xs
xsm
sm
md
lg

“กษิต” ซัด “แม้ว” รกแผ่นดิน ท้าชนผ่านสื่อต่างประเทศที่ไหนก็ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกษิต ภิรมย์
รมว.ต่างประเทศ เปิดแถลงข่าวโต้ “นช.แม้ว” ท้าชนผ่านสื่อชี้แจงกันตัวต่อตัว เวทีไหนก็ได้ ยอมรับได้รับเงินจริงแต่ใช้ช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน เหน็บให้แล้วอยากจะเอาคืนหรือไม่ พร้อมอัดอยากคืนพาสปอร์ตก็พร้อมไปรับ บอกสถานที่ได้เลย เย้ยจะถอนสัญชาติไทยด้วยก็ได้ ซัดรกแผ่นดิน ยันหุ้นภรรยาไม่มีปัญหาให้ ป.ป.ช.ดูเรื่องข้อกฎหมายแล้ว เตรียมออกเอกสารชี้แจง



 
 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายกษิต ภิรมย์  แถลงข่าว

เมื่อเวลาประมาณ 16.10 น.วันที่ 31 มี.ค. นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวที่กระทรวงการต่างประเทศ ตอบโต้กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างหนีโทษจำคุก ปราศรัยปลุกระดมคนเสื้อแดงที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ผ่านระบบวิดีโอลิงก์เมื่อคืนที่ผ่านมา กล่าวหาว่านายกษิตเคยรับเงินจากตนและไม่พอใจเรื่องการเลื่อนตำแหน่งจึงออกมาต่อต้าน พร้อมกับท้าให้นายกษิตตามไปเอาพาสปอร์ตสีน้ำตาลคืน

นายกษิต กล่าวถึงการแถลงครั้งนี้ว่า คราวนี้ท่านลงมาเล่นเองแล้ว ก็ด้วยความยินดี ขอฝาก พ.ต.ท.ทักษิณว่าไอ้ลิ่วล้อทั้งหลาย อย่าให้มาเกะกะหน้าตาผมได้ไหมครับ เอาออกไปห่างๆ พ่ายแพ้ในสภาหมดแล้ว ก็ออกมาตอแยผมนอกสภา จะเอายังไงแน่ จะเล่นกันบนท้องถนนหรือรัฐสภา เล่น 2 อย่างไม่ได้ เลือกเอาสักอัน ถ้าเกิดจะเล่นกันแล้วก็ขอท้าโต้วาทีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ให้พ.ต.ท.ทักษิณ เลือกเวทีด้วย ไหนว่าพูดภาษาอังกฤษเก่งนัก เอาบีบีซีไหมครับ ซีเอ็นเอ็นไหม อัลจาซีร่าไหม แล้วก็เลือกเวทีด้วย จะเอาที่สันป่าตองก็ได้นะครับ ที่เชียงใหม่ก็ได้ ที่ฮ่องกงก็ได้ ดูไบที่ไหนพ.ต.ท.ทักษิณ โอ้อวดว่ามีเพื่อนเยอะแยะในต่างประเทศ เวทีไหนก็ได้ หรือสเตเดี่ยมของแมนเชสเตอร์ซิตี้ก็ได้ ทุกเมื่อ พร้อมเสมอ ส่วนตัวผมมีเพื่อนๆ เยอะแยะ ยาวเป็นเป็นแถวตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์ และเวทีพันธมิตร เลือกเอาเลย ได้เลยครับว่าเขาจะสู้กับท่านหรือไม่ อย่ามาทำอวดเก่งคนเดียว พูดคนเดียว ฟังคนเดียว และโอ้อวดโกหกพกลม ไม่เอาความจริงมาพูด พูดกันด้วยสาระเนื้อหา อุดมการณ์ อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริง นี่เป็นข้อที่ 1

