นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วยนายนที จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายฐาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ร่วมกันแถลงข่าว วานนี้ (16 ก.ค.) ถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงล่ารายชื่อยื่นฎีกาขอพระราชอภัยโทษพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า การขอพระราชทานอภัยโทษเป็นพระราชอำนาจตามที่กำหนดไว้ ตามรัฐธรรมนูญทุกฉบับ แต่การขอพระราชทานอภัยโทษต้องเป็นกรณีผู้ที่จะยื่นขอพระราชทานต้องสำนึกที่ได้กระทำความผิดที่ได้ทำไป แต่ที่จากการติดตจามข่าวสารการยื่น ขอพระราชทานอภัยโทษของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ตรงหลักเพราะวัตถุประสงค์ขอผู้ยื่น ที่บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ทำผิด ซึ่งหากใช้หลักอย่างนี้เป็นการขอให้กลับคำพิพากษาไม่ใช่เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนจะเปิดให้กระทำได้
ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญการจะขอพระราชทานอภัยโทษก็เพื่อลดหย่อนโทษ หรือ ลดโทษ แต่ไม่ใช่ใช้เหตุผลว่าไม่ได้ทำผิด ดังนั้นการจะขอพระราชทานอภัยโทษ การพิจารณาจะต้องผ่าน 3 ศาลแล้วถูกพิพากษาว่าทำผิดจึงขอพระราชทานอภัยโทษได้
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า คนที่อยากขอพระราชทานอภัยโทษต้องทำตามเงื่อนไข กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาก่อน กล่าวคือผู้ยื่นขอพระราชทานต้องเป็นผู้ต้อง คำพิพากษาก่อนและผู้ที่จะสามารถขอพระราชทานอภัยโทษได้ต้องเป็นเจ้าตัว ญาติ พี่น้อง พ่อแม่ ลูกหลานเท่านั้นหากผู้อื่นมายื่นจะไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย และมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งการรวบรวมรายชื่อจะเป็นกี่ล้านคนก็ไม่เข้าเงื่อนไข
คนที่พยายามเคลื่อนไหวก็น่าจะรู้หลักเกณฑ์ จึงไม่เข้าใจว่าการเคลื่อนไหว เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษกระทำเพื่อการใด ดังนั้นการรวบรวมรายชื่อจึงไม่มีประโยชน์และไม่เป็นประเด็นต่อการขอพระราชทาน ซึ่งการไปรวบรวมรายชื่อเท่ากับว่า เมื่อรู้อยู่แล้วว่าไม่เข้า มาตรา259 ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฯก็ยังทำ และหากทำถูกขั้นตอนเมื่อเรื่องมาถึงผมก็ต้องเสนอความเห็นกลับไปที่กรมราชฑัณฑ์ เพื่อพิจารณาว่า ระหว่างอยู่ในเรือนจำนักโทษคนนั้นมีพฤติกรรมอย่างไร โดยเฉพาะการจะพิจารณาจะต้องดูด้วยว่านักโทษได้รับโทษอยู่ในคุกนานแค่ไหนมาแล้ว ซึ่งอย่างน้อยก็ต้องได้รับโทษมา 10-15ปี ถ้ามีพฤติกรรมดีก็เอามาประกอบการพิจารณาได้ ซึ่งอาจจะลดโทษให้1ใน3หรือ1ใน5 เป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้โดยทั่วไป และไม่มีใครใช้ช่องทางพิเศษได้ หรือนักโทษที่จะได้อภัยโทษก็ต้องเป็นโรคร้ายเท่านั้น
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่าส่วนตัวเป็นห่วงว่าจะมีความเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดอะไรขึ้นมา ประชาชนที่ไปร่วมลงชื่ออาจถูกชักนำจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายเข้าใจผิด ในการใช้พระราชอำนาจได้ ที่น่าเป็นห่วงคือประชาชนจำนวนมากที่เข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้ ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรยุติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าตามหลักเกณฑ์ พ.ต.ท.ทักษิณต้องกลับมาติดคุกก่อน หรือไม่ ถึงจะยื่นถวายฎีกาอภัยโทษได้ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ถ้าจำเลยที่ฟังคำพิพากษา แล้วศาลสั่งจำคุกถึงที่สุดแล้วทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่ศาลก็จะพาเข้าคุกทันที ดังนั้นปกติก็ต้องเข้าคุกทันทีอยู่แล้ว แต่ว่ากรณีนี้ไม่ได้เข้าคุกก่อนแต่ประเด็นอยู่ที่ว่า ยื่นมาแล้วต้องรับผิด และขอลดหย่อนโทษ ไม่ใช่ขอมาว่าไม่ฉันไม่ผิด หรือให้มีพระบรมราชวินิฉัยมาว่า ที่ทำมานั้นไม่ผิด และถ้าจะดำเนินการมาก็ขอให้ดำเนินการ ให้ถูกต้อง
