รศ.ธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในวันอังคารที่ 28 ก.ค.นี้ คณะนิติศาสตร์และคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะจัดเสวนาเรื่อง เมื่อราษฎร์ถวายฎีกา: กฎหมายและระเบียบปฏิบัติ ที่ ห้อง 301 อาคารพินิตประชานาถ จุฬาฯเพื่อชี้แจงกฎหมาย ระเบียบ และขั้นตอนปฏิบัติที่ถูกต้องในการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา โดยผู้ทรงคุณวุฒิในหลากหลาย สาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อก่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องให้สาธารณชนได้รับทราบ เนื่องจากขณะนี้สังคมไทยกำลังสนใจกรณีการเข้าชื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นอย่างยิ่ง และมีความเห็นแตกต่างกันออกไปทั้งในเชิงเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว อันอาจนำไปสู่ประเด็นทางสังคมต่อไปได้
รศ.ธินิพันธุ์ กล่าวว่าสำหรับผู้ทรงคุณวุฒิที่เข้าร่วมในการเสนาครั้งนี้ประกอบด้วย ศ.กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตรองนายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะพูดในเรื่อง กฎหมาย และระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการถวายฎีกา
จากนั้นเป็นการอภิปรายเรื่อง เมื่อราษฎร์ถวายฎีกา มีผู้อภิปรายคือ ศจ.กิตติคุณ ดร.ปิยะนาถ บุนนาค ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ รศ.สุริชัย หวันแก้ว ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ ผู้ช่วย ศจ. ดร.วีระ สมบูรณ์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ น.ส.เพ็ญจันทร์ โชติบาล เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ นิติศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาฯ ผู้ทำวิทยานิพนธ์เรื่องพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษของพระมหากษัตริย์ไทย
แหล่งข่าวกล่าวว่า การจัดเสนาครั้งเกิดขึ้นเนื่องจากมีคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯกลุ่มหนนึ่งเห็นว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยเพื่อต่อต้าน เผด็จการแห่งชาติ (นปช.)หรือกลุ่มเสื้อแดงเพื่อล่ารายชื่อประชาชน 1 ล้านชื่อ เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถุกศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2 ปี เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เป็นการกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้เนื้อหาในหนังสือถวายฎีกาหลายตอนมีเนื้อหาที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง อีกด้วย จึงมีการหารือกันและเห็นว่า ควรเชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ออกมาชี้แจง ทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเฉพาะนายวิษณุ เครืองาม ซึ่งเชี่ยวชาญในเรื่องระเบียบกฎหมายและโบราณราชพระเพณีอย่างยิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีข่าวว่าหน่วยงานด้านความมั่นคง ได้รับคำสั่งจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ติดตามข่าวการลงพื้นที่ล่าชื่อประชาชนเพื่อนำมาใช้ในการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในจังหวัดต่างๆ รวมทั้งมีการถ่ายรูปและบันทึกวีดีโอรถเบนซ์ โดยระบุว่าเป็นรถที่ขนเงินไปจก และมีรถกระบะขนคนให้ไปร่วม ลงชื่อถวายฎีกา
นายนิคม เชาว์กิตติโสภณ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เคยเห็น หรือไม่ยินข่าวการขนเงิน และคงไม่มีใครขนเงินไปแจก ไปจ้าง หรือขนคนไปลงชื่อ ถวายฎีกา เพราะเท่าที่ทราบมีแต่ประชาชนเข้ามาสอบถามว่าจะลงชื่อได้ที่ไหน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวคิดว่าการรายงานของหน่วยความมั่นคงนั้นเพียงต้องการสร้างเรื่องเพื่อให้เห็นว่าการเข้าชื่อดังกล่าวไม่ชอบธรรม ไม่ถูกต้อง ไม่ขาวสะอาด และพยายามให้เห็นว่าการล่าชื่อไม่ได้เกิดจากความต้องการของประชาชนจริงๆ พยายามโยงว่าผู้มีอำนาจเก่าใช้เงินจ้าง ซึ่งไม่เป็นความจริง
