สุราษฎร์ธานี - "มนตรี เพชรขุ้ม" ล้มช้างชิงเก้าอี้นายก อบจ.สุราษฏร์ธานีจากตระกูล "เทือกสุบรรณ" มาครอง เจ้าตัวเผยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคน "เสื้อเหลือง" รวมทั้งมาจากคนเริ่มเบื่อการเมืองที่ผูกขาดโดยตระกูล "เทือกสุบรรณ" มานาน ด้าน "สุเทพ"หัวเสียหลังญาติแพ้ยับ อ้างพรรคไม่ได้ส่ง
ผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานีคนใหม่ แทนนายธานี เทือกสุบรรณ น้องชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และเลขาพรรคประชาธิปัตย์ ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้มูลความผิดให้ใบเหลือง อย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า นายมนตรี เพชรขุ้ม ผู้สมัครหมายเลข 3 มาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนน 113,340 คะแนน ส่วนอันดับ 2 คือ นายดำรง เทือกสุบรรณ ผู้สมัครหมายเลข 1 เจ้าของพื้นที่เดิมในนามพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 111,776 คะแนน และอันดับ 3 คือ นายประวิช นิลวัชรมณี ผู้สมัครหมายเลข 2 ได้ 72,136 คะแนน
การเลือกตั้งนายก อบจ.สุราษฏร์ธานีครั้งนี้ ถือว่าเป็นการล้มช้าง หรือล้มตระกูล "เทือกสุบรรณ" ที่ครองตำแหน่งพื้นที่การเมืองะดับท้องถิ่น และระดับชาติของ จ.สุราษฎร์ธานี มานานนับสิบปี พร้อมเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นฐานเสียงสำคัญของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ผู้จัดการรัฐบาล และเลขาพรรคประชาธิปัตย์
นอกจากนี้ ผลจากการที่คนในตระกูล "เทือกสุบรรณ" แพ้การเลือกตั้งนายก อบจ.สุราษฏร์ธานีครั้งนี้ยังถือว่าเป็นการหักหน้าผู้ทรงอิทธิพลอย่างนายสุเทพ เป็นอย่างยิ่งด้วย
สาเหตุที่ทำให้ผู้สมัครนายก อบจ.สุราษฏร์ธานี ของพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้อย่างหมดรูปถึง 2 คนด้วยกันในครั้งนี้ คอการเมืองวิเคราะห์ว่าอาจจะมาจากการที่ผู้สมัครอย่างนายดำรง เทือกสุบรรณ ที่เป็นสายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายประวิช นิลวัชรมณี ผู้สมัครหมายเลข 2 เป็นสายของนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ที่เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ลงแข่งขันกันเอง จนเป็นเหตุให้ฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์แตกออกเป็น 2 เสี่ยง ซึ่งเป็นการตัดคะแนนซึ่งกันและกัน จนทำให้คะแนนเสียงนายมนตรี มาเป็นอันดับ 1
หรืออาจเป็นไปได้ว่าประชาชนชาวสุราษฎร์ธานีเริ่มเบื่อหน่ายการเมืองที่ผูกขาดโดยตระกูล "เทือกสุบรรณ" มาเป็นเวลานานแต่ไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อภาพรวมของคนสุราษฎร์ธานี และส่วนหนึ่งที่นายมนตรีชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้เพราะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
**เปิดประวัติ"มนตรี"ล้มช้างสุราษฏร์ฯ
สำหรับนายมนตรี เพชรขุ้ม เป็นญาติกับ "วรพจน์ เพชรขุ้ม" นักชกเหรียญเงินโอลิมปิกปี 2547 แต่ถือว่าเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ ไม่มีสังกัด สามารถเอาชนะการเลือกตั้งได้แบบพลิกความคาดหมายของหลายฝ่ายที่ถือได้ว่าล้มช้างเจ้าของพื้นที่ที่ผูกขาดการเลือกตั้งทั้งระดับท้องถิ่น และการเมืองระดับชาติมาได้อย่างสวยงาม
