xs
xsm
sm
md
lg

แจงครม.ติดหวัดพุ่ง5หมื่นเข้มดูหงส์มีไข้ไล่กลับบ้าน นร.ติดหวัดธรรมกายเพียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- นายกฯ สั่งตั้งเทอร์โมสแกนตรวจเข้มแข่งขันบอล“ไทย-ลิเวอร์พูล” หากใครมีไข้สูงให้คืนเงินแล้วส่งตัวกลับบ้านทันที วงในเผย สธ.แจงข้อมูลกลางครม.ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่ง 5 หมื่น ผู้เชี่ยวชาญยันหลังจากนี้ 2-8 สัปดาห์ ตัวเลขคนป่วยคนตาย จะเพิ่มขึ้น ขณะที่งานธรรมกาย พ่นพิษ เด็กที่มาร่วมงานติดเชื้อเพียบ ผู้ว่าฯต้องสั่งปิดโรงเรียน ด้านองค์การอนามัยโลกระบุยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มเป็นกว่า 700 รายแล้ว ขณะที่คณะนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยไต้หวัน ประสบความสำเร็จพัฒนาสารประกอบอินทรีย์ที่ทำลายไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ตลอดจนไข้หวัดนกได้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้ติดตามปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยประเด็นที่มีการเร่งรัดคือ 1.การรับมือที่เกี่ยวข้องกับการระบาดภูมิภาค โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รับผิดชอบ โดยในวันที่ 22 ก.ค.จะมีการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยไปทุกจังหวัด โดยให้มีการตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลในเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพราะการแพร่ระบาดจะไปในภูมิภาคมากขึ้น

2.ปัญหาเรื่องผู้เสียชีวิตที่มีปัญหามากขึ้น ในเรื่องของการเข้าถึงยาโอเซลทามิเวียร์ ที่คนไข้ที่รับการรักษาที่คลินิคจะไม่มียาชนิดนี้ ซึ่งขณะนี้ได้ให้กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เข้าไปดูเรื่องระบบการกระจายยาเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยาชนิดนี้ได้มากขึ้น
ส่วนกิจกรรมทางสังคม ยังเป็นเรื่องขอความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ในวันนี้ (22 ก.ค.) ที่จะมีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมลิเวอร์พูลกับทีมชาติไทย ก็จะขอความร่วมมือกับผู้จัด เพื่อติดตั้งเทอร์โมสแกน หากใครมีไข้สูงก็จะคืนเงินให้และส่งตัวกลับบ้านทันที

แหล่งข่าวที่ประชุม ครม.เปิดเผยว่า ในวันนี้ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปดูการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมชาติไทย กับทีมลิเวอร์พูลในเวลา 20.00 น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานด้วย โดยก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีกังวลที่จะตัดสินใจไปดูการแข่งขันฟุตบอลนัดดังกล่าว เนื่องจากแพทย์ห่วงและติงเรื่องการไปในสถานที่ที่มีคนมาชุมนุมจำนวนมากถึง 6 หมื่นคน ซึ่งรัฐบาลพยายามรณรงค์ให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก หรือห่วงเรื่องการจัดกิจกรรมทางสังคม หากนายอภิสิทธิ์ไปดูการแข่งขันฟุตบอล อาจจะถูกนำไปวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้ สธ.เข้าไปดูแลพร้อมมีการตรวจผู้เข้าร่วมชมการแข่งขันฟุตบอลอย่างเข้มงวด โดยต้องมีการนำเครื่องเทอร์โมสแกนไปติดตั้งหากพบใครมีไข้ ตัวร้อน เป็นหวัด ให้คืนตั๋วทันที เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด นอกจากนี้ยังมีผู้เสนอให้สวมใส่หน้ากากอนามัยเข้าชมฟุตบอลนัดดังกล่าว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ถามนายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หากสวมหน้ากากแล้วมีการถ่ายทอดไปทั่วโลกจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่ ซึ่งนายชุมพล ระบุว่า กระทบ แต่คงไม่มาก