ด้านนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ หน่วยงานด้านความมั่นคง ระบุว่า พื้นที่เขตมีนบุรี และเขตหนองจอก กทม. ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ร่วมลงชื่อถวายฎีกามากที่สุดว่าในกลุ่ม กทม.ภาคตะวนออก มีความรัก ความเชื่อถือ และศรัทธาในตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มาก ทั้งชาวชนบท หมู่บ้านเอื้ออาทร รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงต่างๆที่มีการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายหลายกลุ่ม เช่น แดงบูรพา ซึ่งทุกคนรู้สึกและเห็นถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับพ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นการเข้าชื่อถวายฎีกาที่เกิดขึ้นจึงเป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่มีการยุยงหรือล็อบบี้ ไม่มีการจ้าง การไปเกณฑ์ หรือบังคับทั้งสิ้น ขอให้ตัดประเด็นเหล่านี้ไปได้เลย
ฝากถามไปถึงนายกฯและนายสุเทพว่า การเข้าชื่อประชาชนถวายฎีกานั้นผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบตอนนี้รายชื่อเกินล้านคนไปแล้ว อาจจะถึง 3 หรือ 5 ล้านคน ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยไม่มีใครไปเกณฑ์ ควรไปหเร่งแก้ปัญหาไข้หวัด 2009 จะดีกว่า
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า ไม่เคยมีการจ้างด้วยเงิน เพื่อลงชื่อถวายฎีกาการจัดกิจกรรมทุกอย่างของกลุ่มคนเสื้อแดง ดำเนินไปอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา มีการจัดสัมมนาในโรงแรมและร้านอาหาร มีเนื้อหาสาระชัดเจน บางจังหวัดยังมีการถ่ายทอดสดผ่านวิทยุชุมนุมและเว็บไซด์ด้วย ไม่มีอะไรเป็นความลับทั้งสิ้น
การที่หน่วยข่าวรายงานว่า มีรถเบนซ์ขนเงินไปแจก เอารถกระบะไปขนคนให้ไปร่วมลงชื่อนั้น อยากให้รัฐบาลและหน่วยข่าวแสดงข้อมูลหลักฐานออกมา หากคนที่รับผิดชอบเป็นลูกผู้ชายพอ แต่ถ้าหากมีการใส่ร้าย พวกเราก็จะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะไม่มีข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าหน่วยข่าวความมั่นคงลงพื้นที่ไปหาข่าว หรือไปกุข่าวเพื่อใส่ร้ายประชาชนกันแน่
รศ.ธินิพันธุ์ กล่าวว่าสำหรับผู้ทรงคุณวุฒิที่เข้าร่วมในการเสนาครั้งนี้ประกอบด้วย ศ.กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตรองนายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะพูดในเรื่อง กฎหมาย และระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการถวายฎีกา
จากนั้นเป็นการอภิปรายเรื่อง เมื่อราษฎร์ถวายฎีกา มีผู้อภิปรายคือ ศจ.กิตติคุณ ดร.ปิยะนาถ บุนนาค ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ รศ.สุริชัย หวันแก้ว ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ ผู้ช่วย ศจ. ดร.วีระ สมบูรณ์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ น.ส.เพ็ญจันทร์ โชติบาล เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ นิติศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาฯ ผู้ทำวิทยานิพนธ์เรื่องพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษของพระมหากษัตริย์ไทย