ข้อที่ 2 ผมมาเป็นรัฐมนตรี 3 เดือน และออกต่างจังหวัด เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ออกต่างจังหวัด ในฐานะผู้ตรวจราชการ ในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม ความมีเมตตา ความโอบอ้อมอารี ของผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งคือให้สตางค์เด็กๆ ก็ทำมาโดยตลอด โดยเฉพาะกระทรวงต่างประเทศ เป็นประเพณีมาตลอด ทุกยุคทุกสมัย หากรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปต่างประเทศนั้น จะมอบเงินส่วนหนึ่งให้เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย พนักงานท้องถิ่น หรือฝากไปทำบุญอะไรต่างๆ เหล่านี้

“คุณทักษิณ ให้สตางค์ผมหลายประเทศ ไม่เคยขอ และให้เอง เหมือนกับ ณ วันนี้ ทุกเช้า หรือวันพระ เราไปตักบาตร เอาของใส่บาตรให้พระภิกษุสงฆ์ ณ วันนี้ คุณทักษิณกำลังล้วงออกจากบาตร ถามว่าคุณทักษิณ เป็นมนุษย์หรือเป็นเปรต ในเมื่อทำบุญไปแล้ว ให้สตางค์ผมมา แต่ผมไม่ได้รับใช้ส่วนตัว แม้แต่สตางค์แดงเดียว เมื่อ 4 ปี ผมขึ้นเวทีพันธมิตรฯ มาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ผมไม่ลืมตรงนี้ เพราะผมจะกลายเป็นลูกทาสของคุณพ่อทักษิณ ผมจะไม่มีความสง่างาม หากตกอยู่ในอำนาจของทักษิณ ฉะนั้นคุณทักษิณ ขอความกรุณาอย่าบิดเบือนข้อเท็จจริง สตางค์ทุกบาท ผมเรียนคุณทักษิณ ทราบว่าเอาไปทำอะไร ยกตัวอย่างที่อินโดนีเซีย พนักงานท้องถิ่นเงินเดือนพันกว่าบาท เมื่อให้มาผมก็แจกทั่ว ชาวประมงไทยถูกจับก็มานอนที่สถานทูต ก็เงินคุณทักษิณทั้งนั้น ศาสนาพุทธเริ่มที่จะกลับมาที่อินโดนีเซีย ก็เงินคุณทักษิณ ที่ไปทำบุญก็เงินคุณทักษิณ จะเอาเงินเหล่านี้คืนหรือครับ และมีเจ้าหน้าที่ท้องที่ 2 คนที่สถานทูตอินโดนีเซียตายไปแล้ว คุณทักษิณ จะตายไปนรกหรือสวรรค์หรือครับ แต่ผมคิดว่าถ้าไปสวรรค์คุณทักษิณ คงไปไม่ถึง คงไปอีกทางหนึ่ง จะไปทวงคืนเขาเหรอครับ และวันนั้นคุณทักษิณ เป็นผู้ใหญ่ในสังคมไทย มีเมตตาธรรม ความโอบอ้อมอารี และวันนี้จะมาทวงหนี้จากบุคคลเหล่านั้น

