เอเอฟพี/รอยเตอร์- องค์การอนามัยโลกระบุยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มเป็นกว่า 700 รายแล้ว พร้อมแนะการปิดโรงเรียนเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ประเทศต่างๆ สามารถพิจารณาใช้ได้ ด้านคณะนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยไต้หวันแถลง ประสบความสำเร็จพัฒนาสารประกอบอินทรีย์ที่ทำลายไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ตลอดจนไข้หวัดนก
** ฮูระบุยอดตายจากหวัดนรกเพิ่มเป็น 700
องค์การอนามัยโลกแถลงวานนี้ (21) โดยระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 700 รายแล้ว โดยที่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน องค์การอนามัยโลกให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 429 ราย สำหรับยอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วในขณะนี้นั้น มีประมาณ 125,000 ราย
อาภาลักษณ์ ปาติยเสวี โฆษกหญิงขององค์การอนามัยโลกออกมาเปิดเผยว่า ทางองค์การอนามัยโลกทราบดีว่าประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีระดับของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้แตกต่างกันออกไปทั้งในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อและระยะเวลา ดังนั้นทางองค์การอนามัยโลกจึงเห็นว่า รัฐบาลของประเทศต่างๆ ควรพิจารณาทางเลือกและมาตรการต่างๆ ที่จะนำมาใช้เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อให้ช้าลงด้วยตนเองตามความเหมาะสมของสถานการณ์ในประเทศ
โฆษกหญิงขององค์การอนามัยโลกยังระบุด้วยว่า มาตรการสั่งปิดโรงเรียนถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ สามารถนำไปพิจารณา
** ผลวิจัยชี้ปิดโรงเรียนไม่ช่วยกันหวัด2009**
ทางด้านทีมวิจัยจากอิมพีเรียลคอลเลจในลอนดอนเผยผลวิจัยล่าสุดว่า การปิดโรงเรียนไม่อาจยับยั้งการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ และยังเป็นการเพิ่มภาระแก่โรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น เนื่องจากทำให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปตรวจที่โรงพยาบาลมากขึ้นในช่วงที่โรงเรียนปิด
ทีมวิจัยชี้ว่าการปิดโรงเรียนยังทำให้เจ้าหน้าที่ตามโรงพยาบาลขาดแคลนมากขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นสตรี และผลสำรวจความเห็นล่าสุดชี้ว่าร้อยละ 21 ของเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าอาจต้องลางานเพื่อดูแลบุตรหลานที่บ้านหากโรงเรียนปิด
ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ศึกษารูปแบบการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในปี 1918,1957, และ1968 รวมทั้งช่วงปิดภาคเรียนในฝรั่งเศสและช่วงที่ครูอิสราเอลผละงานประท้วงโดยพบว่าแม้การระบาดจะลดลงเมื่อโรงเรียนปิด แต่เมื่อโรงเรียนเปิดอีกครั้งผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทันที
**ไต้หวันบอกพบอาวุธใหม่สู้หวัดมรณะ**
คณะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (เอ็นทียู) แถลงวานนี้(21)ว่า พวกเขาประสบความสำเร็จในการพัฒนาสารประกอบอินทรีย์ ที่พวกเขาตั้งชื่อว่า เอ็นทียู-ไวรัสบอม (NTU-VirusBom) ซึ่งสามารถทำลายไวรัสอย่างเช่น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือที่เรียกกันว่าไวรัส เอ (เอช1เอ็น1) ตลอดจนไวรัสไข้หวัดนก รวมทั้งสามารถหยุดยั้งการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้นว่าพวกที่ทำให้เกิดโรค staph infection
ทีมนักวิจัยนี้บอกว่า สารประกอบนี้สามารถใช้ใส่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง เช่น ผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัย, ผงซักฟอก, และเครื่องกรองอากาศ ทั้งนี้พวกเขาได้เริ่มต้นวิจัยเพื่อพัฒนาสารตัวนี้ตั้งแต่ปี 2006 โดยขณะนั้นมุ่งที่จะใช้สู้กับไวรัสไข้หวัดนก เอช5เอ็น1