ปัจจุบันนายมนตรี เพชรขุ้ม อายุ 47 ปี เกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2505 ที่บ้านเลขที่ 47 ม.2 ต.ท่าเรือ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี เป็นบุตรนายเอก เพชรขุ้ม และนางทรงศรี ช่วยจันทร์ เข้าศึกษาโรงเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนวัดปัฎนาราม (ท่าเรือ) อ.บ้านนาดิม จบปริญญาตรี ม.ราชภัฎสุราษฎร์ธานี และกำลังศึกษาปริญญาโท ม.ราชภัฎสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันได้สมรสกับนางอัจฉราวดี เกื้อหนุน (ไก่) อายุ 43 ปี มีบุตรชาย 1 คนชื่อ ด.ช.เทพปรทาน เพชรขุ้ม อายุ 2 ขวบ 5 เดือน ประกอบธุรกิจส่วนตัว ถือว่าเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มีเป้าหมายทางการเมืองในระดับชาติ และได้มีโอกาสเล่นการเมืองระดับท้องถิ่น โดยเคยลงสมัครสมาชิก อบต.ท่าเรือมาแล้วและได้รับการคัดเลือกเข้ามา
ต่อมาได้รับการคัดเลือกเป็นนายก อบต.ท่าเรือ จนได้ฉายา "นายกเพล์บอย" และได้รับการคัดสรรเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในส่วนของภาคองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในปี 2550 (ยุค คมช.) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยลงสมัครนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี มาแล้ว แต่ได้พ่ายแพ้ต่อนายธานี เทือกสุบรรณ จนกระทั่งมีการร้องเรียนในเรื่องความไม่โปร่งใสในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้ กกต.ชี้มูลความผิดแจกใบเหลืองแก่นายธานี จนมีการเลือกตั้งใหม่ในครั้งนี้เกิดขึ้น
**"มนตรี"เผยได้พลังเสื้อเหลืองช่วย
นายมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังทราบผลการเลือกตั้งว่า เหตุที่กล้าลงสมัครนายก อบจ.แข่งกับคนของพรรค ปชป.หรือคนในตระกูลเทือกสุบรรณ เพราะโดยส่วนตัวแล้วสนในการเมืองมาตั้งแต่เป็นเด็กและเฝ้าติดตามการเมืองมาโดยตลอดและมีโอกาสลงสมัครเล่นการเมืองท้องถิ่น เมื่อขึ้นเวทีแล้วต้องสู้ให้เต็มที่ ใจเต็มร้อย เปรียบเหมือนหมูไม่กลัวน้ำรอน ประกอบกับตนเป็นคนสุราษฎร์ธานีโดยกำเนิด และวิเคราะห์แล้วเห็นว่าประชาชนกำลังเบื่อหน่ายการเมือง เบื่อการเมืองแบบผูกขาดที่เป็นของตระกูลใดตระกูลหนึ่งและยากเห็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองท้องถิ่น
"ยอมรับว่าการชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้สิ่งสำคัญส่วนหนึ่งที่ผลักดัน และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่ขึ้นป้ายคัดเอ้าท์ขนาดใหญ่สนับสนุน เช่นที่ เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า พร้อมทั้งสมาชิกในจังหวัดทุกคนที่ช่วยเหลือการหาเสียง"
นายมนตรี กล่าวต่อว่า การลงสมัครเล่นการเมืองครั้งนี้ไม่มีพรรคการเมืองใดให้การสนับสนุนด้านเงินทอง ซึ่งตนพร้อมที่จะสาบานหาว่าหากได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองขอให้มีอันเป็นไป พร้อมทั้งขอขอบพระคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ตน ตนพร้อมทีมผู้บริหารจะทำงานอย่างโปร่งใส่สามารถตรวจสอบได้
**"สุเทพ" หัวเสียหลัง"ญาติ"พ่ายแพ้ยับ
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คนในตระกูล "เทือกสุบรรณ" แพ้การเลือกตั้งนายก อบจ.สุราษฎร์ธานีอย่างหมดรูปว่า มันไม่ใช่เรื่องของตระกูล เป็นเรื่องของผู้สมัครและพี่น้องประชาชน เป็นเรื่องปกติของการเลือกตั้ง คงไม่มีอะไรผิดแผก
