xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ต่ออายุ"ธานี" "มาร์ค"ลั่นคดีสนธิ 2 เดือนจบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "มาร์ค" ยอมรับไม่มีกฎหมายต่ออายุ "ธานี" แต่จะเร่งปิดคดี"ยิงสนธิ" ก่อนสิ้นกันยาฯนี้ ด้านโฆษกฯกลาโหม ยอมรับ ตร. ขอตัว"พ.อ.สุนัย" ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ ส่วน"จ่าปัญญา" รอขั้นตอนส่งตัวตามกระบวนการ ยัน"ประวิตร-ผบ.เหล่าทัพ"ไม่ปกป้อง"บิ๊กเหวียง" เครียดหนัก ยอมรับรู้จัก"สุนัย"แค่ผิวเผิน ดีเอสไอ ออกโรงแจงไม่พบ"วรวุฒิ" เบิกปืน-รถไปใช้งาน แต่ยื้อส่งตัวผู้เกี่ยวข้องให้ปากคำ"ธานี" ในวันที่ 23 ก.ค.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม.เมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) ถึงความคืบหน้าคดีการลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า อย่างที่ได้ย้ำไปว่า ตนเองและ พล.ต.อ. ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ได้มีการพูดคุยเป็นระยะๆ และยังไม่พบว่ามีปัญหาอุปสรรคอะไร โดยการออกหมายจับต่างๆ ที่มีสงสัยว่าจะถึงตัวผู้บงการหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องทำไปตามพยานหลักฐานโดยเริ่มจากตัวผู้ปฏิบัติการก่อน และมีการขยายผลต่อไป ส่วนการเชื่อมโยงไปถึงบุคคลต่างๆ ก็ต้องมีการหาพยานหลักฐานต่อไป
ส่วนเหลือระยะเวลาอีกประมาณ 2 เดือน พล.ต.อ. ธานี จะเกษียณ จะมีการต่ออายุราชการหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรากำลังเร่งรัดคดีกันอย่างเต็มที่ ส่วนการต่ออายุราชการ เข้าใจว่าไม่มีกฎหมายรองรับ

กลาโหมรับตร.ขอตัว"พ.อ.สุนัย"

ด้าน พ.อ.จิตตสักก์ เจริญสมบัติ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยกรณีที่ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ทำหนังสือด่วนถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อประสานขอความร่วมมือในการขอตัว จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) จ.ลพบุรี ไปดำเนินคดี หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่ากองทัพบกกำลังดำเนินการอยู่ ขั้นตอนการดำเนินการต่างๆเหมือนคดีทั่วไป คือเมื่อมีการดำเนินการตามกฎหมายก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการต่อไป ซึ่งคงเป็นไปตามหลักการที่มีอยู่ ซึ่งทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ยืนยันว่า ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร คงอยู่อีกหลายขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการไปตามกระบวนการ ดังนั้นในส่วนต้นสังกัด หากมีการติดต่อมา ขอให้หน่วยต้นสังกัดดำเนินการไปตามกฎหมาย

เมื่อถามว่า มีหลักฐานชัดเจนหรือไม่ว่า จ.ส.อ.ปัญญา เป็นคนก่อเหตุ พ.อ.จิตตสักก์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับตำรวจ กองทัพบกให้ความร่วมมือการดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนในรูปคดีเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบ

เมื่อถามว่า กองทัพได้ส่งนายทหารกรมพระธรรมนูญไปร่วมดูแลหรือยัง พ.อ.จิตตสักก์ กล่าวว่า ในขั้นต้นคงต้องอยู่ในกระบวนการ หากได้รับการร้องขอจากตำรวจมา ขั้นตอนต่อไปต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปคดีว่า คดีเป็นไปลักษณะอย่างไร

ส่วนกรณีของ พ.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยอีกคนนั้น เพิ่งทราบข่าวว่า ทางตำรวจทำเรื่องขอตัว พ.อ.สุนัย มาแล้ว แต่ไม่ทราบรายละเอียด