ยอดผู้ติดเชื้อพุ่ง 5 หมื่นคน

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สธ.ได้รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดต่อที่ประชุม ครม.ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ที่ประมาณ 2 หมื่น แต่สัปดาห์นี้เพิ่มขึ้นเป็น 5 หมื่น ถือว่าเป็นตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง ที่สำคัญไม่มีประเทศไหนที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นต้องรณรงค์ประชาสัมพันธ์มาตรการต่างๆ ให้มากขึ้น

ทั้งนี้ ในวันที่ 22 ก.ค.นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำหน้าที่ชี้แจงสถานการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีที โดยกำชับให้ชี้แจงข้อเท็จจริง อย่าปกปิดข้อมูลเด็ดขาด

สธ.ตั้งเทอร์โมสแกน 6 เครื่องสกัด

นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ.กล่าวว่า ในการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างทีมสโมสรลิเวอร์พูล และทีมชาติไทย ในวันนี้ กรมควบคุมโรคจะนำเครื่องเทอร์โมสแกน 6 เครื่องไปติดตั้งหน้าประตูทางเข้า-ออก ของสนามฯทุกประตู เพื่อคัดกรองผู้ที่จะเข้าชมการแข่งขันฟุตบอล หากพบว่ามีไข้ให้กลับบ้านทันที โดยผู้จัดการแข่งขันจะคืนเงินค่าตั๋วในภายหลัง นอกจากนี้จะมีการตั้งเต้นท์ให้มีแพทย์ และพยาบาลประจำคอยตรวจวัดอุณหภูมิ และให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่จะเข้าชมและสงสัยว่าตนเองจะป่วยไข้ด้วย

นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า คาดว่าจะมีผู้เข้าชมการแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้ประมาณ 4-5 หมื่นคน แม้จะมีความปลอดภัยต่อการติดเชื้อมากกว่าการจัดแสดงคอนเสิร์ต เนื่องจากเป็นพื้นที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก แต่ยังสามารถแพร่กระจายเชื้อไปยังคนเข้าชมที่นั่งติดกับผู้ป่วยได้ง่าย จึงขอร้องให้คนป่วยพักรักษาตัวอยู่กับบ้าน เพราะการออกมาเผชิญแดด อาจทำให้อาการทรุดหนักลง

“หมอประเสริฐ” ชี้แรงกว่าหวัดฤดูกาล

ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิชาการและยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์ และการสาธารณสุขระดับชาติ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทย พบผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่มาพบแพทย์ช้า ประมาณ 6-8 วัน หลังจากมีอาการ ทั้งที่ควรมาพบแพทย์ภายใน 48 ชั่วโมง หากอาการไม่ดีขึ้น เพื่อให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ได้ผลดีที่สุด ทั้งนี้ ส่วนใหญ่พบว่า ผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบเพิ่มมากขึ้น ดูเหมือนว่าความรุนแรงของโรคมีแนวโน้มสูงกว่าโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล รวมถึงการที่ผู้ป่วยมีเพิ่มมากขึ้นทำให้การรักษาภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดมีคุณภาพลดลง

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการชัดเจนว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มีความรุนแรงกว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ตามฤดูการจริง จึงต้องทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดต่อไป

ทั้งนี้ หลังจากนี้ 2-8 สัปดาห์จะพบว่ามีผู้ป่วยและเสียชีวิตในเขตเมืองเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งเป็นขาขึ้นของการระบาด ในส่วนของในพื้นที่ต่างจังหวัดจะมีการระบาดสูงสุด ซึ่งแต่ละพื้นที่จะไม่พร้อมกัน แต่จะเกิดขึ้นในช่วง 60-120 วัน หลังจากนี้