หรืออย่างที่เยอรมันผมริเริ่มทำโครงการกงสุลสัญจรกับผู้หญิงไทยที่เป็นผู้หญิงหากิน จะเริ่มใหม่ที่เยอรมันก็ไปวัดวาอาราม เราก็เอาคนไปอบรมเขาในเรื่องการทำวิปัสสนา หรืออยากทำบุญก็ใช้เงินพ.ต.ท.ทักษิณ เล็กน้อยไมกี่ตังก์ ไม่ทราบว่าจะทวงคืนหรือไม่ 1 ล้านบาท เอาหรือไม่มาล้วงจากปากไปเลย มนุษย์อะไรช่วยเหลือเขาไปแล้ว แต่อยากทวงคืน ก็ไปบอกชาวบ้านว่าขอทวงคืน ไม่ไหวแล้วผู้ใหญ่ที่เคยเป็นถึงข้าราชการของกระทรวงต่างประเทศ และก็อีกครั้งตอนที่มีพายุในรัฐหลุยซ์เซนนามีคนไทยที่ได้รับผลกระทบ ก็ขอให้พ.ต.ท.ทักษิณช่วย ก็มอบเงินผ่านนายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุริเดช มาให้ 2 หมื่นเหรียญ ทุกบาททุกสตางค์ก็ไปช่วยเหลือ จะทวงคืนหรือไม่ หรือคิดว่าผมยักหยอก อย่ามาทวงคืนกันเลยเรื่องแบบนี้มันบาปกรรม ช่วยเหลือเขาไปแล้ว และอย่ามาบิดเบือนข้อเท็จจริง นั้นคืออยากชี้แจงผมเป็นแค่ทางผ่าน ไม่เคยได้รับเงิน มีพอกินพอใช้ตามสภาพของผม

ส่วนประเด็นที่ 3 เรื่องหนังสือเดินทาง เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณบอกจะส่งคืน ก็ยินดีไปรับ ก็บอกสถานที่มา อย่าทำตัวเป็นตุ๊ดตู่ในกระบอกไม้ซ่อนอยู่ที่ไหนในโลกนี้ก็พร้อมจะบินไปหา หรือไม่ก็ส่งคืนมาได้ถ้าไม่ใช้แล้วเมื่อมีพาสปอร์ตของประเทศอื่นแล้วก็ดี หรือจะสละสัญชาติไทยแล้วก็ยิ่งดี เพราะมันรกแผ่นดินที่จะมีคนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในแผ่นดิน ไม่ใช้แล้วก็ส่งมา ทำจริงพูดจริงก็ขอให้ส่งกลับมา หรือไม่มีเงินแล้วผมก็ยินดีออกเงินค่าพาสปอร์ต หากจะให้ไปรับก็บอกมาว่าที่ไหน ยินดีไปทุกเมื่อ และจะได้หิ้วไวน์ไปด้วยสัก 2 ขวด เพื่อดื่มไวน์ด้วยกันในฐานะเพื่อนเก่าที่เคยวาดหวังอนาคตมาด้วยกัน