ส่วนหากกลุ่มคนเสื้อแดงยังยืนยันที่จะยื่นฎีกาจะทำอย่างไร นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไปห้ามอะไรไม่ได้จะเดินหน้าต่อไปก็เป็นเสรีภาพ แต่ต้องรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำ ไม่เข้าเงื่อนไขของกฎหมาย ต่อข้อถามว่า คนเสื้อแดงจะใช้เส้นทางโดยตรงส่งเข้าวังจะทำได้หรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า สุดท้ายเรื่องก็ต้องส่งกลับมาที่กระทรวงยุติธรรม และถ้ายื่นเรื่องมาโดยไม่ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ตนก็ไม่ต้องทำอะไร ยื่นมาก็ลงรับ แต่ไม่ดำเนินการอะไรต่อเพราะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ถ้าทำต่อตนก็จะกลายเป็นคนทำผิดกฎหมาย
วานนี้ (16 ก.ค.) กลุ่มสยามสามัคคี ซึ่งประกอบด้วย พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม พล.อ. ภาษิต สนธิขันธ์ พล.ท. นันทเดช เมฆสวัสดิ์ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายวรินทร์ เทียมจรัส นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา น.พ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีต รมช.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 คำเตือนผู้ร่วมขบวนการมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า
ตามที่กลุ่มสยามสามัคคีได้ออกมาคัดค้าน ขบวนการล่ารายชื่อ 1 ล้านรายชื่อ เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ น.ช.ทักษิณ มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วนั้น ปรากฏว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้รับการนำพาจากกลุ่มผู้ก่อการล่ารายชื่อ แต่อย่างใด รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ทั้งทางการเมือง และทางกฎหมาย ก็มิได้ออกมาแสดง ความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งๆ ที่การถวายฎีกาดังกล่าวนั้นมีถ้อยคำ และเนื้อหาจงใจ ฉ้อฉลและซ่อนเร้นความจริงที่มุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องต่อ
1.รัฐบาล จะต้องตระหนักว่า เครือข่าย นช. ทักษิณ มีการกระทำที่มุ่ง ถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเป็นระบบ และขยายผลต่อเนื่อง กว้างขวาง รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ โดยตรงในการดำเนินการตามกฎหมาย จะต้องตอบโต้ พร้อมทั้งให้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องต่อประชาชนอย่างจริงจัง
2.กองทัพ มีหน้าที่รักษา และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญ ต้องแสดงท่าทีคัดค้าน ตอบโต้ หรือดำเนินการอย่างใด เพื่อไม่ให้การกระทำของ ขบวนการดังกล่าวลุกลาม เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และประเทศชาติมากไปกว่านี้
3.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องพิจารณาการกระทำของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคน ที่ไปดำเนินการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อถวายฎีกา ซึ่งเป็นการกระทำผิดวัตถุประสงค์ของพรรคการเมือง และเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่าพรรคเพื่อไทย รู้เห็นเป็นใจหรือไม่ อย่างไร หากเห็นว่าเป็นความผิด กกต.จะต้องดำเนินการตาม กฎหมายโดยทันที
