เดลิเมล์ – ผลการทดลองยืนยันกลิ่นของความกลัวมีจริง และสามารถรับรู้ได้จากสารเคมีที่ระเหยออกมาตามผิวหนัง
การศึกษาของนักวิจัยเมืองเบียร์แสดงให้เห็นว่า เราสามารถตรวจพบโดยไม่รู้ตัวเมื่อคนอื่นกลัวจากสารเคมีที่ปล่อยออกมาจากผิวหนังของคนๆ นั้น
นักวิจัยที่ค้นพบเรื่องนี้เชื่อว่า สัญญาณหลายอย่างสามารถแพร่กระจายความกลัวไปทั่วกลุ่มคนที่อยู่ร่วมกัน
การค้นพบนี้ยังตอกย้ำหลักฐานที่ว่า การรับรู้กลิ่นของคนเรามีความซับซ้อนกว่าที่หลายคนรู้ และมนุษย์สามารถตรวจจับและมีปฏิกิริยาต่อฟีโรโมนของคนอื่นได้
ดร.เบตทินา พอส และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดุสเซลดอร์ฟในเยอรมนี ขอให้อาสาสมัครซึ่งเป็นนักศึกษา 49 คน ติดสำลีที่สามารถดูดซับกลิ่นไว้ใต้วงแขนนานหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะเริ่มการสอบปากเปล่า
ทีมนักวิจัยยังเก็บตัวอย่างเหงื่อจากอาสาสมัครกลุ่มเดียวกันขณะขี่จักรยาน จากนั้น อาสาสมัครที่เป็นนักศึกษาเช่นเดียวกันอีก 28 คนได้รับโจทย์ให้ดมสำลีที่ได้มาจากอาสาสมัครกลุ่มแรก โดยที่ถูกสแกนสมองด้วยเครื่องเอ็มอาร์ไอไปพร้อมกัน
อาสาสมัครกลุ่มหลังไม่สามารถจำแนกความแตกต่างของ ‘เหงื่อจากความแตกตื่น’ กับ ‘เหงื่อจากการออกกำลังกาย’ ได้ แต่การสแกนสมองบอกเล่าเรื่องราวที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
รายงานที่อยู่ในวารสารพลอส วันระบุว่า เมื่ออาสาสมัครกลุ่มที่สองดมกลิ่น ‘เหงื่อจากความแตกตื่น’ สมองส่วนที่รับผิดชอบในเรื่องของอารมณ์และสัญญาณทางสังคมจะทำงานหนักขึ้น เช่นเดียวกับสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเห็นอกเห็นใจ
นักวิจัยเชื่อว่าความกลัวและความกังวลของคนๆ หนึ่งทำให้ร่างกายปล่อยสารเคมีที่ส่งผลให้คนอื่นเกิดความรู้สึกเห็นใจ
อนึ่ง ปีที่แล้ว กลุ่มนักวิจัยที่ได้ทุนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ค้นพบกลิ่นของความกังวลที่กระตุ้นการตอบสนองของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความกลัว
นักวิจัยจำนวนมากกล่าวว่า เหงื่อเป็นหนึ่งในสัญญาณที่คนส่วนใหญ่รับรู้และเข้าใจได้มากที่สุด และมีบทบาทสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน
การศึกษาซ้ำแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงมักชอบกลิ่นของผู้ชายที่มีประเภทของระบบภูมิคุ้มกันที่จะทำให้ลูกมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงที่สุด
ขณะที่การศึกษาอีกหลายฉบับชี้ว่า คนเรามักมองหาคนที่มีกลิ่นต่างออกไป เพราะอาจต้องการหลีกเลี่ยงการเริ่มครอบครัวกับญาติสนิท
การศึกษาของนักวิจัยเมืองเบียร์แสดงให้เห็นว่า เราสามารถตรวจพบโดยไม่รู้ตัวเมื่อคนอื่นกลัวจากสารเคมีที่ปล่อยออกมาจากผิวหนังของคนๆ นั้น
นักวิจัยที่ค้นพบเรื่องนี้เชื่อว่า สัญญาณหลายอย่างสามารถแพร่กระจายความกลัวไปทั่วกลุ่มคนที่อยู่ร่วมกัน
การค้นพบนี้ยังตอกย้ำหลักฐานที่ว่า การรับรู้กลิ่นของคนเรามีความซับซ้อนกว่าที่หลายคนรู้ และมนุษย์สามารถตรวจจับและมีปฏิกิริยาต่อฟีโรโมนของคนอื่นได้
ดร.เบตทินา พอส และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดุสเซลดอร์ฟในเยอรมนี ขอให้อาสาสมัครซึ่งเป็นนักศึกษา 49 คน ติดสำลีที่สามารถดูดซับกลิ่นไว้ใต้วงแขนนานหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะเริ่มการสอบปากเปล่า
ทีมนักวิจัยยังเก็บตัวอย่างเหงื่อจากอาสาสมัครกลุ่มเดียวกันขณะขี่จักรยาน จากนั้น อาสาสมัครที่เป็นนักศึกษาเช่นเดียวกันอีก 28 คนได้รับโจทย์ให้ดมสำลีที่ได้มาจากอาสาสมัครกลุ่มแรก โดยที่ถูกสแกนสมองด้วยเครื่องเอ็มอาร์ไอไปพร้อมกัน
อาสาสมัครกลุ่มหลังไม่สามารถจำแนกความแตกต่างของ ‘เหงื่อจากความแตกตื่น’ กับ ‘เหงื่อจากการออกกำลังกาย’ ได้ แต่การสแกนสมองบอกเล่าเรื่องราวที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
รายงานที่อยู่ในวารสารพลอส วันระบุว่า เมื่ออาสาสมัครกลุ่มที่สองดมกลิ่น ‘เหงื่อจากความแตกตื่น’ สมองส่วนที่รับผิดชอบในเรื่องของอารมณ์และสัญญาณทางสังคมจะทำงานหนักขึ้น เช่นเดียวกับสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเห็นอกเห็นใจ
นักวิจัยเชื่อว่าความกลัวและความกังวลของคนๆ หนึ่งทำให้ร่างกายปล่อยสารเคมีที่ส่งผลให้คนอื่นเกิดความรู้สึกเห็นใจ
อนึ่ง ปีที่แล้ว กลุ่มนักวิจัยที่ได้ทุนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ค้นพบกลิ่นของความกังวลที่กระตุ้นการตอบสนองของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความกลัว
นักวิจัยจำนวนมากกล่าวว่า เหงื่อเป็นหนึ่งในสัญญาณที่คนส่วนใหญ่รับรู้และเข้าใจได้มากที่สุด และมีบทบาทสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน
การศึกษาซ้ำแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงมักชอบกลิ่นของผู้ชายที่มีประเภทของระบบภูมิคุ้มกันที่จะทำให้ลูกมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงที่สุด
ขณะที่การศึกษาอีกหลายฉบับชี้ว่า คนเรามักมองหาคนที่มีกลิ่นต่างออกไป เพราะอาจต้องการหลีกเลี่ยงการเริ่มครอบครัวกับญาติสนิท