สำหรับเรื่องตำแหน่งที่มาบอกว่าผมอย่างนั้นอย่างนี้ ขอบอกว่าเราแชร์อุดมการณ์มาตั้งแต่ปี 1994 ผมเป็นทูตอยู่ที่อินโดนีเซีย ท่านเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ และท่านมาเยือนอินโดนีเซียเป็นประเทศแรก ผมถูกคอ ผมก็หลงรักพ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนคนอื่น ๆ ว่าเป็นคนสมัยใหม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ แต่ไม่เคยรู้ตื้นลึกหนาบางของเขา เมื่อมาเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงต่างประเทศและอยากทำงานการเมือง ผมก็ชื่นชมยินดีก็ชวนผมลงเขต 2 พรรคพลังธรรม กทม. และตอนหลังก็มาชวนลงผู้ว่ากทม. แต่เมื่อพล.ต.จำลอง ศรีเมือง กลับมาที่พรรคพลังธรรมก็เปลี่ยน นี่คือที่มาที่ไป แต่ก็ช่วยงานก็เคยแนะนำนโยบายให้พรรคพลังธรรม ลางานมา 2 อาทิตย์ มาที่ตึกชินวัตรเพราะคิดว่าจะร่วมกันสร้างประเทศไทยให้เป็นเลิศ หลังจากนั้นก็ติดต่อกันเรื่อยมา เมื่อผมเป็นทูตที่เยอรมันท่านไปหาหลายครั้งทุกครั้งที่ติดต่อเรื่องโทรศัพท์กับบริษัทซีเมนส์ก็มาหาก็คุยกันว่าจะทำให้ประเทศไทยเป็นเลิศ จนกระทั่งกลางปี 43 ก่อนเลือกตั้ง 5-6 เดือน ก็โทรมาหาผมว่าไปหากันหน่อยที่เมืองดุสเซลดอร์ฟ เมืองโคโลญน์ว่าจะพานายพานทองแท้ ชินวัตร มาร่วมงานโฟโต้เอ็กซิบิชั่น และก็เคยพูดบนเวทีพันธมิตรฯว่าภรรยาก็ใจหายว่าพ.ต.ท.ทักษิณก็คงจะเชิญมาร่วมงานแน่ และก็จริงว่าจะแชร์อุดมการณ์ว่าต้องทำให้เราเป็นเลิศแข่งกับเกาหลีใต้ และคาดหวังจะทำสำนักนายกรัฐมนตรีให้เป็นแบบไวท์เฮาส์ เพราะทุกอย่างในยุคโลกาภิวัตน์มันวิ่งเข้ามาที่ตัวนายรัฐมนตรี ดังนั้นต้องเคลื่อนไหวให้เร็วเพื่อให้สู้เขาให้ได้ ต้องมีเทคโนโลยีในการบริหารราชการ มีห้องที่เรียกว่า ชิมูเลชันรูม เมื่อมีเหตุการณ์อะไรในประเทศไทย ฝนตกน้ำท่วม ต้องเห็นบนจอสั่งการได้ทันที นั่นคือ การขายอุดมการณ์ความฝัน ภายใต้ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็คุยกันอยู่ และพ.ต.ท.ทักษิณก็บอกว่าถ้าเข้ามาเป็นรัฐบาลขอให้มาช่วยงานที่ทำเนียบ ผมก็ยุติหน้าที่ทูตและมาเป็นเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง แต่ช่วยราชการที่สำนักเลขาธิการนายกฯ ก็นั่งอยู่ก็ทำงานกัน และได้มอบหมายให้ทำงานหลายเรื่อง เช่น เรื่องเพชรซาอุดิอาระเบีย ก็ลงพื้นที่ภาคใต้และทำบันทึกขึ้นมาเสนอให้ปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องโยกย้ายตำรวจ พ.ต.ท.ทักษิณก็บอกว่าทำไม่ได้ เพราะเป็นบ้านของเขา และตอนนี้สังคมไทยเป็นอย่างไร ฉะนั้นอย่ามาบอกอย่างนั้นอย่างนี้ สิ่งที่เสนอไปคืออนาคตของบ้านเมือง ไม่ใช่อ่านไม่รู้เรื่อง แต่ไม่อยากฟังสิ่งที่เสนอไป

หลังจากนั้น เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ล้างมือในทางการเมืองไป ดร.สมคิด จาตุรศรีพิทักษ์ ก็มาชวนให้มาช่วยงาน และผมคงไปขึ้นเวทีพันธมิตรมากไป ภายหลังก็เลยขอถอนตัวออกมา โดยให้เหตุผลว่าเพราะชนกับนายเก่าเต็มที่แล้ว ซึ่งไม่มีอะไรที่ไม่ชอบพ.ต.ท.ทักษิณเป็นการส่วนตัว แต่เป็นเรื่องที่คุยกันไว้ในทุกที่ มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำอย่างที่พูดกันไว้ ส่วนมุมมองของเขาก็เห็นว่าผมเป็นศัตรูกับเขา ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องว่าไม่ถูกกันเพราะมาแย่งผู้หญิงคนเดียวกัน แต่เป็นเรื่องของอุดมการณ์ที่ไม่ตรงกันที่เห็นว่าระบอบทักษิณ ไม่มีธรรมาภิบาลก็เท่านั้นเอง และที่สู้กันมาก็ไม่สู้ในทางลับ สู้กันบนถนน ในเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่รักกันมา แต่ก็มาแตกกันเพราะการบริหารบ้านเมืองมันเป็นอื่น ซึ่งในวันหนึ่งก็ยังสามารถมานั่งคุยกันได้ตลอดเวลา เพราะไม่เคยที่จะบอกว่าไม่ชอบเป็นการส่วนตัว

