ASTVผู้จัดการรายวัน - จับตา “ครูอีสาน” สั่งเด็กนักเรียนให้เอาเลขบัตรประจำตัวประชาชนผู้ปกครองมาให้ เชื่อเอาไปใช้ลงชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ นช.แม้ว “จุรินทร์”ลั่นให้ครูใช้ดุลพินิจให้รอบคอบ
จากกรณีที่ผู้ปกครองนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนหอวัง ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว “ASTV ผู้จัดการ” ว่ามีอาจารย์ผู้สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แจ้งให้นักเรียนในชั้นเรียนทราบว่าขณะนี้มีการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และแจ้งเว็บไซต์ให้นักเรียนไปดาวน์โหลดแบบฟอร์ม พร้อมกับขู่ว่าหากนักเรียนคนไหนไม่ร่วมลงชื่อถวายฎีกาจะมีผลต่อผลการเรียนนั้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวว่า ตนทราบเรื่องดังกล่าวจากข่าวแล้ว ขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็ได้รายงานให้ทราบแล้วเช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ จึงขอให้เป็นหน้าที่ของ สพฐ.ในการตรวจสอบ โดยตนไม่ขอสั่งการ เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องของการเมือง หากสั่งการสิ่งใดไปก็จะกลายเป็นเรื่องการเมืองที่ออกไปจากตน ส่วนเรื่องถูกผิดหรือไม่ก็ให้เป็นหน้าที่ของ สพฐ.พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีรายงานข่าวแจ้งอีกว่า ครูในโรงเรียนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้สั่งการให้นักเรียนนำเลขประจำตัวบัตรประชาชนของผู้ปกครองมาให้กับครู ซึ่งคาดว่าอาจจะนำไปใช้เพื่อลงชื่อถวายฎีกาด้วยเช่นกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายจุรินทร์กล่าวว่า เยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่ได้มอบหมายให้ สพฐ.ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าว ครูจะต้องรู้ด้วยตนเองว่าเหมาะสมหรือไม่ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาสั่งการ เพราะองคมนตรีตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายก็บอกไว้แล้วว่า การถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น หากครูจะสนับสนุนอะไรหรือทำอะไรก็ต้องพิจารณาด้วยว่าทำถูกหรือผิดกฎหมาย ใช้ดุลยพินิจพิจารณาได้ด้วยตนเอง
**สพฐ.จ่อออกหนังสือคุมครูล้ำเส้น
นายสมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานด้วยวาจาจากนายปลองยุทธ์ อินทพันธุ์ ผอ.ร.ร.หอวัง แล้วกรณีข่าวครูสอนวิชาสังคมศึกษาให้การบ้านนักเรียนเข้าเว็บไซต์คนเสื้อแดง เพื่อลงชื่อและนามสกุล โดยนายปลองยุทธ์ชี้แจงว่า งานที่ครูมอบหมายให้เด็กทำอาจจะมีเรื่องการเมืองอยู่ แต่ไม่เกี่ยวกับคะแนนหรือบังคับ อย่างไรก็ตาม จะหารือกับคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการ กพฐ. ว่าอาจจะต้องมีหนังสือซักซ้อมแนวปฏิบัติและความเข้าใจให้ครูเรื่องการวางตัวทางการเมือง เพราะไม่ควรไปปลูกฝังหรือชี้นำอะไรให้เด็กเกิดความฝักใฝ่หรือทำให้เกิดความขัดแย้ง เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ครูต้องปล่อยให้เด็กคิดเอง โดยเฉพาะในเรื่องการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ มีนักกฎหมายออกมาให้ความเห็นแล้วว่าไม่ถูกต้อง เมื่อไม่ถูกต้องแล้วในด้านจริยธรรมครูไม่ควรอย่างยิ่งจะไปชี้นำ
“การสั่งให้เอาเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของผู้ปกครองไปให้ครูร่วมลงชื่อแล้วจะได้คะแนนยิ่งไม่ควร ถ้าเกิดขึ้นจริงมีหลักฐานพยานชัดเจน มีคนบันทึกเสียง เด็กยืนยันครูมีความผิดแน่นอน” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว
ด้านนายปลองยุทธกล่าวว่า จากการสอบถามนักเรียนชั้น ม.4 ทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด ครูไม่ได้บังคับให้นักเรียนไปลงชื่อเพื่อยื่นถวายฎีกา แต่เป็นการมอบหมายให้นักเรียนทำการวิเคราะห์ข่าวบนเว็บไซต์และให้คะแนน โดยเป็นประเด็นข่าวที่อยู่ในความสนใจ แต่อาจเป็นเพราะครูมักจะยกตัวอย่างหรือพูดเรื่องการเมืองบ่อยๆ จนเกิดการสื่อสารผิดพลาด อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าอาจมีครูบางคนที่วิจารณ์การเมืองมากเกินไป และทุกครั้งที่มีการประชุมได้ย้ำโดยตลอดว่าเป็นข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง
“ทุกครั้งที่มีการประชุมครู ก็ได้ย้ำอยู่เสมอว่าต้องวางตัวเป็นกลาง เรื่องนี้ผมถูกด่าทางเว็บไซต์ว่ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการให้ครูบังคับนักเรียนล่ารายชื่อ ซึ่งยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ความเห็นทางการเมืองเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะคิดเห็นกันได้ แต่ต้องไม่บังคับเด็กให้คิดและเห็นตาม” ผอ.ร.ร.หอวังกล่าว
นางพลอยนวล วงศ์วิบูลย์ชัย อาจารย์ประชั้น ม.4 ร.ร.หอวัง กล่าวชี้แจงว่า ในการเรียนการสอนในวิชาสังคม ตนได้ให้นักเรียนทำกิจกรรมเสริม อาทิ ทดลองจัดรายการทางวิทยุออนไลน์เพื่อพูดคุยบอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆ รวมทั้งมีการสอนเสริมให้แก่นักเรียนด้วย โดยให้นักเรียนเข้าไปในเว็บไซต์ www.hwd.6te.net ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของเพื่อนตนที่ได้มีการรวบรวมข้อมูลที่หลากหลายไว้ในทั้งข่าวประจำวันตามหน้าหนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุออนไลน์ และสาระความรู้ต่างๆไว้ ซึ่งกรณีระบุว่าตนบังคับให้เด็กล็อกอินเข้าไปในเว็บไซต์เพื่อนำรายชื่อเด็กไปร่วมสนับสนุนการถวายฎีกานั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพียงแต่ในเว็บไซต์ดังกล่าวอาจจะมีพรรคพวกเข้ามาโพสต์ให้สามารถที่จะดาวโหลดเอกสารถวายฎีกาไว้เท่านั้น
**ครูชุมแพจับตาใกล้ชิด
แหล่งข่าวจากครูโรงเรียนระดับประถมศึกษาแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เผยว่า โดยส่วนตัวไม่มีความคิดที่จะให้นักเรียนไปทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมลักษณะนั้น ส่วนเพื่อนครูในโรงเรียนเดียวกัน ณ ขณะนี้ยังไม่มีข่าวว่ามีการประสานให้นักเรียนของตนเอง ไปนำเลขที่บัตรประชาชนของผู้ปกครองมาใช้ประกอบ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าครูที่อยู่ในโรงเรียนเดียวกันมีการแบ่งฝ่ายเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดงเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มครูเสื้อแดงที่มีความสนิทสนมกับนักการเมืองในพื้นที่ และคอยเป็นธุระช่วยเหลือในการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น อาจเข้าไปช่วยเหลือนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้เช่นกัน
ด้านนายสัมฤทธิ์ เจริญดี ผอ.ร.ร.อนุบาลหนองคาย กล่าวยืนยันว่าไม่มีครูคนใดสั่งนักเรียนให้ขอเลขบัตรประชาชนผู้ปกครองนำไปถวายฎีกาสมทบกับกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งนี้ ได้กำชับให้ครูทุกคนในโรงเรียนวางตัวให้เหมาะสมในฐานะที่เป็นข้าราชการที่มีระเบียบวินัย ต้องยึดระเบียบวินัยปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบที่เหมาะสม ไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มบุคคลใด แม้ว่าจะทราบกันดีอยู่ว่าในแต่ละองค์กรก็มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีกันอยู่ทุกหน่วยงาน แต่ต้องไม่ขยายความขัดแย้งในสังคมให้เพิ่มมากขึ้น.
