวไทย 5 ภาค @ พัทยา ที่ผ่านมา พบว่า ช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยอัตราเข้าพักโรงแรมในเมืองพัทยาช่วงที่จัดงานเพิ่มเป็น 80% จากปกติจะอยู่ที่ 50%
แต่ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคนไทยต่อคนต่อวันเฉลี่ยอยู่ที่ 1,600 บาท ลดลงจากช่วงก่อนๆที่ค่าใช้จ่ายจะประมาณ 1,800 บาท ซึ่งสาเหตุหลักน่าจะมาจากการลดราคาที่พัก ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวันอยู่ที่ 2,800 บาท จากก่อนหน้านี้จะประมาณ 3,000-4,000 บาท
***วางแผนดึงพันธมิตรร่วมจัดงาน***
โดยททท.ยังมั่นใจว่ารายได้ หมุนเวียนที่เกิดจากคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศปีนี้จะไม่ลดลงจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4.07 แสนล้านบาท เพราะ ททท.พยายามจัดกิจกรรมกระตุ้นให้เกิดการเดินทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2009 เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และทุกครั้งของการจัดงานพบว่า การออกร้านของกินของใช้โอทอป มียอดขายที่ดีมาก งานที่พัทยา รายได้จากการขายอาหาร 11.8 ล้านบาท งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 8 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ททท.ยอมรับฟังคำติชมของภาคเอกชน เพื่อนำไปเป็นข้อมูลปรับกลวิธีการทำงานของททท.ในการจัดงานครั้งต่อๆไปให้มีประสิทธิผลมากขึ้น พร้อมกันนี้ก็ขอยืนยันว่า จะไม่ปรับลดงบประมาณที่จะใช้จัดงานเที่ยวไทย 5 ภาค ในอีก 4 พื้นที่ที่เหลือ ซึ่งใช้แห่งละ 20 ล้านบาท เพราะถ้าลดงบสเกลงานจะเล็กลง อาจทำให้จุดประสงค์ของการจัดงานที่ต้องการให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นรู้จักรูปแบบของการจัดงานแฟร์ รวมถึงการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคให้มากขึ้น
สำหรับแนวทางการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. ในปีหน้า จะเน้นการหาพันธมิตรร่วมจัดงานเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ได้งานที่ขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้เกิดกระแสตอบรับของตลาดที่แรงขึ้น เช่น งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ที่จะจัดปีหน้าก็จะจับมือกับกรุงเทพมหานคร จัดงานแบบยิ่งใหญ่
****ถ้าไม่ลดรายได้ก็ต้องเพิ่มจำนวน***
ทางด้านนายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า 4 เดือนแรกปีนี้ธุรกิจโรงแรมมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยลดลง 26% ส่งผลให้รายได้ในธุรกิจหดหายไปกว่า 15-20% ซึ่งผู้ประกอบการต้องปรับวิธีใช้กลยุทธ์ลดราคา เพื่อจับกลุ่มตลาดคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยว ที่ผ่านมา มีการจัดงานแฟร์เพื่อขายห้องพักแบบลดราคาสูงสุดถึง 80% เพื่อกระตุ้นตลาด บางจังหวัด เช่น กระบี่ ภูเก็จ จัดแคมเปญแจกห้องพักฟรี เป็นต้น ทำให้เชื่อว่าภาพรวมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อทริปจะลดลงเพราะจ่ายค่าที่พักถูกลง ซึ่งหาก ททท.จะไม่ปรับลดเป้าหมายรายได้ ที่ตั้งไว้ว่าตลาดในประเทศจะได้ 4.07 แสนล้านบาท ก็ต้องใช้วิธีกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวมากกว่า 87 ล้านคนครั้ง