แนะ.สธ. เพิ่มเครื่องช่วยหายใจ-เตียง

ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า เสนอให้สธ.วางแผนการจัดการทรัพยากรเพื่อดูแลผู้ป่วยในรายที่มีอาการหนัก โดยคณะกรรมการฯได้มอบหมายให้ นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ เป็นประธานคณะทำงานในการวางแผนในการเตรียมรับมือทางการแพทย์ในการระบาดของโรคในอนาคต โดยแบ่งเป็นระดับความรุนแรงว่า หากเพิ่มอยู่ในระดับใด จะต้องเตรียมเครื่องช่วยหายใจ แพทย์ทางด้านระบบทางเดินหายใจ จำนวนเตียง ห้องพักผู้ป่วย ฯลฯจำนวนเท่าใดตามแต่ละสถานการณ์การระบาดแต่ละระดับในอนาคต

นอกจากนี้คณะทำงานชุดดังกล่าวจะต้องประเมินสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อและแสดงอาการ จำนวนผู้ป่วยและ เสียชีวิต ผู้เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยนอกในสถานพยาบาล ฯลฯของไทย นำเสนอกลับมายังคณะกรรมการฯในสัปดาห์หน้า เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานข้อมูลในการเปรียบเทียบกับข้อมูลต่างประเทศ

สั่งทีมระบาดให้ตีโจทย์วิจัยเพิ่ม

ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นักวิจัยชาวญี่ปุ่นพบว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง ทั้งที่หวัดตามฤดูกาลจะอยู่ส่วนบน แค่จมูกและลำคอเท่านั้น องค์ความรู้ดังกล่าวต้องวิเคราะห์ของไทยเอง จะยึดถือของต่างประเทศไม่ได้ เพราะบริบทของประเทศไทยและญี่ปุ่นต่างกัน ซึ่งการนำข้อมูลต่างประเทศมาเทียบเคียงอาจทำให้เห็นภาพไม่ชัดเจน

“คณะกรรมการฯจึงได้มีการให้ฝ่ายระบาดวิทยาตั้งโจทย์กับงานวิจัยเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ทั้งตามฤดูกาล และสายพันธุ์ใหม่ทั้งหมด และได้นำคำถามเหล่านี้ให้นักวิจัยศึกษาหาข้อมูล เพื่อเป็นฐานข้อมูลของประเทศ ซึ่งข้อมูลที่มีในไทยพบน้อยมาก” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าว

“วิทยา-มานิต” บอกต้องยอมรับความจริง

ด้านนายวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้หารือกับนายมานิต นพอมรบดี รมช.สธ. แบ่งพื้นที่ในการตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลในต่างจังหวัด คนละ 5 แห่ง ในวันที่ 22 ก.ค.นี้ เพื่อตรวจช่องทางพิเศษในการเฝ้าระวังโรค การสำรองยาในโรงพยาบาลมีเพียงพอหรือไม่ การกระจายยาจากส่วนกลางสู่ส่วนภูมิภาคเป็นอย่างไร และรับทราบปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานในโรงพยาบาลต่างจังหวัด ซึ่งขณะนี้นโยบายจะต้องนำไปสู่การปฎิบัติ เนื่องจากได้รับทราบข้อมูลว่า ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ยังลงไปไม่ถึงโรงพยาบาลในชุมชน

“ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเท่าใดนั้นไม่สามารถบอกได้ ซึ่งในที่ประชุม ครม.ไม่มีการรายงานตัวเลขยืนยันผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด เป็นเพียงการประมาณการณ์ เพราะขณะนี้สำนักระบาดวิทยาอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลอยู่ ซึ่งหากจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นก็ต้องยอมรับความเป็นจริง” นายวิทยากล่าว

สธ. ส่งยาต้านตจว.อีก1.2 ล้านเม็ด

นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในวันนี้ สธ. จะจัดส่งยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ กระจายไปยังโรงพยาบาลทุกแห่งในสังกัด สธ. เพิ่มอีก 1.2 ล้านเม็ด รวมทั้งโรงพยาบาลชุมชนด้วย เพื่อให้มีศักยภาพรองรับผู้ป่วย ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ สธ. ได้จัดส่งยาต้านไวรัสไปแล้วจำนวน 1 ล้านเม็ด นอกจากนี้ในวันที่ 22 ก.ค.นี้ ทุกๆ จังหวัด จะมีการประชุมทีมแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางมาตรการการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ขณะนี้การระบาดเริ่มขยายไปยังต่างจังหวัดแล้ว และในอนาคตอาจจะระบาดไปตามชุมชนต่างๆได้