ส่วนจะมีผลต่อการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 สุราษฎร์ธานี ที่กำลังจะมีขึ้นหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีผล "ขออธิบายก่อน เดี๋ยวเข้าใจผิดว่าผู้สมัครที่นามสกุลเทือกสุบรรณ ไม่ใช่ตัวแทนตระกูลที่ส่งลงสมัคร ไม่ใช่ตัวแทนพรรคที่ส่งลงสมัคร เขาสมัครของเขาเอง พวกผมไม่ได้ไปช่วยหาเสียง ไม่ประสงค์เข้าไปเกี่ยวข้อง ฉะนั้นผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ก็ไม่มีผลต่อการเลือกตั้งคราวอื่น"
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจว่าการเลือกตั้งซ่อมปชป. จะรักษาที่นั่งไว้ได้ นายสุเทพ กล่าวว่า มั่นใจครับ แต่นายกฯอบจ. มีญาติตนลงจริง แต่ไม่ได้ลงในนามพรรค ที่จริงตนห้ามไม่ให้เขาลง แต่เขาไม่ฟัง และตนก็ไม่ได้ไปช่วยเขาด้วย
**โฆษกเพื่อไทยเย้ย"สุเทพ"แพ้
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.สุราษฎร์ธานีว่า ที่นายดำรง เ ญาตินายสุเทพ เทือกสุบรรณ แพ้เป็นเพราะคนสุราษฎร์เบื่อหน่ายพรรคประชาธิปัตย์ที่แข่งกันเอง 2 กลุ่มระหว่างกลุ่มเทือกสุบรรณ กับกลุ่มนายบัญญัติ บรรทัดฐาน สุดท้ายก็ต้องแพ้ต่อตาอยู่ที่เป็นกลุ่มเลือดใหม่ ซึ่งเป็นฝ่ายร้องเรียนน้องชายนายสุเทพ จนเกิดการเลือกตั้งซ่อมขึ้น ซึ่งผลครั้งนี้ติดเชื้อเหมือนการเลือกตั้งนายก อบจ.ภูเก็ต ที่พรรคประชาธิปัตย์ แข่งกันเองจนแพ้นายไพบูลย์ อุปัติศฤษงศ์ นายก อบจ.คนปัจจุบันที่เป็นตาอยู่
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 สุราษฎร์ธานี พรรคพร้อมส่งลงสมัครโดยในวันนี้ (28 ก.ค.) พรรคจะคัดเลือกตัวแทนที่ส่งประกวดทั้งจากพื้นที่และคนเก่าของพรรคคือ นายสมพล วิชัยดิษฐ์ น้องชายนายยงยุทธ เชื่อว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้อาจเกิดปรากฏการณ์ใหม่ๆ ขึ้น เพราะวันนี้คนใต้ต้องการ change และอย่างน้อยคะแนนของพรรคจะได้มากกว่าเดิมแน่
ผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานีคนใหม่ แทนนายธานี เทือกสุบรรณ น้องชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และเลขาพรรคประชาธิปัตย์ ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้มูลความผิดให้ใบเหลือง อย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า นายมนตรี เพชรขุ้ม ผู้สมัครหมายเลข 3 มาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนน 113,340 คะแนน ส่วนอันดับ 2 คือ นายดำรง เทือกสุบรรณ ผู้สมัครหมายเลข 1 เจ้าของพื้นที่เดิมในนามพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 111,776 คะแนน และอันดับ 3 คือ นายประวิช นิลวัชรมณี ผู้สมัครหมายเลข 2 ได้ 72,136 คะแนน
การเลือกตั้งนายก อบจ.สุราษฏร์ธานีครั้งนี้ ถือว่าเป็นการล้มช้าง หรือล้มตระกูล "เทือกสุบรรณ" ที่ครองตำแหน่งพื้นที่การเมืองะดับท้องถิ่น และระดับชาติของ จ.สุราษฎร์ธานี มานานนับสิบปี พร้อมเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นฐานเสียงสำคัญของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ผู้จัดการรัฐบาล และเลขาพรรคประชาธิปัตย์
นอกจากนี้ ผลจากการที่คนในตระกูล "เทือกสุบรรณ" แพ้การเลือกตั้งนายก อบจ.สุราษฏร์ธานีครั้งนี้ยังถือว่าเป็นการหักหน้าผู้ทรงอิทธิพลอย่างนายสุเทพ เป็นอย่างยิ่งด้วย