เวลานี้เทคโนโลยีนี้ได้ส่งผ่านไปให้แก่บริษัทไต้หวันแห่งหนึ่ง เพื่อนำเอาสารประกอบนี้ไปใส่ในผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาเป็นจำนวนมากๆ ทั้งหลาย ศาสตราจารย์ หลินซื่อหมิง หนึ่งในคณะนักวิจัยนี้กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์อย่างแรกน่าจะออกสู่ตลาดได้ในเดือนกันยายนนี้
** ฮูระบุยอดตายจากหวัดนรกเพิ่มเป็น 700
องค์การอนามัยโลกแถลงวานนี้ (21) โดยระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 700 รายแล้ว โดยที่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน องค์การอนามัยโลกให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 429 ราย สำหรับยอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วในขณะนี้นั้น มีประมาณ 125,000 ราย
อาภาลักษณ์ ปาติยเสวี โฆษกหญิงขององค์การอนามัยโลกออกมาเปิดเผยว่า ทางองค์การอนามัยโลกทราบดีว่าประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีระดับของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้แตกต่างกันออกไปทั้งในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อและระยะเวลา ดังนั้นทางองค์การอนามัยโลกจึงเห็นว่า รัฐบาลของประเทศต่างๆ ควรพิจารณาทางเลือกและมาตรการต่างๆ ที่จะนำมาใช้เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อให้ช้าลงด้วยตนเองตามความเหมาะสมของสถานการณ์ในประเทศ
โฆษกหญิงขององค์การอนามัยโลกยังระบุด้วยว่า มาตรการสั่งปิดโรงเรียนถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ สามารถนำไปพิจารณา
** ผลวิจัยชี้ปิดโรงเรียนไม่ช่วยกันหวัด2009**
ทางด้านทีมวิจัยจากอิมพีเรียลคอลเลจในลอนดอนเผยผลวิจัยล่าสุดว่า การปิดโรงเรียนไม่อาจยับยั้งการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ และยังเป็นการเพิ่มภาระแก่โรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น เนื่องจากทำให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปตรวจที่โรงพยาบาลมากขึ้นในช่วงที่โรงเรียนปิด
ทีมวิจัยชี้ว่าการปิดโรงเรียนยังทำให้เจ้าหน้าที่ตามโรงพยาบาลขาดแคลนมากขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นสตรี และผลสำรวจความเห็นล่าสุดชี้ว่าร้อยละ 21 ของเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าอาจต้องลางานเพื่อดูแลบุตรหลานที่บ้านหากโรงเรียนปิด
ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ศึกษารูปแบบการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในปี 1918,1957, และ1968 รวมทั้งช่วงปิดภาคเรียนในฝรั่งเศสและช่วงที่ครูอิสราเอลผละงานประท้วงโดยพบว่าแม้การระบาดจะลดลงเมื่อโรงเรียนปิด แต่เมื่อโรงเรียนเปิดอีกครั้งผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทันที
**ไต้หวันบอกพบอาวุธใหม่สู้หวัดมรณะ**
คณะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (เอ็นทียู) แถลงวานนี้(21)ว่า พวกเขาประสบความสำเร็จในการพัฒนาสารประกอบอินทรีย์ ที่พวกเขาตั้งชื่อว่า เอ็นทียู-ไวรัสบอม (NTU-VirusBom) ซึ่งสามารถทำลายไวรัสอย่างเช่น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือที่เรียกกันว่าไวรัส เอ (เอช1เอ็น1) ตลอดจนไวรัสไข้หวัดนก รวมทั้งสามารถหยุดยั้งการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้นว่าพวกที่ทำให้เกิดโรค staph infection
ทีมนักวิจัยนี้บอกว่า สารประกอบนี้สามารถใช้ใส่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง เช่น ผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัย, ผงซักฟอก, และเครื่องกรองอากาศ ทั้งนี้พวกเขาได้เริ่มต้นวิจัยเพื่อพัฒนาสารตัวนี้ตั้งแต่ปี 2006 โดยขณะนั้นมุ่งที่จะใช้สู้กับไวรัสไข้หวัดนก เอช5เอ็น1
เวลานี้เทคโนโลยีนี้ได้ส่งผ่านไปให้แก่บริษัทไต้หวันแห่งหนึ่ง เพื่อนำเอาสารประกอบนี้ไปใส่ในผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาเป็นจำนวนมากๆ ทั้งหลาย ศาสตราจารย์ หลินซื่อหมิง หนึ่งในคณะนักวิจัยนี้กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์อย่างแรกน่าจะออกสู่ตลาดได้ในเดือนกันยายนนี้