รพ.เด็กรับตัวเด็กคลอดก่อนกำหนดแม่ตาย

นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ก.ค. สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ได้รับการส่งตัวทารกที่คลอดก่อนกำหนดอายุครรภ์ 6 เดือน ส่งมาจากโรงพยาบาลนครธน ซึ่งมารดาเสียชีวิตจากอาการปอดอักเสบ โดยไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต ว่าจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หรือไม่ มีอาการออกซิเจนต่ำ คณะแพทย์ของโรงพยาบาลนครธน จึงได้ตัดสินช่วยเหลือทารกก่อน
 
ทั้งนี้ ขณะนี้อาการของทารกรายดังกล่าวถือว่าหนักมาก เพราะอาการของเด็กคลอดก่อนกำหนดในช่วงระยะเวลา 6 เดือน ปอดยังทำงานได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งเกิดภาวะขาดอากาศหายใจ จึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจพิเศษ และยังใช้แก๊สช่วยในการหายใจ

พิจิตรสั่งปิด4ร.ร.ติดหวัดธรรมกาย

นายสมชัย หทยะตันติ ผวจ.พิจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ จ.พิจิตร มีการแพร่ระบาดลุกลามเข้าไปในโรงเรียนต่างๆ โดยมีผู้ป่วยสะสม 73 ราย และมีถึง 34 ราย ที่ต้องนอนในโรงพยาบาล โดยเด็กที่ป่วยล้วนเคยมีประวัติไปทำกิจกรรมที่วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี เมื่อสัปดาห์ก่อน

ต่อมาผวจ.พิจิตร ได้หารือกับผู้บริหารสถานศึกษาใช้มาตรการสุดท้าย ด้วยการสั่งปิดโรงเรียนพิจิตรพิทยาคม ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด มีนักเรียนมากกว่า 3 พันคน, ร.ร.อนุบาลพิจิตร, ร.ร.อนุบาลบางมูลนาก และร.ร.เทศบาลบ้านปากทาง ซึ่งรวมแล้วทั้ง 4 โรงเรียน มีเด็กนักเรียนรวมกันมากกว่า 6 พันคน ตั้งแต่วานนี้ (21 ก.ค.) และให้เปิดทำการเรียนการสอนอีกครั้งในวันที่ 27 ก.ค.52 และช่วงนี้ให้ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคในโรงเรียนทั้งหมด ทั้งให้นักเรียนทุกคนอยู่ในการเฝ้าระวังของแพทย์อยู่ที่บ้านอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กนักเรียนที่ล้มป่วยกระจัดกระจายอยู่ในโรงเรียนต่างๆ อีกมาก เช่น ร.ร.ตะพานหิน, ร.ร.เทศบาล 2 วัดชัยมงคล, ร.ร.นรบุตรศึกษา, ร.ร.วังหลุมวิทยาคาร, ร.ร.อนุบาลบางมูลนาก, ร.ร.สามง่ามชนูปถัมภ์, ร.ร.ทุ่งโพธิ์ และ มีจำนวน 9 รายที่เป็นนักเรียนที่ไปเข้าค่ายคุณธรรมที่วัดธรรมกาย ซึ่งได้ทยอยสั่งให้หยุดเรียนด้วยแล้วเช่นกัน และมีแนวโน้มว่าอาจจะต้องสั่งปิดโรงเรียนทั้งจังหวัดในเร็ววันนี้