สาเหตุที่ทำให้ผู้สมัครนายก อบจ.สุราษฏร์ธานี ของพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้อย่างหมดรูปถึง 2 คนด้วยกันในครั้งนี้ คอการเมืองวิเคราะห์ว่าอาจจะมาจากการที่ผู้สมัครอย่างนายดำรง เทือกสุบรรณ ที่เป็นสายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายประวิช นิลวัชรมณี ผู้สมัครหมายเลข 2 เป็นสายของนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ที่เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ลงแข่งขันกันเอง จนเป็นเหตุให้ฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์แตกออกเป็น 2 เสี่ยง ซึ่งเป็นการตัดคะแนนซึ่งกันและกัน จนทำให้คะแนนเสียงนายมนตรี มาเป็นอันดับ 1
หรืออาจเป็นไปได้ว่าประชาชนชาวสุราษฎร์ธานีเริ่มเบื่อหน่ายการเมืองที่ผูกขาดโดยตระกูล "เทือกสุบรรณ" มาเป็นเวลานานแต่ไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อภาพรวมของคนสุราษฎร์ธานี และส่วนหนึ่งที่นายมนตรีชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้เพราะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
**เปิดประวัติ"มนตรี"ล้มช้างสุราษฏร์ฯ
สำหรับนายมนตรี เพชรขุ้ม เป็นญาติกับ "วรพจน์ เพชรขุ้ม" นักชกเหรียญเงินโอลิมปิกปี 2547 แต่ถือว่าเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ ไม่มีสังกัด สามารถเอาชนะการเลือกตั้งได้แบบพลิกความคาดหมายของหลายฝ่ายที่ถือได้ว่าล้มช้างเจ้าของพื้นที่ที่ผูกขาดการเลือกตั้งทั้งระดับท้องถิ่น และการเมืองระดับชาติมาได้อย่างสวยงาม
ปัจจุบันนายมนตรี เพชรขุ้ม อายุ 47 ปี เกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2505 ที่บ้านเลขที่ 47 ม.2 ต.ท่าเรือ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี เป็นบุตรนายเอก เพชรขุ้ม และนางทรงศรี ช่วยจันทร์ เข้าศึกษาโรงเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนวัดปัฎนาราม (ท่าเรือ) อ.บ้านนาดิม จบปริญญาตรี ม.ราชภัฎสุราษฎร์ธานี และกำลังศึกษาปริญญาโท ม.ราชภัฎสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันได้สมรสกับนางอัจฉราวดี เกื้อหนุน (ไก่) อายุ 43 ปี มีบุตรชาย 1 คนชื่อ ด.ช.เทพปรทาน เพชรขุ้ม อายุ 2 ขวบ 5 เดือน ประกอบธุรกิจส่วนตัว ถือว่าเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มีเป้าหมายทางการเมืองในระดับชาติ และได้มีโอกาสเล่นการเมืองระดับท้องถิ่น โดยเคยลงสมัครสมาชิก อบต.ท่าเรือมาแล้วและได้รับการคัดเลือกเข้ามา
ต่อมาได้รับการคัดเลือกเป็นนายก อบต.ท่าเรือ จนได้ฉายา "นายกเพล์บอย" และได้รับการคัดสรรเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในส่วนของภาคองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในปี 2550 (ยุค คมช.) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยลงสมัครนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี มาแล้ว แต่ได้พ่ายแพ้ต่อนายธานี เทือกสุบรรณ จนกระทั่งมีการร้องเรียนในเรื่องความไม่โปร่งใสในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้ กกต.ชี้มูลความผิดแจกใบเหลืองแก่นายธานี จนมีการเลือกตั้งใหม่ในครั้งนี้เกิดขึ้น
