เอเอฟพี - องค์การอนามัยโลก (WHO) รับเมื่อวันจันทร์ (13) ว่า การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทวีขึ้นจน “ไม่อาจหยุดยั้งได้” ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 7 รายทั่วโลก และมีผลศึกษาที่ก่อความกังวลยิ่งขึ้น
อังกฤษ ไทย และ ฟิลิปปินส์ ได้รายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมเมื่อวันจันทร์ (13) ขณะที่ ซาอุดีอาระเบีย สั่งปิดโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง หลังพบว่ามีเด็กนักเรียน 20 คนติดเชื้อไวรัส เอช1เอ็น1
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกรายหนึ่ง กล่าวว่า วัคซีนต้านไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่นี้น่าจะพร้อมนำมาใช้ได้อย่างเร็วที่สุดในเดือนกันยายน และทุกประเทศจำเป็นต้องเข้าถึงวัคซีนนี้เพื่อปกป้องพลเมืองของตนเอง
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน สรุปหลังจากประชุมกันเมื่อไม่นานนี้ ว่า “โรคระบาด เอช1เอ็น1 ไม่อาจหยุดยั้งได้ เพราะฉะนั้นทุกประเทศจำเป็นต้องเข้าถึงวัคซีน” แมรี-พอล เคนี ผู้อำนวยการด้านพัฒนาและค้นคว้าวัคซีนขององค์การอนามัยโลก กล่าว
เธอบอกต่อว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ควรเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ควรได้รับวัคซีนที่มีอุปสงค์สูงลิ่ว สืบเนื่องจากประชาชนยังคงล้มป่วยกันต่อเนื่อง
เจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลก บอกว่า แต่ละประเทศมีอิสระสำหรับจัดลำดับของผู้ที่จะได้รับวัคซีน อย่างไรก็ตาม ในลำดับต้นๆ ควรรวมไปถึงผู้หญิงตั้งครรภ์ และทุกคนซึ่งอายุมากกว่า 6 เดือนที่มีโรคประจำตัว และโดยเฉพาะเด็กๆ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้ง่ายจากการอยู่รวมกันจำนวนมากในโรงเรียนหรือที่สาธารณะต่างๆ
องค์การอนามัยโลก ประกาศว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มากกว่า 98,000 ราย เสียชีวิต 440 รายทั่วโลก นับตั้งแต่พบการแพร่ระบาดครั้งแรกในเม็กซิโก เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา
ขณะที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง แต่ผลศึกษาล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (13) ระบุว่า ไวรัสชนิดนี้ก่อความเสียหายต่อปอดมากกว่าไข้หวัดตามฤดูกาล อย่างไรก็ดี ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่นี้ยังคงตอบรับยาต้านไวรัส
นักไวรัสวิทยา ได้นำตัวอย่างไวรัสจากคนไข้ในสหรัฐฯ ไปทดสอบกับหนู ลิง และหมูตัวเล็ก พร้อมไวรัสไข้หวัดตามฤดูกาล ซึ่งพวกเขาพบว่า เชื้อ เอช1เอ็น1 ก่อแผลบนปอดในหนูและลิงรุนแรงกว่าไข้หวัดตามฤดูกาล แต่ไม่พบอาการเช่นนั้นกับหมูตัวเล็ก ซึ่งอาจอธิบายได้ว่าทำไมถึงไม่พบหลักฐานว่าหมูในเม็กซิโกล้มป่วยด้วยโรคนี้ก่อนที่มันจะแพร่ระบาดในหมู่มนุษย์
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าไวรัส เอช1เอ็น1 ณ เวลานี้ อาจได้รับยีนจากไข้หวัดสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งอาจทำให้มันทวีความรุนแรงขึ้นและแพร่ระบาดกว้างขวางขึ้น ขณะเดียวกัน ก็มีความกังวลอื่นๆ ด้วยว่าไวรัสอาจเปลี่ยนรูปเพื่อให้ตัวมันสามารถดื้อต่อยาต้านไวรัสทามิฟลู
มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในเอเชียเมื่อวันจันทร์ (13) โดยในไทย 3 ราย และฟิลิปปินส์ 2 ราย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในไทย เพิ่มเป็น 21 ราย ส่วนฟิลิปปินส์ 3 ราย
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในอังกฤษ แถลงว่า พบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก 2 ราย เป็นเด็กหญิงวัย 6 ขวบ และแพทย์รายหนึ่ง ทำให้ยอดรวมในประเทศแห่งนี้มีผู้เสียชีวิตจากไวรัส เอช1เอ็น1 แล้ว 17 ราย
อังกฤษ ยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้วเกือบ 10,000 ราย แต่ก็คาดหมายว่าตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจทะลุขึ้นไปมากกว่าแสนคนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ทางการซาอุดีอาระเบีย ได้ปิดโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงริยาด ขณะที่เจ้าหน้าที่มีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัส เอช1เอ็น1 เป็นอย่างมาก ก่อนหน้าประชาชนกว่า 2 ล้านคนจะเดินทางมาแสวงบุญในอีก 5 เดือนข้างหน้า