"ยืนยันว่า รมว.กลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ ที่รับผิดชอบจะไม่ปกป้อง และจะดำเนินการไปตามกฎหมาย ทั้งนี้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงข่าว คงจะไม่นำข่าวมาเกี่ยวข้องกับรูปคดี จึงไม่อยากประเด็นข่าวทำให้เรื่องต่างๆไขว้เขว และทำให้ประชาชนเข้าใจรูปคดีผิด ส่วนที่มีคนมองว่ากองทัพ ตกเป็นแพะในคดีนี้นั้น ผมไม่คิดแบบนั้น แต่ต้องทำความจริงให้ปรากฏ เรื่องทั้งหลายต้องทำให้เป็นความจริง ทั้งนี้ รมว.กลาโหม ไม่รู้สึกหนักใจเพราะเรื่องต่างๆ จะเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งในส่วนของกองทัพจะให้ความเป็นธรรมกับผู้ใต้บังคับบัญชา” พ.อ.จิตตสักก์กล่าว

"อนุพงษ์”รับตร.ขอตัว“จ่าปัญญา”

ที่โรงแรม เชอร์ราตัน แกรนด์ ลากูน่า จ.ภูเก็ต พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ ปฏิเสธกรณีที่มีข่าวว่า พ.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ ถูกตนเคยเรียกมาใช้งาน ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำหนังสือด่วนถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อประสานขอความร่วมมือในการขอตัว จ.ส.อ. ปัญญา ศรีเหรา ไปดำเนินคดี เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน แต่อยู่ที่กองทัพบก ไม่ได้ยืมตัวมาช่วยราชการ

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาทหารบก ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าถึงการขอตัว จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ไปดำเนินคดี ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำหนังสือขอตัวมาแล้ว โดยส่งมาให้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยหนังสือฉบับดังกล่าว ลงวันที่ 17 ก.ค.52

ตร.ปิดปากขอตัว"พ.อ.สุนัย"

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รอง ผบ.ตร.โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงกรณีที่ทางโฆษกกระทรวงกลาโหม ออกมาระบุว่า ทางตำรวจได้ส่งหนังสือขอตัว พ.อ.สุนัย ผู้ต้องสงสัยคดียิงนายสนธิ โดยเมื่อ พล.ต.อ.วัชรพล ทราบเรื่อง ได้ปฏิเสธว่า เรื่องดังกล่าว ทางกองบัญชาการตำรวจครบาลเป็นต้นเรื่องที่จะทำหนังสือดังกล่าวไปยังกองทัพ และขอให้สอบถามไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาลเอง

ด้าน พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผบ.ช.น.โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือขอตัวของตำรวจ โดยระบุว่า ทาง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.หัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ เป็นผู้ดำเนินการ และคงต้องให้ พล.ต.อ.ธานี เป็นผู้ให้รายละเอียดกับสื่อมวลชนเอง

"เชษฐา"เครียดอ้างรู้จัก"สุนัย"ผิวเผิน

พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานไม้กฤษณา จันทบุรี-ตราด เลขที่ 2/1 หมู่ 10 บ้านนาแกลง ต.ประณีต อ.เขาสมิง จ.ตราด ที่ชุดคลี่คลายคดียิงนายสนธิ บุกเข้าตรวจค้นเพื่อหาตัว จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา สังกัดศูนย์สงครามพิเศษ หนึ่งในมือปืนที่ถูกออกหมายจับ กล่าวยืนยันว่ารู้จัก พ.อ.สุนัย ที่มีข่าวว่าอาจเป็นบุคคลหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับในคดีลอบยิงนายสนธิ เพียงผิวเผิน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยทำงานร่วมกับ พ.อ.สุนัย แต่อย่างใด เพราะต่างคนต่างทำงานคนละหน่วยกัน ส่วนที่มีบางฝ่ายพยามยามผูกโยง พ.อ.สุนัย เกี่ยวข้องกับตน เช่นเดียวกับกรณีของ จ.ส.อ.ปัญญา หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับนั้น ตนขอยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน

พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า รู้สึกเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก เพราะสื่อมวลชนต่างกระหน่ำโทรศัพท์มาสอบถามแทบจะทุก 1 นาที ทั้งที่ตนก็พูดไปหลายครั้งแล้วว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ด้าน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) กล่าวว่า ตนไม่เคยรู้จักกับ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา และ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ สองผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแต่อย่างใด เพราะทั้งสองคนยังเด็กมาก เมื่อเทียบกับตนเอง

ส่วนความพยายามโยง พล.อ.เชษฐา เข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อหวังให้กระทบกับพรรคเพื่อไทย หรือไม่นั้น พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนเองคงไม่ขอออกความเห็น เพราะยังไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริง

หลักฐานโทรศัพท์โยง"พ.อ.สุนัย"มีเอี่ยว

สำหรับ พ.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการ กอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งเป็นบุคคลต้องสงสัยว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียิงนายสนธิ มีรายงานว่า ทางสืบสวนพบว่าเขาคือผู้ที่ยืมรถโตโยต้า วีโก้ สีเปลือกมังคุด ทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี ของ น.ส.รัศมี เมฆชัย รถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ

นอกจากนั้น หลักฐานการใช้โทรศัพท์มือถือของเขา พบว่าเชื่อมโยงเกี่ยวข้องบุคคลและสถานที่(ก่อน-หลังยิงนายสนธิ) โดยที่พ.อ.สุนัย ใช้ให้ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ (ยศตามหมายจับ) สังกัด บช.ปส.ช่วยราชการดีเอสไอ 1 ใน 2 ผู้ต้องหาตามหมายจับ เป็นคนไปซื้อโทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง เพื่อนำมาใช้ในงานนี้ เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายของทีม ซึ่งตำรวจสอบสวนพบว่า เบอร์โทร. หลักที่มีการโทรเข้า และโทรออก กับทีมฆ่า ล้วนมาจากเบอร์ของ พ.อ.สุนัย ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม ทางสืบสวนยังพบว่า หลังจากการลอบสังหารนายสนธิ ล้มเหลว พ.อ.สุนัย ได้โทรศัพท์รายงานผลต่อ “บิ๊กสีเขียว” ผู้มีอำนาจระดับสูงในรัฐบาลชุดนี้ จากนั้นได้โทร. ติดต่อนายตำรวจระดับสูงในกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่นที่ 21 ด้วยกัน และมีความสัมพันธ์อันดีกับน้องสาวคนหนึ่ง ของผู้นำกลุ่มอำนาจเก่า รวมทั้งโทรทางไกลไปดูไบ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นแหล่งกบดานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นจำนวนหลายครั้ง

DSI ป้อง"วรวุฒิ"ไม่พบเบิกปืน-รถใช้

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอสอบสวนเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน สษ 1785 กทม. ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้น ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ (ยศตามหมายจับ) ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีดังกล่าว ไม่เคยทำเรื่องเบิกอาวุธปืน รถยนต์ หรืออุปกรณ์สืบสวนพิเศษของดีเอสไอ ไปใช้แต่อย่างใด โดยวันที่ 23 ก.ค.นี้ พ.อ.สุรศักดิ์ ณ ลำปาง ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและการตรวจสอบ จะรับผิดชอบหาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ รถเลขทะเบียน สษ 1785 มาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สตช.

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ยังประสานโดยตรงไปยัง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ว่า ดีเอสไอ พร้อมให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนในการหาข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว

พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ สตช.ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า รถยนต์ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไรกับคดียิงนายสนธิ เนื่องจากไม่ใช่รถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุยิง ในเบื้องต้นจึงเป็นการประสานเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้รถยนต์คันดังกล่าว

“ในส่วนการเบิกใช้อาวุธปืน และอุปกรณ์สืบสวนพิเศษนั้น ดีเอสไอ ยืนยันได้ว่า มีระเบียบควบคุมการเบิกใช้อุปกรณ์พิเศษอย่างเข้มงวด และมีกฎหมายดูแลการใช้งานอย่างรัดกุม โดยก่อนเบิกใช้อุปกรณ์พิเศษจะต้องได้รับการอนุมัติจากศาลก่อนทุกครั้ง มิเช่นนั้นจะมีความผิดทางอาญา” รองอธิบดีดีเอสไอระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น