xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.ไม่กลัวไฟตั้งกองลุยสหรัฐรับศก.ฟื้นปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- บลจ.ทิสโก้ฟันธงตลาดหุ้นมะกันเตรียมรีเทิร์นขาขึ้น หลังเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนไม่เกินปีหน้า จากตัวเลขบ่งชี้ที่ปรับตัวดีขึ้นทุกด้าน พร้อมเตรียมตั้งกองทุนลุยดัชนี S&P500 มั่นใจขาขึ้นมากกว่าลง เหตุสัญญาณเงินทุนเริ่มไหลจากตลาดเงินเข้าตลาดทุนมากขึ้น

นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐที่ผ่านมาว่า เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว ซึ่งทำให้บริษัทหันมาให้ความสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียมากกว่า
อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน บริษัทได้ปรับมุมมองต่อเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาใหม่ โดยเชื่อว่าหลังจากนี้เศรษฐกิจสหรัฐน่าจะมีการฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 และจะเห็นได้จากสัญญาณการฟื้นที่ชัดเจนมากขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2552
“จากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์มองว่าในไตรมาสสามของปีนี้ อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก
ที่ร้อยละ 1.5 รวมถึงตัวเลขการจ้างงานที่ผ่านจุดวิกฤตไปแล้ว และปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน"นายพิชากล่าว
ทั้งนี้ จากสถาการณ์ดังกล่าว นายพิชา กล่าวว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวตามคาดการณ์ การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐเองก็จะมีความน่าสนใจ และมีโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น ซึ่งถึงแม้ตลาดหุ้นสหรัฐจะมีการปรับตัวดีขึ้นบ้างแล้วแต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับการปรับตัวของตลาดหุ้นเอเชียในช่วงที่ผ่านมา
"ที่ผ่านมาตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวดีตามเศรษฐกิจไปแล้วกว่า 40% แต่สหรัฐถึงจะรีบาวน์แต่ก็น้อยไม่ถึง 10% การที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังวิ่งไล่หลังตลาดหุ้นอื่น (Laggard) ทำให้มีอัพไซด์ในขาขึ้นอยู่ค่อนข้างมาก หากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวตามที่คาดไว้จริงโอกาสที่จะเห็นตลาดหุ้นสหรัฐวิ่งแรงในไตรมาสที่4/52 ก็มี โอกาสที่นักลงทุนที่เข้าลงทุนในช่วงไตรมาสที่3/52 จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่า 25-30% ก็มีสูงเช่นกัน”นายพิชากล่าว
นอกจากนี้ มูลค่าหุ้นของสหรัฐก็ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีความน่าสนใจที่จะเข้าลงทุน โดยมูลค่าหุ้นของสหรัฐหากดูจากสัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) พบว่าปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ระดับ 13.6 เท่า ซึ่งปกติตลาดหุ้นสหรัฐเทรดอยู่ที่ P/E เฉลี่ย 20 เท่า ซึ่งมองในแง่มูลค่ายังถือว่าถูกยิ่งหากนักวิเคราะห์มีการปรับตัวเลขกำไรบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐขึ้นอีกตัวเลข P/E ก็จะต่ำลงไปอีกจากปัจจุบันที่นักวิเคราะห์คาดว่าในอีก 12 เดือนข้างหน้า P/E จะอยู่ที่ระดับ 15.2 เท่า นั่นหมายความว่าการลงทุนในหุ้นของสหรัฐยังคาดหวังผลตอบแทนได้อีก
นายพิชา กล่าวอีกว่า สำหรับความผันผวนของการลงทุนในหุ้นของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น เชื่อว่าจะยังคงมีอยู่แต่หากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นแล้วเชื่อว่า เงินลงทุนส่วนใหญ่จะไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้นได้
"จะเห็นได้จากปัจจุบันที่เงินลงทุนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งเปรียบเทียบจากสัดส่วนของกองทุนตราสารตลาดเงินต่อมูลค่าตลาดหุ้นรวมที่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 24% จากปกติอยู่ที่ระดับ 10% เท่านั้น จึงมีโอกาสที่เงินลงทุนเหล่านี้จะไหลกลับเข้าไปในสินทรัพย์เสี่ยงเช่นหุ้นอีกครั้งหากความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา"นายพิชากล่าว
เปิดกองทุนลุยหุ้นUS
นายพิชา เปิดเผยว่า จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ บริษัทจึงเตรียมที่จะทำการเสนอขายกองทุนเปิดทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ ฟันด์ (TISCO US Equity Fund) ระหว่างวันที่ 3-14 ส.ค. 2552 นี้
สำหรับ กองทุนนี้จะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปลงทุนในกองทุน SPDR Trust ,Series1 ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund : ETF) ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก มีนโยบายลงทุนในหุ้นชั้นนำของสหรัฐเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี S&P500 มากที่สุด
ทั้งนี้ กองกองทุน SPDR Trust ,Series1 มีมูลค่ากองทุนประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท ถือเป็นกองทุนอีทีเอฟที่มีขนาดใหญ่มากกองหนึ่งของโลกเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขายจึงดีมาก ทั้งนี้จุดเด่นของสหรัฐคือการที่เศรษฐกิจสหรัฐกำลังมีการฟื้นตัวซึ่งตั้งแต่เดือนก.ค.2552 เป็นต้นมา นักวิเคราะห์เริ่มมีการปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขต่างๆ ขึ้นไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ กำไรบริษัทจดทะเบียน เป็นต้น
"ปัจจุบันเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าไปลงทุน ดัชนี S&P500 ที่เคยอยู่ในระดับ 1,400-1,500 จุด แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 980 จุด โดยแค่ดัชนีปรับขึ้นไปที่ระดับ 1,200 จุด ก็จะทำให้นักลงทุนมีอัพไซด์มากกว่า 20% แล้ว นี่คือความน่าสนใจของการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐที่ยังวิ่งไล่หลังตลาดหุ้นอื่นอยู่”นายพิชากล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น