3 บลจ.ขายกองพันธบัตรเกาหลีเพิ่ม บลจ.ทหารไทย ลั่นเปิดขายจนกว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศจะปรับเพิ่มเท่ากับพันธบัตรโสม ระบุบอนด์ไทยเข้มแข็งเป็นทางเลือกที่ดี แต่ดอกเบี้ยยังต่่ำกว่ากองพันธบัตรเกาหลี "สมชัย"ชี้โอกาสดีนักลงทุนล็อกยิลด์ 1 ปี เหตุผลตอบแทนเป็นเงินบาทเริ่มปรับตัวลดลง
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ของบริษัทประสบความสำเร็จได้รับความสนใจจากผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยสามารถขายหน่วยลงทุนได้หมดเต็มจำนวนโครงการตั้งแต่วันแรกที่ทำการเปิดเสนอขาย ดังนั้นทางบริษัทจะเปิดขายกองทุนเปิดทหารไทย พันธบัตรเกาหลีใต้ รุ่นที่ 20 อายุ 6 เดือนต่อเนื่องในวันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคมนี้
"บริษัทจะเปิดขายกองทุนดังกล่าวต่อเนื่องไปจนกว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยจะปรับขึ้นมาอยู่ในระดับที่เท่ากับดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้"นายไพศาลกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ที่รัฐบาลไทยเปิดขายให้แก่ประชาชนนั้น นายไพศาล กล่าวว่า พันธบัตรที่รัฐบาลเปิดจำหน่ายนั้นนับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงรวมทั้งประชาชนมีความเข้าใจที่ดีกว่า แต่เนื่องจากดอกเบี้ยของไทยในขณะนี้อยู่ในระดับที่ตํ่ากว่าดอกเบี้ยของประเทศเกาหลีใต้ ดังนั้นพันธบัตรของรัฐบาลเกาหลีใต้ จึงมีความน่าสนใจมากกว่า
"หากอัตราดอกเบี้ยของไทยปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับเดียวกับของประเทศเกาหลีใต้นั้น เชื่อว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจพันธบัตรรัฐบาลไทยมากกว่าเกาหลีใต้" นายไพศาล กล่าว
โดยส่วนใหญ่มองกันว่า ดอกเบี้ยของแบงก์ชาติในขณะนี้จะยังคงทรงตัวอยู่ที่ 1.25% ไปจนถึงสิ้นปี แต่อย่างไรก็ตาม มองว่า ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ เม็ดเงินที่รัฐบาลนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศนั้น จะลดลงไปจากคลัง ดังนั้นรัฐบาลก็จะดำเนินการระดมเงินทุนผ่านแบงก์พาณิชย์ ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้ผลตอบแทนที่สูง
ด้าน นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้มีแนวโน้มที่อัตราผลตอบแทนจะปรับลดลง เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรลดลงซึ่งเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลกรวมทั้งในไทย โดยในช่วงที่ผ่านมากระแสเงินสดไหลเข้าต่อเนื่องทั้งในภาคการค้าและเงินลงทุนทำให้สภาพคล่องทางการเงินของเกาหลีใต้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ผลดังกล่าวทำให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้เมื่อแปลงกลับเป็นสกุลบาทมีทิศทางปรับลดลง ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการลงทุนที่ล็อคผลตอบแทน
โดยในสัปดาห์นี้บลจ.จะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 12 เดือน 7 ( KTFIF12M7) อายุโครงการ 12 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2552
สำหรับกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ (Korea Treasury Bond) หรือพันธบัตรธนาคารกลางเกาหลีใต้ (Monetary Stabilization Bond) ซึ่งมีสถานะเป็นตราสารหนี้ภาครัฐ (Sovereign Status) ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูงสุด A1 โดย S&P โดยคาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.85% ต่อปี
ขณะที่รายงานจากบลจ.ทิสโก้ เปิดเผว่า บริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 3 อายุโครงการ 1 ปีระหว่างวันที่ 16-23 กรกฎาคม 2552 โดยจะเน้นลงทุนลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่รัฐ่่บาล องค์การ หน่วยงานของรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจประเทศเกาหลีใต้เป็นผู้ออก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน นอกจากนี้จะมีการทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราอัตรแลกเปลี่ยนเต็มอัตราอีกด้วย