สพฐ.เผยนร.ติดจากคอนเสิร์ตเพียบ
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีการปิดโรงเรียนในช่วงของการระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่า มีรายงานเด็กนักเรียนที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เข้ามาเป็นระยะๆ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากการเข้าไปดูคอนเสิร์ต หรือการอยู่ในที่ชุมนุมที่มีคนอยู่จำนวนมาก เพราะฉะนั้นจึงได้มีการแจ้งไปยังแต่ละโรงเรียนให้หลีกเลี่ยงการนำเด็กเข้าไปสู่ที่ชุมชุมที่มีคนจำนวนมาก แต่หากจะทำก็ต้องมีมาตรการเพื่อรับมือ

ทั้งนี้ ที่มีรายงานการปิดโรงเรียนเข้ามาแล้วประมาณ102 แห่ง แต่ความจริงแล้วจากการลงพื้นที่ตามต่างจังหวัดก็ยอมรับว่ามีมากกว่านี้ และในช่วงที่ปิดเรียนหลายวันเด็กจาก กทม.ที่กลับต่างจังหวัด ก็มีการนำเชื้อกลับไปด้วย

อย่างไรก็ตาม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศธ. ได้สั่งการให้ทำหนังสือกำชับไปยังโรงเรียนในเรื่องการคัดกรองเด็กนักเรียน ที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะพบโรงเรียนบางแห่งทำความสะอาดใหญ่เพียงแค่วันเดียวแล้วก็หยุดไม่ทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ไม่ถูกต้อง

นักเรียนติดหวัดธรรมกายเพียบ

นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ขอนแก่น เขต 5 กล่าวว่า จากที่นักเรียนในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จ.ขอนแก่น เขต 5 จำนวนกว่า 200 คน ใน 6 โรงเรียน เข้าร่วมโครงการ “วันรวมพลังเด็กดี V-Star” ครั้งที่ 3 ณ วัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่ามีเด็กกลับมาป่วยจำนวนมาก และได้รับการยืนยันจากแพทย์แล้วว่า เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ดังนั้นจึงได้ทยอยสั่งปิดการเรียนการสอนทั้ง 6 โรงเรียนแล้ว พร้อมสั่งกำชับให้โรงเรียนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ถ้ากลับมาเปิดสอนแล้วยังพบว่าเด็กยังคงป่วยจำนวนมาก ก็ให้เป็นดุลยพินิจของผู้อำนวยการโรงเรียนที่จะสั่งปิดต่อเนื่องได้ทันที

ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีเด็กที่เข้าร่วมกิจกรรม “วันรวมพลังเด็กดี V-Star” ครั้งที่ 3 ณ วัดพระธรรมกาย ในวันที่ 11 ก.ค. ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งตนจะได้ตรวจสอบไปยังเขตพื้นที่ฯ ต่างๆ เพื่อติดตามผลอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้คงต้องดูระยะเวลาการแพร่ระบาดด้วย เพราะหากเกินกว่า 1 สัปดาห์ แล้ว นักเรียนจึงจะมีอาการป่วยนั้น อาจจะเป็นไปด้วยปัจจัยอื่นๆ ก็ได้ ซึ่งตนจะได้ติดตามดูต่อไป

เตรียมใช้ “ปังปอนด์”รณรงค์เด็ก

พญ. มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยภายหลังการร่วมประชุมเพื่อหาแนวป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในกลุ่มเด็กและเยาวชน ร่วมกับตัวแทนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และตัวแทนจากบริษัท วิธิตา แอนิเมชั่น เจ้าของลิขสิทธิ์การ์ตูนแอนิเมชั่น ปังปอนด์ว่า ขณะนี้การแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ที่ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุด ดังนั้น กทม.จึงได้เชิญตัวแทนจากภาครัฐ และเอกชนมาช่วยกันหาแนวทางป้องกัน เบื้องต้นจากการหารือจะใช้ตัวการ์ตูน "ปังปอนด์" เป็นตัวแทนสื่อการประชาสัมพันธ์รณรงค์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มเด็กตั้งแต่ชั้นประถมไปจนถึงมัธยม