จากกรณีที่ผู้ปกครองนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนหอวัง ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว “ASTV ผู้จัดการ” ว่ามีอาจารย์ผู้สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แจ้งให้นักเรียนในชั้นเรียนทราบว่าขณะนี้มีการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และแจ้งเว็บไซต์ให้นักเรียนไปดาวน์โหลดแบบฟอร์ม พร้อมกับขู่ว่าหากนักเรียนคนไหนไม่ร่วมลงชื่อถวายฎีกาจะมีผลต่อผลการเรียนนั้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวว่า ตนทราบเรื่องดังกล่าวจากข่าวแล้ว ขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็ได้รายงานให้ทราบแล้วเช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ จึงขอให้เป็นหน้าที่ของ สพฐ.ในการตรวจสอบ โดยตนไม่ขอสั่งการ เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องของการเมือง หากสั่งการสิ่งใดไปก็จะกลายเป็นเรื่องการเมืองที่ออกไปจากตน ส่วนเรื่องถูกผิดหรือไม่ก็ให้เป็นหน้าที่ของ สพฐ.พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีรายงานข่าวแจ้งอีกว่า ครูในโรงเรียนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้สั่งการให้นักเรียนนำเลขประจำตัวบัตรประชาชนของผู้ปกครองมาให้กับครู ซึ่งคาดว่าอาจจะนำไปใช้เพื่อลงชื่อถวายฎีกาด้วยเช่นกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายจุรินทร์กล่าวว่า เยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่ได้มอบหมายให้ สพฐ.ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าว ครูจะต้องรู้ด้วยตนเองว่าเหมาะสมหรือไม่ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาสั่งการ เพราะองคมนตรีตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายก็บอกไว้แล้วว่า การถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น หากครูจะสนับสนุนอะไรหรือทำอะไรก็ต้องพิจารณาด้วยว่าทำถูกหรือผิดกฎหมาย ใช้ดุลยพินิจพิจารณาได้ด้วยตนเอง
**สพฐ.จ่อออกหนังสือคุมครูล้ำเส้น
นายสมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานด้วยวาจาจากนายปลองยุทธ์ อินทพันธุ์ ผอ.ร.ร.หอวัง แล้วกรณีข่าวครูสอนวิชาสังคมศึกษาให้การบ้านนักเรียนเข้าเว็บไซต์คนเสื้อแดง เพื่อลงชื่อและนามสกุล โดยนายปลองยุทธ์ชี้แจงว่า งานที่ครูมอบหมายให้เด็กทำอาจจะมีเรื่องการเมืองอยู่ แต่ไม่เกี่ยวกับคะแนนหรือบังคับ อย่างไรก็ตาม จะหารือกับคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการ กพฐ. ว่าอาจจะต้องมีหนังสือซักซ้อมแนวปฏิบัติและความเข้าใจให้ครูเรื่องการวางตัวทางการเมือง เพราะไม่ควรไปปลูกฝังหรือชี้นำอะไรให้เด็กเกิดความฝักใฝ่หรือทำให้เกิดความขัดแย้ง เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ครูต้องปล่อยให้เด็กคิดเอง โดยเฉพาะในเรื่องการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ มีนักกฎหมายออกมาให้ความเห็นแล้วว่าไม่ถูกต้อง เมื่อไม่ถูกต้องแล้วในด้านจริยธรรมครูไม่ควรอย่างยิ่งจะไปชี้นำ
“การสั่งให้เอาเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของผู้ปกครองไปให้ครูร่วมลงชื่อแล้วจะได้คะแนนยิ่งไม่ควร ถ้าเกิดขึ้นจริงมีหลักฐานพยานชัดเจน มีคนบันทึกเสียง เด็กยืนยันครูมีความผิดแน่นอน” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว
ด้านนายปลองยุทธกล่าวว่า จากการสอบถามนักเรียนชั้น ม.4 ทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด ครูไม่ได้บังคับให้นักเรียนไปลงชื่อเพื่อยื่นถวายฎีกา แต่เป็นการมอบหมายให้นักเรียนทำการวิเคราะห์ข่าวบนเว็บไซต์และให้คะแนน โดยเป็นประเด็นข่าวที่อยู่ในความสนใจ แต่อาจเป็นเพราะครูมักจะยกตัวอย่างหรือพูดเรื่องการเมืองบ่อยๆ จนเกิดการสื่อสารผิดพลาด อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าอาจมีครูบางคนที่วิจารณ์การเมืองมากเกินไป และทุกครั้งที่มีการประชุมได้ย้ำโดยตลอดว่าเป็นข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง
“ทุกครั้งที่มีการประชุมครู ก็ได้ย้ำอยู่เสมอว่าต้องวางตัวเป็นกลาง เรื่องนี้ผมถูกด่าทางเว็บไซต์ว่ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการให้ครูบังคับนักเรียนล่ารายชื่อ ซึ่งยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ความเห็นทางการเมืองเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะคิดเห็นกันได้ แต่ต้องไม่บังคับเด็กให้คิดและเห็นตาม” ผอ.ร.ร.หอวังกล่าว
นางพลอยนวล วงศ์วิบูลย์ชัย อาจารย์ประชั้น ม.4 ร.ร.หอวัง กล่าวชี้แจงว่า ในการเรียนการสอนในวิชาสังคม ตนได้ให้นักเรียนทำกิจกรรมเสริม อาทิ ทดลองจัดรายการทางวิทยุออนไลน์เพื่อพูดคุยบอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆ รวมทั้งมีการสอนเสริมให้แก่นักเรียนด้วย โดยให้นักเรียนเข้าไปในเว็บไซต์ www.hwd.6te.net ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของเพื่อนตนที่ได้มีการรวบรวมข้อมูลที่หลากหลายไว้ในทั้งข่าวประจำวันตามหน้าหนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุออนไลน์ และสาระความรู้ต่างๆไว้ ซึ่งกรณีระบุว่าตนบังคับให้เด็กล็อกอินเข้าไปในเว็บไซต์เพื่อนำรายชื่อเด็กไปร่วมสนับสนุนการถวายฎีกานั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพียงแต่ในเว็บไซต์ดังกล่าวอาจจะมีพรรคพวกเข้ามาโพสต์ให้สามารถที่จะดาวโหลดเอกสารถวายฎีกาไว้เท่านั้น
**ครูชุมแพจับตาใกล้ชิด
แหล่งข่าวจากครูโรงเรียนระดับประถมศึกษาแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เผยว่า โดยส่วนตัวไม่มีความคิดที่จะให้นักเรียนไปทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมลักษณะนั้น ส่วนเพื่อนครูในโรงเรียนเดียวกัน ณ ขณะนี้ยังไม่มีข่าวว่ามีการประสานให้นักเรียนของตนเอง ไปนำเลขที่บัตรประชาชนของผู้ปกครองมาใช้ประกอบ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าครูที่อยู่ในโรงเรียนเดียวกันมีการแบ่งฝ่ายเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดงเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มครูเสื้อแดงที่มีความสนิทสนมกับนักการเมืองในพื้นที่ และคอยเป็นธุระช่วยเหลือในการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น อาจเข้าไปช่วยเหลือนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้เช่นกัน
ด้านนายสัมฤทธิ์ เจริญดี ผอ.ร.ร.อนุบาลหนองคาย กล่าวยืนยันว่าไม่มีครูคนใดสั่งนักเรียนให้ขอเลขบัตรประชาชนผู้ปกครองนำไปถวายฎีกาสมทบกับกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งนี้ ได้กำชับให้ครูทุกคนในโรงเรียนวางตัวให้เหมาะสมในฐานะที่เป็นข้าราชการที่มีระเบียบวินัย ต้องยึดระเบียบวินัยปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบที่เหมาะสม ไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มบุคคลใด แม้ว่าจะทราบกันดีอยู่ว่าในแต่ละองค์กรก็มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีกันอยู่ทุกหน่วยงาน แต่ต้องไม่ขยายความขัดแย้งในสังคมให้เพิ่มมากขึ้น.
