ไข้หวัดฉุดยอดนักท่องเที่ยวไทย-เทศหาย ส.โรงแรมไทยประเมินปีนี้ชาวต่างชาติเที่ยวไทยไม่ถึง 10 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายที่ปรับลดแล้วอีกกว่า 10% ยอมรับขณะนี้ทุนข้ามชาติจากสิงคโปร์ จีน ตะวันออกกลางรุมจีบขอซื้อกิจการโรงแรมไทย เชื่อถ้าได้ราคาดีผู้ประกอบการมีหวังถอดใจขายทิ้ง
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยลดลงทั่วประเทศ ซึ่งเป็นเพราะการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 จึงมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวครึ่งปีหลังยังไม่น่าจะฟื้นเป็นปกติได้ตามที่คาดหวังไว้ โดยทีเอชเอประเมินว่าจากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดปีนี้อาจได้ไม่ถึง 10 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่าที่เคยประเมินว่าจะได้ 11.2 ล้านคน และยังต่ำกว่าตัวเลขที่ ททท.คาดการณ์ว่าจะได้นักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ที่กว่า 13 ล้านคน
ทั้งนี้อัตราเข้าพักนักท่องเที่ยวต่างชาติครึ่งปีแรกเฉลี่ย 50% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ 69-70% เพราะปัจจัยลบที่มีผลกับการท่องเที่ยวของประเทศมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การปิดสนามบิน เหตุการณ์ล้มประชุมผู้นำอาเซียนที่พัทยา และเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่จบสิ้น ทำให้นักท่องเที่ยวชะการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว และการตัดสินใจที่จะยังไม่มาประเทศไทย
นายประกิจ ยังกล่าวอีกว่า ตลาดคนไทย ที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมให้หน่วยงานราชการ และหน่วยงานเอกชน จัดเดินทางสัมมนาภายใน
ประเทศ(โดเมสติกไมซ์) ก็ยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม บางรายที่จองไว้ก็เลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง สาเหตุเพราะข่าวการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009
“ขณะนี้โรงแรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจะเป็นระดับ 3-4 ดาว เพราะ ส่วนใหญ่รับรองลูกค้าคนไทยทั้งกรุ๊ปและนักท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งขณะนี้ชะลอตัวทั้งหมด โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นคนไทย และคนท้องถิ่น มีเงินทุนไม่มากนัก ทำให้ไม่สามารถแบกรับภาระธุรกิจซบเซาต่อเนื่องได้ยาวนานนัก ”
อย่างไรก็ตามต้องการให้รัฐบาลเร่งหามาตรการควบคุมการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ไม่ให้แพร่กระจายไปมากกว่านี้ เว้นระยะห่างในการแถลงข่าวสถิติผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต แต่ไม่ต้องถึงกับปิดเป็นความลับ เพื่อลดความเครียดและผลกระทบทางจิตวิทยาลงบ้าง
นายประกิจ กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้มีกลุ่มทุนจากต่างประเทศ อาทิ ตะวันออกกลาง จีน และสิงคโปร์ ติดต่อผ่านมายังทีเอชเอ แจงความประสงค์ ต้องการซื้อหรือเข้าไปร่วมทุนในกิจการโรงแรมในประเทศไทย โลเกชั่นที่สนใจ คือ กรุงเทพฯและภูเก็ต เม็ดเงินลงทุนรายละประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดตกลงขาย เพราะส่วนใหญ่เสนอราคาถูกเกินจริง แต่หากได้ราคาที่น่าพอใจ ก็อาจตัดสินใจขายได้เช่นกัน
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยลดลงทั่วประเทศ ซึ่งเป็นเพราะการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 จึงมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวครึ่งปีหลังยังไม่น่าจะฟื้นเป็นปกติได้ตามที่คาดหวังไว้ โดยทีเอชเอประเมินว่าจากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดปีนี้อาจได้ไม่ถึง 10 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่าที่เคยประเมินว่าจะได้ 11.2 ล้านคน และยังต่ำกว่าตัวเลขที่ ททท.คาดการณ์ว่าจะได้นักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ที่กว่า 13 ล้านคน
ทั้งนี้อัตราเข้าพักนักท่องเที่ยวต่างชาติครึ่งปีแรกเฉลี่ย 50% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ 69-70% เพราะปัจจัยลบที่มีผลกับการท่องเที่ยวของประเทศมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การปิดสนามบิน เหตุการณ์ล้มประชุมผู้นำอาเซียนที่พัทยา และเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่จบสิ้น ทำให้นักท่องเที่ยวชะการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว และการตัดสินใจที่จะยังไม่มาประเทศไทย
นายประกิจ ยังกล่าวอีกว่า ตลาดคนไทย ที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมให้หน่วยงานราชการ และหน่วยงานเอกชน จัดเดินทางสัมมนาภายใน
ประเทศ(โดเมสติกไมซ์) ก็ยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม บางรายที่จองไว้ก็เลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง สาเหตุเพราะข่าวการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009
“ขณะนี้โรงแรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจะเป็นระดับ 3-4 ดาว เพราะ ส่วนใหญ่รับรองลูกค้าคนไทยทั้งกรุ๊ปและนักท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งขณะนี้ชะลอตัวทั้งหมด โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นคนไทย และคนท้องถิ่น มีเงินทุนไม่มากนัก ทำให้ไม่สามารถแบกรับภาระธุรกิจซบเซาต่อเนื่องได้ยาวนานนัก ”
อย่างไรก็ตามต้องการให้รัฐบาลเร่งหามาตรการควบคุมการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ไม่ให้แพร่กระจายไปมากกว่านี้ เว้นระยะห่างในการแถลงข่าวสถิติผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต แต่ไม่ต้องถึงกับปิดเป็นความลับ เพื่อลดความเครียดและผลกระทบทางจิตวิทยาลงบ้าง
นายประกิจ กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้มีกลุ่มทุนจากต่างประเทศ อาทิ ตะวันออกกลาง จีน และสิงคโปร์ ติดต่อผ่านมายังทีเอชเอ แจงความประสงค์ ต้องการซื้อหรือเข้าไปร่วมทุนในกิจการโรงแรมในประเทศไทย โลเกชั่นที่สนใจ คือ กรุงเทพฯและภูเก็ต เม็ดเงินลงทุนรายละประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดตกลงขาย เพราะส่วนใหญ่เสนอราคาถูกเกินจริง แต่หากได้ราคาที่น่าพอใจ ก็อาจตัดสินใจขายได้เช่นกัน