**"มนตรี"เผยได้พลังเสื้อเหลืองช่วย
นายมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังทราบผลการเลือกตั้งว่า เหตุที่กล้าลงสมัครนายก อบจ.แข่งกับคนของพรรค ปชป.หรือคนในตระกูลเทือกสุบรรณ เพราะโดยส่วนตัวแล้วสนในการเมืองมาตั้งแต่เป็นเด็กและเฝ้าติดตามการเมืองมาโดยตลอดและมีโอกาสลงสมัครเล่นการเมืองท้องถิ่น เมื่อขึ้นเวทีแล้วต้องสู้ให้เต็มที่ ใจเต็มร้อย เปรียบเหมือนหมูไม่กลัวน้ำรอน ประกอบกับตนเป็นคนสุราษฎร์ธานีโดยกำเนิด และวิเคราะห์แล้วเห็นว่าประชาชนกำลังเบื่อหน่ายการเมือง เบื่อการเมืองแบบผูกขาดที่เป็นของตระกูลใดตระกูลหนึ่งและยากเห็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองท้องถิ่น
"ยอมรับว่าการชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้สิ่งสำคัญส่วนหนึ่งที่ผลักดัน และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่ขึ้นป้ายคัดเอ้าท์ขนาดใหญ่สนับสนุน เช่นที่ เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า พร้อมทั้งสมาชิกในจังหวัดทุกคนที่ช่วยเหลือการหาเสียง"
นายมนตรี กล่าวต่อว่า การลงสมัครเล่นการเมืองครั้งนี้ไม่มีพรรคการเมืองใดให้การสนับสนุนด้านเงินทอง ซึ่งตนพร้อมที่จะสาบานหาว่าหากได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองขอให้มีอันเป็นไป พร้อมทั้งขอขอบพระคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ตน ตนพร้อมทีมผู้บริหารจะทำงานอย่างโปร่งใส่สามารถตรวจสอบได้
**"สุเทพ" หัวเสียหลัง"ญาติ"พ่ายแพ้ยับ
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คนในตระกูล "เทือกสุบรรณ" แพ้การเลือกตั้งนายก อบจ.สุราษฎร์ธานีอย่างหมดรูปว่า มันไม่ใช่เรื่องของตระกูล เป็นเรื่องของผู้สมัครและพี่น้องประชาชน เป็นเรื่องปกติของการเลือกตั้ง คงไม่มีอะไรผิดแผก
ส่วนจะมีผลต่อการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 สุราษฎร์ธานี ที่กำลังจะมีขึ้นหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีผล "ขออธิบายก่อน เดี๋ยวเข้าใจผิดว่าผู้สมัครที่นามสกุลเทือกสุบรรณ ไม่ใช่ตัวแทนตระกูลที่ส่งลงสมัคร ไม่ใช่ตัวแทนพรรคที่ส่งลงสมัคร เขาสมัครของเขาเอง พวกผมไม่ได้ไปช่วยหาเสียง ไม่ประสงค์เข้าไปเกี่ยวข้อง ฉะนั้นผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ก็ไม่มีผลต่อการเลือกตั้งคราวอื่น"
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจว่าการเลือกตั้งซ่อมปชป. จะรักษาที่นั่งไว้ได้ นายสุเทพ กล่าวว่า มั่นใจครับ แต่นายกฯอบจ. มีญาติตนลงจริง แต่ไม่ได้ลงในนามพรรค ที่จริงตนห้ามไม่ให้เขาลง แต่เขาไม่ฟัง และตนก็ไม่ได้ไปช่วยเขาด้วย
**โฆษกเพื่อไทยเย้ย"สุเทพ"แพ้
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.สุราษฎร์ธานีว่า ที่นายดำรง เ ญาตินายสุเทพ เทือกสุบรรณ แพ้เป็นเพราะคนสุราษฎร์เบื่อหน่ายพรรคประชาธิปัตย์ที่แข่งกันเอง 2 กลุ่มระหว่างกลุ่มเทือกสุบรรณ กับกลุ่มนายบัญญัติ บรรทัดฐาน สุดท้ายก็ต้องแพ้ต่อตาอยู่ที่เป็นกลุ่มเลือดใหม่ ซึ่งเป็นฝ่ายร้องเรียนน้องชายนายสุเทพ จนเกิดการเลือกตั้งซ่อมขึ้น ซึ่งผลครั้งนี้ติดเชื้อเหมือนการเลือกตั้งนายก อบจ.ภูเก็ต ที่พรรคประชาธิปัตย์ แข่งกันเองจนแพ้นายไพบูลย์ อุปัติศฤษงศ์ นายก อบจ.คนปัจจุบันที่เป็นตาอยู่
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 สุราษฎร์ธานี พรรคพร้อมส่งลงสมัครโดยในวันนี้ (28 ก.ค.) พรรคจะคัดเลือกตัวแทนที่ส่งประกวดทั้งจากพื้นที่และคนเก่าของพรรคคือ นายสมพล วิชัยดิษฐ์ น้องชายนายยงยุทธ เชื่อว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้อาจเกิดปรากฏการณ์ใหม่ๆ ขึ้น เพราะวันนี้คนใต้ต้องการ change และอย่างน้อยคะแนนของพรรคจะได้มากกว่าเดิมแน่