แหล่งข่าวกล่าวว่า การจัดเสนาครั้งเกิดขึ้นเนื่องจากมีคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯกลุ่มหนนึ่งเห็นว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยเพื่อต่อต้าน เผด็จการแห่งชาติ (นปช.)หรือกลุ่มเสื้อแดงเพื่อล่ารายชื่อประชาชน 1 ล้านชื่อ เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถุกศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2 ปี เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เป็นการกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้เนื้อหาในหนังสือถวายฎีกาหลายตอนมีเนื้อหาที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง อีกด้วย จึงมีการหารือกันและเห็นว่า ควรเชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ออกมาชี้แจง ทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเฉพาะนายวิษณุ เครืองาม ซึ่งเชี่ยวชาญในเรื่องระเบียบกฎหมายและโบราณราชพระเพณีอย่างยิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีข่าวว่าหน่วยงานด้านความมั่นคง ได้รับคำสั่งจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ติดตามข่าวการลงพื้นที่ล่าชื่อประชาชนเพื่อนำมาใช้ในการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในจังหวัดต่างๆ รวมทั้งมีการถ่ายรูปและบันทึกวีดีโอรถเบนซ์ โดยระบุว่าเป็นรถที่ขนเงินไปจก และมีรถกระบะขนคนให้ไปร่วม ลงชื่อถวายฎีกา
นายนิคม เชาว์กิตติโสภณ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เคยเห็น หรือไม่ยินข่าวการขนเงิน และคงไม่มีใครขนเงินไปแจก ไปจ้าง หรือขนคนไปลงชื่อ ถวายฎีกา เพราะเท่าที่ทราบมีแต่ประชาชนเข้ามาสอบถามว่าจะลงชื่อได้ที่ไหน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวคิดว่าการรายงานของหน่วยความมั่นคงนั้นเพียงต้องการสร้างเรื่องเพื่อให้เห็นว่าการเข้าชื่อดังกล่าวไม่ชอบธรรม ไม่ถูกต้อง ไม่ขาวสะอาด และพยายามให้เห็นว่าการล่าชื่อไม่ได้เกิดจากความต้องการของประชาชนจริงๆ พยายามโยงว่าผู้มีอำนาจเก่าใช้เงินจ้าง ซึ่งไม่เป็นความจริง
ด้านนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ หน่วยงานด้านความมั่นคง ระบุว่า พื้นที่เขตมีนบุรี และเขตหนองจอก กทม. ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ร่วมลงชื่อถวายฎีกามากที่สุดว่าในกลุ่ม กทม.ภาคตะวนออก มีความรัก ความเชื่อถือ และศรัทธาในตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มาก ทั้งชาวชนบท หมู่บ้านเอื้ออาทร รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงต่างๆที่มีการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายหลายกลุ่ม เช่น แดงบูรพา ซึ่งทุกคนรู้สึกและเห็นถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับพ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นการเข้าชื่อถวายฎีกาที่เกิดขึ้นจึงเป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่มีการยุยงหรือล็อบบี้ ไม่มีการจ้าง การไปเกณฑ์ หรือบังคับทั้งสิ้น ขอให้ตัดประเด็นเหล่านี้ไปได้เลย
ฝากถามไปถึงนายกฯและนายสุเทพว่า การเข้าชื่อประชาชนถวายฎีกานั้นผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบตอนนี้รายชื่อเกินล้านคนไปแล้ว อาจจะถึง 3 หรือ 5 ล้านคน ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยไม่มีใครไปเกณฑ์ ควรไปหเร่งแก้ปัญหาไข้หวัด 2009 จะดีกว่า
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า ไม่เคยมีการจ้างด้วยเงิน เพื่อลงชื่อถวายฎีกาการจัดกิจกรรมทุกอย่างของกลุ่มคนเสื้อแดง ดำเนินไปอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา มีการจัดสัมมนาในโรงแรมและร้านอาหาร มีเนื้อหาสาระชัดเจน บางจังหวัดยังมีการถ่ายทอดสดผ่านวิทยุชุมนุมและเว็บไซด์ด้วย ไม่มีอะไรเป็นความลับทั้งสิ้น
การที่หน่วยข่าวรายงานว่า มีรถเบนซ์ขนเงินไปแจก เอารถกระบะไปขนคนให้ไปร่วมลงชื่อนั้น อยากให้รัฐบาลและหน่วยข่าวแสดงข้อมูลหลักฐานออกมา หากคนที่รับผิดชอบเป็นลูกผู้ชายพอ แต่ถ้าหากมีการใส่ร้าย พวกเราก็จะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะไม่มีข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าหน่วยข่าวความมั่นคงลงพื้นที่ไปหาข่าว หรือไปกุข่าวเพื่อใส่ร้ายประชาชนกันแน่