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ของบริษัทประสบความสำเร็จได้รับความสนใจจากผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยสามารถขายหน่วยลงทุนได้หมดเต็มจำนวนโครงการตั้งแต่วันแรกที่ทำการเปิดเสนอขาย ดังนั้นทางบริษัทจะเปิดขายกองทุนเปิดทหารไทย พันธบัตรเกาหลีใต้ รุ่นที่ 20 อายุ 6 เดือนต่อเนื่องในวันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคมนี้
"บริษัทจะเปิดขายกองทุนดังกล่าวต่อเนื่องไปจนกว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยจะปรับขึ้นมาอยู่ในระดับที่เท่ากับดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้"นายไพศาลกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ที่รัฐบาลไทยเปิดขายให้แก่ประชาชนนั้น นายไพศาล กล่าวว่า พันธบัตรที่รัฐบาลเปิดจำหน่ายนั้นนับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงรวมทั้งประชาชนมีความเข้าใจที่ดีกว่า แต่เนื่องจากดอกเบี้ยของไทยในขณะนี้อยู่ในระดับที่ตํ่ากว่าดอกเบี้ยของประเทศเกาหลีใต้ ดังนั้นพันธบัตรของรัฐบาลเกาหลีใต้ จึงมีความน่าสนใจมากกว่า
"หากอัตราดอกเบี้ยของไทยปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับเดียวกับของประเทศเกาหลีใต้นั้น เชื่อว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจพันธบัตรรัฐบาลไทยมากกว่าเกาหลีใต้" นายไพศาล กล่าว
โดยส่วนใหญ่มองกันว่า ดอกเบี้ยของแบงก์ชาติในขณะนี้จะยังคงทรงตัวอยู่ที่ 1.25% ไปจนถึงสิ้นปี แต่อย่างไรก็ตาม มองว่า ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ เม็ดเงินที่รัฐบาลนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศนั้น จะลดลงไปจากคลัง ดังนั้นรัฐบาลก็จะดำเนินการระดมเงินทุนผ่านแบงก์พาณิชย์ ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้ผลตอบแทนที่สูง
ด้าน นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้มีแนวโน้มที่อัตราผลตอบแทนจะปรับลดลง เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรลดลงซึ่งเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลกรวมทั้งในไทย โดยในช่วงที่ผ่านมากระแสเงินสดไหลเข้าต่อเนื่องทั้งในภาคการค้าและเงินลงทุนทำให้สภาพคล่องทางการเงินของเกาหลีใต้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ผลดังกล่าวทำให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้เมื่อแปลงกลับเป็นสกุลบาทมีทิศทางปรับลดลง ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการลงทุนที่ล็อคผลตอบแทน
โดยในสัปดาห์นี้บลจ.จะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 12 เดือน 7 ( KTFIF12M7) อายุโครงการ 12 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2552
สำหรับกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ (Korea Treasury Bond) หรือพันธบัตรธนาคารกลางเกาหลีใต้ (Monetary Stabilization Bond) ซึ่งมีสถานะเป็นตราสารหนี้ภาครัฐ (Sovereign Status) ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูงสุด A1 โดย S&P โดยคาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.85% ต่อปี
ขณะที่รายงานจากบลจ.ทิสโก้ เปิดเผว่า บริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 3 อายุโครงการ 1 ปีระหว่างวันที่ 16-23 กรกฎาคม 2552 โดยจะเน้นลงทุนลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่รัฐ่่บาล องค์การ หน่วยงานของรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจประเทศเกาหลีใต้เป็นผู้ออก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน นอกจากนี้จะมีการทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราอัตรแลกเปลี่ยนเต็มอัตราอีกด้วย