รายงาน
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่
กลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ยังคงเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ประกาศระดมกำลังจากแนวร่วมหลายจังหวัดมารวมตัวขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทันทีที่เดินทางมาจ.เชียงใหม่ ตามที่ประกาศล่วงหน้า
แม้ว่าก่อนนี้แกนนำอย่าง เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ประกาศเมื่อวันที่ 18 ก.ค.หลังเหตุจลาจลว่าจะระงับกิจกรรมการรวมตัวขับไล่นักการเมืองฝ่ายตรงกันข้ามก็ตาม
ปัญหาความสับสนในทิศทางของชาวเสื้อแดงเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นกลุ่มสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เคลื่อนไหวด้วยท่าทีรุนแรง แข็งกร้าวมาโดยตลอด ถูกแกนนำใหญ่ชาวเสื้อแดง จตุพร พรหมพันธุ์ รวมไปถึงแนวร่วมอย่าง จาตุรนต์ ฉายแสง ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย และสั่งห้ามการเคลื่อนไหวรุนแรงหลังเหตุการณ์มวลชนเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 บุกล้อมสภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ทุบทำลายรถสายตรวจ ขว้างปาก้อนหิน และประทัดยักษ์ใส่เจ้าหน้าที่ ตามมาด้วยการระดมไปปิดล้อมหอประชุมใหญ่ม.ช. เพื่อขับไล่ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระหว่างวันที่ 16-17 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดย จตุพร พรหมพันธุ์ ระบุว่าได้แจ้งห้ามการเคลื่อนไหวรุนแรง เพราะจะติดบ่วงที่ฝ่ายตรงกันข้ามขุดบ่อล่อปลาเอาไว้ ขณะที่จาตุรนต์ ฉายแสง ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการใช้ความรุนแรง
**แรงกดดันดังกล่าวมาจากแกนนำส่วนกลางที่มองว่า การเคลื่อนไหวแบบอันธพาลจะทำให้ภาพลักษณ์ของชวเสื้อแดงย่ำแย่ลง เป็นผลร้ายกับการเคลื่อนไหวในภาพรวม
ยังไม่เพียงเท่านั้น ยังมีแรงกดดันที่มาจากภายในพื้นที่เชียงใหม่โดยเฉพาะจากกลุ่มนักธุรกิจที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจซบ ภาพลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวเสียหาย ได้พยายามรวมตัวกันเพื่อจะขอให้กลุ่มเสื้อแดง ระงับการเคลื่อนไหวที่เป็นผลเสียกับเมืองเชียงใหม่
แหล่งข่าวนักธุรกิจผู้มีตำแหน่งในคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ (กกร.) เปิดเผยว่า นักธุรกิจกลุ่มหนึ่งได้พยายามประสานงานกับองค์กรธุรกิจทั้งหมดใน กกร.ได้แก่ สภาอุตสาหกรรม จ.เชียงใหม่ หอการค้าจังหวัด ชมรมธนาคาร สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ สมาคมไทยสปาเชียงใหม่ ชมรมผู้ประกอบการไนท์บาร์ซาร์ ชมรมผู้ส่งออกสินค้าหัตถกรรม (NOHMEX) และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ เพื่อจะจัดแถลงข่าวเรื่องผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและท่องเที่ยว ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของกลุ่มคนเสื้อแดง
**เพราะเห็นว่าการกระทำของคนเสื้อแดง เปรียบเสมือนการทุบหม้อข้าวตัวเอง
โดยเบื้องต้นจะมีประธานชมรมต่างๆ และมี สราวุฒิ แซ่เตี๋ยว นักธุรกิจหลายสาขารวมถึงเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์เชียงใหม่นิวส์จะเป็นแกนนำ ในหัวข้อ "ข้อร้องพี่น้องเสื้อแดง หยุดทุบหม้อข้าวคนเชียงใหม่" โดยมีการจัดประชุมเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมาไปแล้วรอบหนึ่ง
แท้จริงแล้วมีนักธุรกิจหลายคนที่มีความใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง รวมไปถึง สรวุฒิ แซ่เตี๋ยว ที่จะเป็นแกนแถลง ก็ถูกจัดให้เป็นผู้มีความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยที่แนบแน่นรายหนึ่ง ทว่าเหตุการณ์การระดมมวลชนโดยใช้ความรุนแรง ใช้วิธีการแบบอันธพาลขัดต่อแนวทางประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองเสียหาย กระทบกับเศรษฐกิจซึ่งมีภาคการท่องเที่ยวเป็นตัวจักรสำคัญ
**ผลกระทบดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2551 ที่ผ่านมา ทำให้ต้องตัดสินใจหารือเพื่อเคลื่อนไหวเรียกร้องกดดันต่อคนเสื้อแดง
ด้วยแรงกดดันจากทั้งภายนอกและภายในทำให้ เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล จึงได้ประกาศไปว่าจะระงับการเคลื่อนไหวในรูปแบบการประท้วงชั่วคราว โดยในช่วงนี้จะเน้นไปที่การให้ความรู้และแก้ปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม คำประกาศของแกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หาได้มีผลต่อการเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดง ให้เปลี่ยนแปลงแนวทางไปแม้แต่น้อย
ระหว่างวันที่ 18-19 ก.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้เป็นเจ้าภาพเชิญแกนนำกลุ่มเสื้อแดงจากทั่วประเทศทั้งภาคอีสาน และภาคใต้ มาร่วมประชุมหารือบทบาทของเสื้อแดง และได้จัดงาน “สัมมนาประชาธิปไตย” ขึ้นที่หน้าโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ มีผู้ร่วมงานประมาณ 400 คน
**ในงานได้ประกาศว่า หากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางมายังจ.เชียงใหม่ คนเสื้อแดงจากทุกพื้นที่จะระดมรวมตัวมายังเชียงใหม่ เพื่อขับไล่อย่างแน่นอน
ดังนั้นการประกาศตัวของ เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ที่จะระงับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงจึงสวนทางกับการโหมปั่นกระแสมวลชนผ่านสถานีวิทยุกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 คลื่น 92.5 MHz ที่ยังคงปลุกระดมเป็นปกติ โดยระหว่างวันที่ 19-20 ก.ค. ดีเจ.คลื่นวิทยุดังกล่าวประกาศว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ และการขว้างประทัดยักษ์ใกล้หอประชุมใหญ่ ม.ช. ไม่ใช่ฝีมือของคนเสื้อแดง
**แต่อ้างว่ามีการจัดฉากของคนเสื้อน้ำเงิน ปลอมตัวเป็นเสื้อแดงเพื่อโยนบาปให้ โดยยังยืนยันว่า จะเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เพราะคนเสื้อแดงไม่เคยก่อเหตุรุนแรงเลย
เป็นที่น่าสังเกตว่า ตั้งแต่เหตุการณ์จลาจลใหญ่วันสงกรานต์ ทำให้แกนนำคนเสื้อแดงเชียงใหม่หลายคนถูกตั้งข้อหาหนัก ทำให้เหล่าแกนนำเช่น เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ดีเจอ้อม-กัญญาภักดิ์ มณีจักร ดีเจ แหล่ ดีเจ ย.ยุ้ย ฯลฯ ไม่ออกมาเป็นแกนนำเคลื่อนไหวนอกสถานีวิทยุ เพราะจะขัดกับเหตุขอประกันตัวและอาจจะถูกเพิกถอนการขอประกันตัวที่ได้สัญญาไว้
** ทำให้ต้องส่งแกนนำรุ่นสอง ที่ไม่มีคดีติดตัวออกหน้าในการเคลื่อนไหวแทนโดยเฉพาะ ดีเจอ้วน-อภิชาต ดิษฐ์สอน ที่ออกมานำมวลชนนอกสถานที่แทนตลอด 2 เดือนมานี้
การประกาศตัวผ่านสื่อระงับการเคลื่อนไหวคนเสื้อแดงของเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล จึงไม่มีความหมายใด เพราะเหล่าแกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับนำการเคลื่อนไหวมวลชนมาโดยตลอด นับตั้งแต่เหตุจลาจลวันสงกรานต์เป็นต้นมา
ไม่ว่าจะเป็นการปิดล้อมคริสตจักรที่ 1 ในการเสวนาเรื่องประตูช้างเผือก หรือการไล่ล่านายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 อ้างว่าเป็นการเคลื่อนไหวของมวลชนคนเสื้อแดงที่คิดทำกันเอง
แนวทางการต่อสู้คนเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นับจากสงกรานต์ที่ผ่านมา จนกระทั่งมีการประกาศล่วงหน้าเตรียมตัวไปขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็คือการปฏิเสธว่า แกนนำไม่เกี่ยวข้อง - แกนนำไม่ได้ไปด้วย เป็นเรื่องของมวลชนทำกันเอง และยืนกรานปฎิเสธว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ก่อเหตุรุนแรง เพราะไปโดยปราศจากอาวุธตามที่กฎหมายให้สิทธิ
**ส่วนผู้ที่กระทำการรุนแรงล้วนแต่เป็นคนเสื้อแดงปลอม เป็นพวกประสงค์ร้าย ที่สวมรอยมาเพื่อโยนบาปให้คนเสื้อแดงเชียงใหม่ทั้งสิ้น
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่
กลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ยังคงเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ประกาศระดมกำลังจากแนวร่วมหลายจังหวัดมารวมตัวขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทันทีที่เดินทางมาจ.เชียงใหม่ ตามที่ประกาศล่วงหน้า
แม้ว่าก่อนนี้แกนนำอย่าง เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ประกาศเมื่อวันที่ 18 ก.ค.หลังเหตุจลาจลว่าจะระงับกิจกรรมการรวมตัวขับไล่นักการเมืองฝ่ายตรงกันข้ามก็ตาม
ปัญหาความสับสนในทิศทางของชาวเสื้อแดงเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นกลุ่มสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เคลื่อนไหวด้วยท่าทีรุนแรง แข็งกร้าวมาโดยตลอด ถูกแกนนำใหญ่ชาวเสื้อแดง จตุพร พรหมพันธุ์ รวมไปถึงแนวร่วมอย่าง จาตุรนต์ ฉายแสง ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย และสั่งห้ามการเคลื่อนไหวรุนแรงหลังเหตุการณ์มวลชนเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 บุกล้อมสภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ทุบทำลายรถสายตรวจ ขว้างปาก้อนหิน และประทัดยักษ์ใส่เจ้าหน้าที่ ตามมาด้วยการระดมไปปิดล้อมหอประชุมใหญ่ม.ช. เพื่อขับไล่ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระหว่างวันที่ 16-17 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดย จตุพร พรหมพันธุ์ ระบุว่าได้แจ้งห้ามการเคลื่อนไหวรุนแรง เพราะจะติดบ่วงที่ฝ่ายตรงกันข้ามขุดบ่อล่อปลาเอาไว้ ขณะที่จาตุรนต์ ฉายแสง ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการใช้ความรุนแรง
**แรงกดดันดังกล่าวมาจากแกนนำส่วนกลางที่มองว่า การเคลื่อนไหวแบบอันธพาลจะทำให้ภาพลักษณ์ของชวเสื้อแดงย่ำแย่ลง เป็นผลร้ายกับการเคลื่อนไหวในภาพรวม
ยังไม่เพียงเท่านั้น ยังมีแรงกดดันที่มาจากภายในพื้นที่เชียงใหม่โดยเฉพาะจากกลุ่มนักธุรกิจที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจซบ ภาพลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวเสียหาย ได้พยายามรวมตัวกันเพื่อจะขอให้กลุ่มเสื้อแดง ระงับการเคลื่อนไหวที่เป็นผลเสียกับเมืองเชียงใหม่
แหล่งข่าวนักธุรกิจผู้มีตำแหน่งในคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ (กกร.) เปิดเผยว่า นักธุรกิจกลุ่มหนึ่งได้พยายามประสานงานกับองค์กรธุรกิจทั้งหมดใน กกร.ได้แก่ สภาอุตสาหกรรม จ.เชียงใหม่ หอการค้าจังหวัด ชมรมธนาคาร สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ สมาคมไทยสปาเชียงใหม่ ชมรมผู้ประกอบการไนท์บาร์ซาร์ ชมรมผู้ส่งออกสินค้าหัตถกรรม (NOHMEX) และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ เพื่อจะจัดแถลงข่าวเรื่องผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและท่องเที่ยว ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของกลุ่มคนเสื้อแดง
**เพราะเห็นว่าการกระทำของคนเสื้อแดง เปรียบเสมือนการทุบหม้อข้าวตัวเอง
โดยเบื้องต้นจะมีประธานชมรมต่างๆ และมี สราวุฒิ แซ่เตี๋ยว นักธุรกิจหลายสาขารวมถึงเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์เชียงใหม่นิวส์จะเป็นแกนนำ ในหัวข้อ "ข้อร้องพี่น้องเสื้อแดง หยุดทุบหม้อข้าวคนเชียงใหม่" โดยมีการจัดประชุมเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมาไปแล้วรอบหนึ่ง
แท้จริงแล้วมีนักธุรกิจหลายคนที่มีความใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง รวมไปถึง สรวุฒิ แซ่เตี๋ยว ที่จะเป็นแกนแถลง ก็ถูกจัดให้เป็นผู้มีความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยที่แนบแน่นรายหนึ่ง ทว่าเหตุการณ์การระดมมวลชนโดยใช้ความรุนแรง ใช้วิธีการแบบอันธพาลขัดต่อแนวทางประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองเสียหาย กระทบกับเศรษฐกิจซึ่งมีภาคการท่องเที่ยวเป็นตัวจักรสำคัญ
**ผลกระทบดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2551 ที่ผ่านมา ทำให้ต้องตัดสินใจหารือเพื่อเคลื่อนไหวเรียกร้องกดดันต่อคนเสื้อแดง
ด้วยแรงกดดันจากทั้งภายนอกและภายในทำให้ เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล จึงได้ประกาศไปว่าจะระงับการเคลื่อนไหวในรูปแบบการประท้วงชั่วคราว โดยในช่วงนี้จะเน้นไปที่การให้ความรู้และแก้ปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม คำประกาศของแกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หาได้มีผลต่อการเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดง ให้เปลี่ยนแปลงแนวทางไปแม้แต่น้อย
ระหว่างวันที่ 18-19 ก.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้เป็นเจ้าภาพเชิญแกนนำกลุ่มเสื้อแดงจากทั่วประเทศทั้งภาคอีสาน และภาคใต้ มาร่วมประชุมหารือบทบาทของเสื้อแดง และได้จัดงาน “สัมมนาประชาธิปไตย” ขึ้นที่หน้าโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ มีผู้ร่วมงานประมาณ 400 คน
**ในงานได้ประกาศว่า หากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางมายังจ.เชียงใหม่ คนเสื้อแดงจากทุกพื้นที่จะระดมรวมตัวมายังเชียงใหม่ เพื่อขับไล่อย่างแน่นอน
ดังนั้นการประกาศตัวของ เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ที่จะระงับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงจึงสวนทางกับการโหมปั่นกระแสมวลชนผ่านสถานีวิทยุกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 คลื่น 92.5 MHz ที่ยังคงปลุกระดมเป็นปกติ โดยระหว่างวันที่ 19-20 ก.ค. ดีเจ.คลื่นวิทยุดังกล่าวประกาศว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ และการขว้างประทัดยักษ์ใกล้หอประชุมใหญ่ ม.ช. ไม่ใช่ฝีมือของคนเสื้อแดง
**แต่อ้างว่ามีการจัดฉากของคนเสื้อน้ำเงิน ปลอมตัวเป็นเสื้อแดงเพื่อโยนบาปให้ โดยยังยืนยันว่า จะเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เพราะคนเสื้อแดงไม่เคยก่อเหตุรุนแรงเลย
เป็นที่น่าสังเกตว่า ตั้งแต่เหตุการณ์จลาจลใหญ่วันสงกรานต์ ทำให้แกนนำคนเสื้อแดงเชียงใหม่หลายคนถูกตั้งข้อหาหนัก ทำให้เหล่าแกนนำเช่น เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ดีเจอ้อม-กัญญาภักดิ์ มณีจักร ดีเจ แหล่ ดีเจ ย.ยุ้ย ฯลฯ ไม่ออกมาเป็นแกนนำเคลื่อนไหวนอกสถานีวิทยุ เพราะจะขัดกับเหตุขอประกันตัวและอาจจะถูกเพิกถอนการขอประกันตัวที่ได้สัญญาไว้
** ทำให้ต้องส่งแกนนำรุ่นสอง ที่ไม่มีคดีติดตัวออกหน้าในการเคลื่อนไหวแทนโดยเฉพาะ ดีเจอ้วน-อภิชาต ดิษฐ์สอน ที่ออกมานำมวลชนนอกสถานที่แทนตลอด 2 เดือนมานี้
การประกาศตัวผ่านสื่อระงับการเคลื่อนไหวคนเสื้อแดงของเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล จึงไม่มีความหมายใด เพราะเหล่าแกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับนำการเคลื่อนไหวมวลชนมาโดยตลอด นับตั้งแต่เหตุจลาจลวันสงกรานต์เป็นต้นมา
ไม่ว่าจะเป็นการปิดล้อมคริสตจักรที่ 1 ในการเสวนาเรื่องประตูช้างเผือก หรือการไล่ล่านายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 อ้างว่าเป็นการเคลื่อนไหวของมวลชนคนเสื้อแดงที่คิดทำกันเอง
แนวทางการต่อสู้คนเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นับจากสงกรานต์ที่ผ่านมา จนกระทั่งมีการประกาศล่วงหน้าเตรียมตัวไปขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็คือการปฏิเสธว่า แกนนำไม่เกี่ยวข้อง - แกนนำไม่ได้ไปด้วย เป็นเรื่องของมวลชนทำกันเอง และยืนกรานปฎิเสธว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ก่อเหตุรุนแรง เพราะไปโดยปราศจากอาวุธตามที่กฎหมายให้สิทธิ
**ส่วนผู้ที่กระทำการรุนแรงล้วนแต่เป็นคนเสื้อแดงปลอม เป็นพวกประสงค์ร้าย ที่สวมรอยมาเพื่อโยนบาปให้คนเสื้อแดงเชียงใหม่ทั้งสิ้น