ฮูระบุยอดตายจากหวัดเพิ่มเป็น700

องค์การอนามัยโลกแถลงวานนี้ (21ก.ค.) โดยระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกเมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมาได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 700 รายแล้ว โดยที่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน องค์การอนามัยโลกให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 429 ราย สำหรับยอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วในขณะนี้นั้น มีประมาณ 125,000 ราย

อาภาลักษณ์ ปาติยเสวี โฆษกหญิงขององค์การอนามัยโลกออกมาเปิดเผยว่า ทางองค์การอนามัยโลกทราบดีว่าประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีระดับของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้แตกต่างกันออกไป ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อและระยะเวลา ดังนั้นทางองค์การอนามัยโลกจึงเห็นว่า รัฐบาลของประเทศต่างๆ ควรพิจารณาทางเลือกและมาตรการต่างๆ ที่จะนำมาใช้เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อให้ช้าลงด้วยตนเองตามความเหมาะสมของสถานการณ์ในประเทศ

"มาตรการสั่งปิดโรงเรียนถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ สามารถนำไปพิจารณา" 

ผลวิจัยชี้ปิดโรงเรียนไม่ช่วยป้องกัน

ทางด้านทีมวิจัยจากอิมพีเรียลคอลเลจในลอนดอนเผยผลวิจัยล่าสุดว่า การปิดโรงเรียนไม่อาจยับยั้งการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ และยังเป็นการเพิ่มภาระแก่โรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น เนื่องจากทำให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปตรวจที่โรงพยาบาลมากขึ้นในช่วงที่โรงเรียนปิด

ทีมวิจัยชี้ว่าการปิดโรงเรียนยังทำให้เจ้าหน้าที่ตามโรงพยาบาลขาดแคลนมากขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นสตรี และผลสำรวจความเห็นล่าสุดชี้ว่าร้อยละ 21 ของเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าอาจต้องลางาน เพื่อดูแลบุตรหลานที่บ้านหากโรงเรียนปิด
ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ศึกษารูปแบบการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในปี 1918,1957, และ1968 รวมทั้งช่วงปิดภาคเรียนในฝรั่งเศสและช่วงที่ครูอิสราเอลผละงานประท้วงโดยพบว่าแม้การระบาดจะลดลงเมื่อโรงเรียนปิด แต่เมื่อโรงเรียนเปิดอีกครั้ง ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทันที

ไต้หวันบอกพบอาวุธใหม่สู้หวัดมรณะ

คณะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (เอ็นทียู) แถลงวานนี้ (21ก.ค.)ว่า พวกเขาประสบความสำเร็จในการพัฒนาสารประกอบอินทรีย์ ที่พวกเขาตั้งชื่อว่า เอ็นทียู-ไวรัสบอม (NTU-VirusBom) ซึ่งสามารถทำลายไวรัสอย่างเช่น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือที่เรียกกันว่าไวรัส เอ (เอช1เอ็น1) ตลอดจนไวรัสไข้หวัดนก รวมทั้งสามารถหยุดยั้งการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้นว่าพวกที่ทำให้เกิดโรค staph infection

ทีมนักวิจัยนี้บอกว่า สารประกอบนี้สามารถใช้ใส่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง เช่น ผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัย, ผงซักฟอก, และเครื่องกรองอากาศ ทั้งนี้พวกเขาได้เริ่มต้นวิจัยเพื่อพัฒนาสารตัวนี้ตั้งแต่ปี 2006 โดยขณะนั้นมุ่งที่จะใช้สู้กับไวรัสไข้หวัดนก เอช5 เอ็น1

เวลานี้เทคโนโลยีนี้ได้ส่งผ่านไปให้แก่บริษัทไต้หวันแห่งหนึ่ง เพื่อนำเอาสารประกอบนี้ไปใส่ในผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาเป็นจำนวนมากๆ ทั้งหลาย ศาสตราจารย์ หลินซื่อหมิง หนึ่งในคณะนักวิจัยนี้กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์อย่างแรกน่าจะออกสู่ตลาดได้ในเดือนกันยายนนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น