บลจ.นครหลวงไทย เดินหน้าส่งกองทุนตราสารหนี้เกาหลีใต้แบบแพคคู่ เสนอทางเลือกลงทุนแบบ 9 เดือนและ 2 ปี เน้นลงทุนในตราสารหนี้ของ The Export-Import Bank of Korea และป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน คาดให้ผลตอบแทนประมาณ 3.90% ต่อปี และผลตอบแทนที่ 5.00% ต่อปีตามลำดับ แย้มเตรียมผุดกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ใน 6 ตลาด ชูโมเดลให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปีเฉลี่ยปีละ 20% ขึ้นไป คาดเปิดไอพีโอเดือน พ.ค. – มิ.ย.นี้
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ของประเทศเกาหลีใต้จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 9M2/09 (SCI INGI9M2/09) มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 9 เดือน และกองทุนเปิดนครหลวงไทยตราสารหนี้ต่างประเทศ KO 2Y (SCI FIFKO 2Y) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 2 ปี โดยทั้งสองกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย The Export-Import Bank of Korea (KEXIM) และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
สำหรับกองทุน SCI INGI9M2/09 ได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ – 6 พฤษภาคม 2552 ขณะที่กองทุน SCI FIFKO 2Y ได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกและครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ – 12 พฤษภาคม 2552 และทั้งสองกองทุนมีมูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท
ทั้งนี้ แนวโน้มความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้เริ่มคลี่คลาย และมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ค่าเงินวอนแข็งค่าขึ้นจากระดับ 1,500 วอนต่อดอลลาร์สหรัฐมาอยู่ที่ 1,300 วอนต่อดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การที่อัตราดอกเบี้ยเองมีแนวโน้มปรับตัวลดลงด้วย บริษัทจึงเสนอขายกองทุน SCI FIFKO 2Y ที่มีอายุ 2 ปี ซึ่งเหมาะสมกับนักลงทุนที่มีเม็ดเงินที่ลงทุนยาว โดยจะทำการจ่ายอัตราดอกเบี้ยคืนไปให้นักลงทุนทุกระยะเวลา 6 เดือน นักลงทุนจึงควรล็อคผลตอบแทนแบบคงที่ไปในระยะยาว
กรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า กองทุน SCI INGI9M2/09 ที่มีอายุ 9 เดือนเหมาะสมกับนักลงทุนที่มีเม็ดเงินลงทุน แต่ไม่ได้ยาวนานมาก และอาจจะมีความจำเป็นต้องใช้เงินในอนาคต โดย โดยกองทุน SCI FIFKO 2Y คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ประมาณ 5.00% ต่อปี ส่วนกองทุน SCI INGI9M2/09 จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ 3.9%
ขณะที่การเสนอขายกองทุน 3 เดือน จะต้องดูตลาดอีกครั้ง เนื่องจากในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างปรับตัวลดลงแรง และกองทุน 9 เดือนที่นำเสนอออกมาน่าจะมีความเหมาะสมมากกว่า โดยบริษัทได้ทำการปรับลดอายุโครงการจาก 1 ปีเหลือเพียง 9 เดือน ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนยาวไปจนสิ้นปีพอดี จากนั้นซึ่งเป็นช่วงปีใหม่ นักลงทุนอาจจะมีความจำเป็นต้องใช้เงิน หรืออาจจะนำเงินกลับไปลงทุนหุ้นก็ได้
ส่วนงานมันนี่เอ็กซโป 2009 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 10 พฤษภาคม 2552 โดยในงานดังกล่าวจะเน้นการแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักแก่นักลงทุน โดยเฉพาะกองทุน SCI FIFKO 2Y ขณะเดียวกัน เตรียมนำกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) ที่เน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ใน 6 ตลาด มาแนะนำแก่นักลงุทนด้วย ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะใช้อนุพันธ์มาช่วยในการจับจังหวะตลาดหาผลตอบแทน เนื่องจากเป็นกองทุนเปิด หากจะให้กองทุนสามารถอยู่ได้ในระยะเวลายาวนาน และในทุกสถานการณ์ไม่ว่าตลาดจะปรับตัวขึ้น หรือจะปรับตัวลดลง กองทุนจะต้องมีวิธีที่สามารถลงทุนไดตามภาวะการณ์ต่างๆ เช่นกัน
โดยในช่วงที่ผ่านมา โมเดลของกองทุนที่บริษัทจะไปลงทุนสามารถให้ผลตอบแทบย้อนหลังไป 5 ปีเฉลี่ยปีละ 20% ขึ้นไป และจากการที่กองทุนดังกล่าวเริ่มไปลงทุนประมาณ 1 ปีกว่า ก็พบว่าสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีใกล้เคียงกับโมเดลดังกล่าวด้วย โดยกองทุนใช้วิธีการกระจายความเสี่ยงที่ดีตามการกระจายความเสี่ยงของยุโรป ส่วนมูลค่าโครงการมีขนาดไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการยื่นขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนได้ประมาณเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2552