วันนี้ก็ไม่มีไพ่อะไรจะเล่นแล้ว นอกจากจะพยายามขุดคุ้ยทำตัวเป็นหนอนอยู่ในโคลนตมในสิ่งที่มันเน่าเฟะ ว่ามันมีอะไรในกอไผ่ที่จะกระทืบผมจนดินได้ หมดปัญญาแล้วหรือ ไม่นักเลงพอแล้วหรือ ถึงให้ขุดคุ้ยและให้ลิ่วล้อทั้งหญิงทั้งชายขุดคุ้ยดูสิว่าเป็นอย่างไร เปียโนผมอยู่ไหนก็อยู่ที่บ้าน ผมซื้อมาแบบมือสองหนักกบาลใครหรือเปล่า และถ้าอยากจะเรียนก็พร้อมจะสอนด้วย ราคาไม่กี่สตางค์ หากมันไม่ได้กรอกแสดงในทรัพย์สินก็พร้อมที่จะถูกลงโทษ แต่ไม่มีอะไรที่จะต้องปกปิด ผมอยู่ทาวน์เฮาส์นักข่าวก็เห็นสภาพ ไม่ได้เป็นอีแอบซ่อนความร่ำรวย ไม่มีประวัติไม่มีในแบบนี้ และเลิกทำตัวเป็นหนอนได้แล้ว อยากจะรู้อะไรก็มาถามผมได้ ผมชี้แจงได้ ไม่อย่างนั้นไม่ขึ้นมายืนตรงนี้ ไม่มาเป็นรัฐมนตรี และคงมาสู้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในที่แจ้ง และขอท้าพ.ต.ท.ทักษิณที่ไหนก็ได้ทุกเวที เอากันไหม และมาข่มขู่ประชาชนว่ามีกองกำลังทหาร ตำรวจ มีทหารเสื้อแดง ผมมีมากกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะรบที่ไหนวิธีใดก็ได้ แต่ผมไม่เคยวิงวอนให้พี่น้องออกมาแสดงพลังสู้ แล้วออกมาฟัดคนของคุณ หรือจะเอาตรงเกาะกง เกาะกูด ก็ได้ อย่าคิดว่าผมเองเป็นตท.10 แล้วมีเงิน จะบงการสังคมได้ และจะเอากองกำลังกุ้ย พวกไม่รักชาติ รักสถาบันทั้งหลาย จะใช้คนพวกนั้น ก็จะข่มขู่ผมได้ จะเอาทุกรูปแบบได้ทั้งนั้น และขอท้าด้วย แต่ผมรู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนขี้ขลาด พูดเก่งอย่างเดียวคือผ่านไมโครโฟน หนีสภา หนีการโต้วาที หนีศาล และมาด่าผมว่าเป็นผู้ก่อการร้ายสากล พ.ต.ท.ทักษิณไปจบโรงเรียนายตำรวจ จบเมืองนอกได้อย่างไร แยกแยะอะไรไม่ถูกว่าผู้ก่อการร้ายสากลกับการพูดบนเวที เพื่อแสดงความคิดเห็นและอุดมการณ์สิ่งที่ไม่ดีในแวดวงการเมืองไทย อย่ามาสาดโคลน ใส่ร้าย เหมือนเด็กเมื่อวานซืนว่าไม่รู้จะทำอย่างไรก็ให้อีกฝ่ายโกรธ และหันเหสิ่งที่ถูกต้องไม่ให้มันถูกต้องมันไม่ใช่วิสัยของคนที่สง่างาม ไม่ใช่วิสัยของนักเรียนทุน ไม่ใช่วิสัยคนที่จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และเมื่อสาดโคลนผมแล้วก็พยายามหาเรื่องฟ้องร้องคดีผมว่าไปกล่าวหาว่าอยากเป็นประธานาธิบดี ก็รู้อยู่แก่ใจว่าอยากเป็นอะไร หมดท่าแล้วก็วิ่งไปหาศาล