คอลัมน์ "เรื่องมันฟ้อง" โดย กรงเล็บ
น่าแปลกใจที่อยู่ ๆ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งหายไปจากการสืบสวนสอบสวนคดีลอบยิง “สนธิ ลิ้มทองกุล” อย่างลึกลับ จนหัวหน้าชุดควบคุมคดีอย่าง “พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แทบจะประกาศตามหาตัวคนหาย
กลับปรากฏกายออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในช่วงเหมาะเจาะพอดี กับที่สังคมกำลังตามล่า “หนอนน้อยที่ทำตัวเป็นไส้ศึก” ในชุดสอบสวน !
แถม “อัศวิน”ยังออกปากเองเสียก่อนที่สื่อมวลชนจะตั้งคำถามด้วยว่า
“...เรื่องไส้ศึกนี่ผมก็ได้ยินอยู่ ยังแอบคิดอยู่ว่าหมายถึง ผมหรือเปล่า”
อะไรทำให้ “พล.ต.ท.อัศวิน” ออกตัวล้อฟรีเช่นนั้น? หรือจะเป็นเพราะว่าตุ๊กแกกำลังร้อนท้อง?
มีเรื่องนอกสำนวนที่คนวงในรู้และควรเผยแพร่ให้คนวงนอกได้รับทราบ เพื่อจะได้เห็นภาพชัดเจนว่า ตำรวจไทยที่ทำหน้าที่เป็นกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น
กำลังตกอยู่ในสภาวะอัปยศเพียงใด!?
ถ้าจำกันได้ “พล.ต.ท.อัศวิน” คนเดียวกันนี้ พูดเสียงดังฟังชัด ในช่วงปลายเดือนเมษายนว่า อีก 7 วันจะมีข่าวดีในการคลี่คลายคดีสะท้านเมืองนี้ แต่หลังจากนั้นก็หายจ้อยไร้รอยตะเข็บให้คนได้ติดตามถามไถ่
รอยต่อช่วงที่หายไปก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่นายพลสีกากีคนตัวใหญ่ เสียงดัง ที่กุมหลักฐานทางคดีสำคัญไว้
ถูกบิ๊กทหาร “ 3 ป.” เรียกตัวไปพบ
โดยมี “บิ๊กสีกากี”สายเลือดเดียวกับหนึ่งในบิ๊ก ป.ปลา นั่งคุมเชิงอยู่ด้านนอก
เรียงหน้ากระดานระดับบิ๊กมาข่มขวัญขนาดนั้น นายพลคนดังถึงกับนั่งตัวลีบ ออกอาการ “ป๊อด” ขวัญผวาจนสิ้นศักดิ์ศรีความเป็นนายพลแห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หนำซ้ำ เมื่อมีคำสั่งเด็ดขาดให้ยุติการทำคดี โดยมีการอ้างเบื้องบน ดึงฟ้าต่ำ ก็ทำให้คนถูกเรียกตัวไปถึงกับไข้ขึ้น!
เมื่อกลับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็สั่งลูกทีมที่ทำคดีให้ยุติการสืบสวนสอบสวนทั้งหมด และเขียนใบลาพักร้อนหนีปัญหานาน 7 วัน โดยไม่ยอมแจ้งข้อเท็จจริงต่อ “พล.ต.อ.ธานี” เพื่อหาทางแก้ไขและเดินหน้าสร้างความยุติธรรมให้สังคมไทยอย่างที่ควรจะเป็น
นอกจากนั้น นายพลตำรวจบางคนยังฉวยโอกาสหยิบเรื่อง “คดีสนธิ”ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เอาความลับในคดีมาสร้างตำแหน่งให้กับตัวเอง เดินเกมใช้ข้อมูลในมือหาความก้าวหน้าในราชการให้ตัวเอง
ด้วยการแปลงร่างเป็น “กาคาบข่าว” บอกเบื้องลึกเบื้องหลังของคดีให้กับคนบนสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรู้ จนชุดคลี่คลายคดีตกอยู่ในอาการขวัญผวา ทำให้คดีหยุดชะงักไประยะหนึ่ง
กระทั่งเรื่องรู้ถึงหู “นายกรัฐมนตรี” ต้องรีบแก้เกมอย่างด่วนจี๋ ไม่งั้นจะถูกตั้งคำถามจากสังคมให้กลายเป็น “แพะรับบาป” โอบามาร์คขยับส่งสัญญาณไปยังชุดสอบสวนเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า “ฝ่ายการเมืองเอาจริงและไม่คิดปกป้องใครทั้งนั้น ไม่ว่าคนที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดจะเป็นคนในรัฐบาลหรือไม่”
คำยืนยันจากคนบนตึกไทยคู่ฟ้า จึงทำให้นายตำรวจชุดคลี่คลายคดีทีมของ “พล.ต.ท.อัศวิน” ที่มีจิตวิญญาณความเป็นตำรวจเต็มร้อย กล้าเดินเครื่องให้ข้อมูลกับ “พล.ต.อ.ธานี” จน “พล.ต.อ.ธานี” ต้องไปเสาะหาข้อเท็จจริง เพื่อลบล้างข้ออ้างดึงฟ้าต่ำ
กระโดดเข้ามาคุมคดีด้วยตัวเอง ทำให้คดีเริ่มคืบหน้า
ไล่เรียงให้ฟังอย่างนี้คงพอจะเดาได้แล้วว่าใครที่ทำตัวเป็น “ไส้ศึก” และเท็จจริงหรือไม่อย่างไรกับตามคำพูดของ “พล.ต.ท.อัศวิน”
หรือว่า “พล.ต.อ.ธานี” ยังให้ความไว้วางใจอยู่ เพราะยังเป็นที่สงสัยหลังส่งเสียงดังฟังชัด หนักแน่นออกมาแล้วว่า
“ผมตัดหางปล่อยวัด มันไปตั้งนานแล้ว”
เป็นเรื่องที่ต้องเห็นใจ "พล.ต.อ.ธานี"บางครั้งเสือต้องกินเนื้อเสือ เพื่อสงวนศักดิ์ของชาติตระกูลเสือ