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ของประเทศเกาหลีใต้จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 9M2/09 (SCI INGI9M2/09) มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 9 เดือน และกองทุนเปิดนครหลวงไทยตราสารหนี้ต่างประเทศ KO 2Y (SCI FIFKO 2Y) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 2 ปี โดยทั้งสองกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย The Export-Import Bank of Korea (KEXIM) และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
สำหรับกองทุน SCI INGI9M2/09 ได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ – 6 พฤษภาคม 2552 ขณะที่กองทุน SCI FIFKO 2Y ได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกและครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ – 12 พฤษภาคม 2552 และทั้งสองกองทุนมีมูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท
ทั้งนี้ แนวโน้มความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้เริ่มคลี่คลาย และมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ค่าเงินวอนแข็งค่าขึ้นจากระดับ 1,500 วอนต่อดอลลาร์สหรัฐมาอยู่ที่ 1,300 วอนต่อดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การที่อัตราดอกเบี้ยเองมีแนวโน้มปรับตัวลดลงด้วย บริษัทจึงเสนอขายกองทุน SCI FIFKO 2Y ที่มีอายุ 2 ปี ซึ่งเหมาะสมกับนักลงทุนที่มีเม็ดเงินที่ลงทุนยาว โดยจะทำการจ่ายอัตราดอกเบี้ยคืนไปให้นักลงทุนทุกระยะเวลา 6 เดือน นักลงทุนจึงควรล็อคผลตอบแทนแบบคงที่ไปในระยะยาว
กรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า กองทุน SCI INGI9M2/09 ที่มีอายุ 9 เดือนเหมาะสมกับนักลงทุนที่มีเม็ดเงินลงทุน แต่ไม่ได้ยาวนานมาก และอาจจะมีความจำเป็นต้องใช้เงินในอนาคต โดย โดยกองทุน SCI FIFKO 2Y คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ประมาณ 5.00% ต่อปี ส่วนกองทุน SCI INGI9M2/09 จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ 3.9%
ขณะที่การเสนอขายกองทุน 3 เดือน จะต้องดูตลาดอีกครั้ง เนื่องจากในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างปรับตัวลดลงแรง และกองทุน 9 เดือนที่นำเสนอออกมาน่าจะมีความเหมาะสมมากกว่า โดยบริษัทได้ทำการปรับลดอายุโครงการจาก 1 ปีเหลือเพียง 9 เดือน ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนยาวไปจนสิ้นปีพอดี จากนั้นซึ่งเป็นช่วงปีใหม่ นักลงทุนอาจจะมีความจำเป็นต้องใช้เงิน หรืออาจจะนำเงินกลับไปลงทุนหุ้นก็ได้
ส่วนงานมันนี่เอ็กซโป 2009 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 10 พฤษภาคม 2552 โดยในงานดังกล่าวจะเน้นการแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักแก่นักลงทุน โดยเฉพาะกองทุน SCI FIFKO 2Y ขณะเดียวกัน เตรียมนำกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) ที่เน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ใน 6 ตลาด มาแนะนำแก่นักลงุทนด้วย ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะใช้อนุพันธ์มาช่วยในการจับจังหวะตลาดหาผลตอบแทน เนื่องจากเป็นกองทุนเปิด หากจะให้กองทุนสามารถอยู่ได้ในระยะเวลายาวนาน และในทุกสถานการณ์ไม่ว่าตลาดจะปรับตัวขึ้น หรือจะปรับตัวลดลง กองทุนจะต้องมีวิธีที่สามารถลงทุนไดตามภาวะการณ์ต่างๆ เช่นกัน
โดยในช่วงที่ผ่านมา โมเดลของกองทุนที่บริษัทจะไปลงทุนสามารถให้ผลตอบแทบย้อนหลังไป 5 ปีเฉลี่ยปีละ 20% ขึ้นไป และจากการที่กองทุนดังกล่าวเริ่มไปลงทุนประมาณ 1 ปีกว่า ก็พบว่าสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีใกล้เคียงกับโมเดลดังกล่าวด้วย โดยกองทุนใช้วิธีการกระจายความเสี่ยงที่ดีตามการกระจายความเสี่ยงของยุโรป ส่วนมูลค่าโครงการมีขนาดไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการยื่นขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนได้ประมาณเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2552