ก็จำกันได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณเคยบอกว่ากระบวนการยุติธรรมไม่มี หนีศาลหนีคุกหนีตารางอยู่ แต่ก็พยายามจะจ้างทนายฟ้องร้องกับคู่ต่อสู้กับนักการเมือง ก็แสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณเคารพแล้วซึ่งกระบวนการยุติธรรม เมื่อฟ้องคนอื่นได้ทำไมตัวเองไม่เข้าสู่แวดวงคุก ตาราง เป็นนายตำรวจ เป็นนายกฯ มาแต่หนีคุก และพยายามบ่อนทำลายประเทศไทย ดีแล้วที่จะคืนพาสปอร์ตให้ ช่วยส่งบัตรประจำตัวให้ด้วย อยากไปเป็นพลเมืองของประเทศไหนก็เชิญ อย่ามาตอแยกับประเทศไทย สังคมต้องการเดินหน้า ไม่ต้องการเผด็จการรัฐสภา ไม่ต้องการคนที่มาจากการเลือกตั้งแต่ทำตัวเป็นฮิตเลอร์ และเมื่อผมพูดแบบนี้ก็ฟ้องผมอีก เพราะถือเป็นไพ่ใบเดียวที่เหลืออยู่คือกระบวนการยุติธรรม แต่ก่อนที่จะฟ้องผมก็กลับมาเข้าคุกก่อน แล้วมาเริ่มกันตรงนี้ อย่าทำตัวเป็นมนุษย์ขี้ขลาด ผมไม่อยากใช้คำว่า “หน้าตัวเมีย” แต่ในที่สุดก็ต้องใช้คำนี้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่กล้าที่จะกลับมาเผชิญกับความเป็นจริง และก็อย่าใช้ลิ่วล้อมาพาดกับผม ให้มาพาดกับผมตัวต่อตัวในทุกเวที ทุกรูปแบบ พร้อมเสมอ ผมไม่เคยติดอาวุธ เพราะไม่มีเงิน ไม่เคยเป็นตำรวจหรือทหาร มีตัวแค่นี้ แต่อย่ามาหยามกัน อย่าเล่นสกปรกกันอีกเลย และที่เคยพูดในสภา ผมสู้ไม่ถอยจนชีวิตจะหาไม่ หากจะเอาคุณลงให้ได้ เอาแน่นอน ซึ่งก็ขอโทษที่ใช้เวทีของกระทรวงต่างประเทศ ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องต่างประเทศ แต่เมื่อเวลารอกันไม่ได้ก็เอาตรงนี้

ส่วนเรื่องนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นตรวจสอบการถือหุ้นของภรรยา ว่า ในการกรอกข้อมูลเพื่อยื่นต่อ ป.ป.ช.ผมได้ทาง ป.ป.ช.ช่วยดูให้แล้ว มีคนตรวจสอบ ไม่ใช่หุ้นอย่างที่เข้าใจ ก็เสียใจว่า ส.ว.ท่านนี้เป็นนักกฎหมายแต่ก็น่าจะรู้และแยกแยะรายละเอียดได้ ซึ่งขณะนี้ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารที่นำเงินไปฝาก ดูรายละเอียดของเอกสาร และเรียบเรียงเป็นภาษา และจะแจกจ่ายให้สื่อมวลชนทราบแน่นอน ซึ่งหากมันเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากความไม่รู้และได้รับคำแนะนำที่ผิดพรุ่งนี้ก็จะเป็นแค่ประชาชนที่พร้อมจะชนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เหมือนกัน





กำลังโหลดความคิดเห็น