เพื่อไม่ให้ขบวนการดังกล่าวนี้สร้างความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และประเทศชาติมากไปกว่านี้ กลุ่มสยามสามัคคีขอเรียกร้องให้ ประชาชนคนไทย และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ร่วมกันคัดค้านพฤติกรรมของ นช. ทักษิณและขบวนการ ถวายฎีกาอันฉ้อฉล ผู้ใดที่ร่วมลงนามถวายฎีกา อาจมีความผิดในข้อหาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญการจะขอพระราชทานอภัยโทษก็เพื่อลดหย่อนโทษ หรือ ลดโทษ แต่ไม่ใช่ใช้เหตุผลว่าไม่ได้ทำผิด ดังนั้นการจะขอพระราชทานอภัยโทษ การพิจารณาจะต้องผ่าน 3 ศาลแล้วถูกพิพากษาว่าทำผิดจึงขอพระราชทานอภัยโทษได้
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า คนที่อยากขอพระราชทานอภัยโทษต้องทำตามเงื่อนไข กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาก่อน กล่าวคือผู้ยื่นขอพระราชทานต้องเป็นผู้ต้อง คำพิพากษาก่อนและผู้ที่จะสามารถขอพระราชทานอภัยโทษได้ต้องเป็นเจ้าตัว ญาติ พี่น้อง พ่อแม่ ลูกหลานเท่านั้นหากผู้อื่นมายื่นจะไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย และมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งการรวบรวมรายชื่อจะเป็นกี่ล้านคนก็ไม่เข้าเงื่อนไข
คนที่พยายามเคลื่อนไหวก็น่าจะรู้หลักเกณฑ์ จึงไม่เข้าใจว่าการเคลื่อนไหว เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษกระทำเพื่อการใด ดังนั้นการรวบรวมรายชื่อจึงไม่มีประโยชน์และไม่เป็นประเด็นต่อการขอพระราชทาน ซึ่งการไปรวบรวมรายชื่อเท่ากับว่า เมื่อรู้อยู่แล้วว่าไม่เข้า มาตรา259 ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฯก็ยังทำ และหากทำถูกขั้นตอนเมื่อเรื่องมาถึงผมก็ต้องเสนอความเห็นกลับไปที่กรมราชฑัณฑ์ เพื่อพิจารณาว่า ระหว่างอยู่ในเรือนจำนักโทษคนนั้นมีพฤติกรรมอย่างไร โดยเฉพาะการจะพิจารณาจะต้องดูด้วยว่านักโทษได้รับโทษอยู่ในคุกนานแค่ไหนมาแล้ว ซึ่งอย่างน้อยก็ต้องได้รับโทษมา 10-15ปี ถ้ามีพฤติกรรมดีก็เอามาประกอบการพิจารณาได้ ซึ่งอาจจะลดโทษให้1ใน3หรือ1ใน5 เป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้โดยทั่วไป และไม่มีใครใช้ช่องทางพิเศษได้ หรือนักโทษที่จะได้อภัยโทษก็ต้องเป็นโรคร้ายเท่านั้น
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่าส่วนตัวเป็นห่วงว่าจะมีความเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดอะไรขึ้นมา ประชาชนที่ไปร่วมลงชื่ออาจถูกชักนำจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายเข้าใจผิด ในการใช้พระราชอำนาจได้ ที่น่าเป็นห่วงคือประชาชนจำนวนมากที่เข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้ ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรยุติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าตามหลักเกณฑ์ พ.ต.ท.ทักษิณต้องกลับมาติดคุกก่อน หรือไม่ ถึงจะยื่นถวายฎีกาอภัยโทษได้ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ถ้าจำเลยที่ฟังคำพิพากษา แล้วศาลสั่งจำคุกถึงที่สุดแล้วทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่ศาลก็จะพาเข้าคุกทันที ดังนั้นปกติก็ต้องเข้าคุกทันทีอยู่แล้ว แต่ว่ากรณีนี้ไม่ได้เข้าคุกก่อนแต่ประเด็นอยู่ที่ว่า ยื่นมาแล้วต้องรับผิด และขอลดหย่อนโทษ ไม่ใช่ขอมาว่าไม่ฉันไม่ผิด หรือให้มีพระบรมราชวินิฉัยมาว่า ที่ทำมานั้นไม่ผิด และถ้าจะดำเนินการมาก็ขอให้ดำเนินการ ให้ถูกต้อง
ส่วนหากกลุ่มคนเสื้อแดงยังยืนยันที่จะยื่นฎีกาจะทำอย่างไร นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไปห้ามอะไรไม่ได้จะเดินหน้าต่อไปก็เป็นเสรีภาพ แต่ต้องรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำ ไม่เข้าเงื่อนไขของกฎหมาย ต่อข้อถามว่า คนเสื้อแดงจะใช้เส้นทางโดยตรงส่งเข้าวังจะทำได้หรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า สุดท้ายเรื่องก็ต้องส่งกลับมาที่กระทรวงยุติธรรม และถ้ายื่นเรื่องมาโดยไม่ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ตนก็ไม่ต้องทำอะไร ยื่นมาก็ลงรับ แต่ไม่ดำเนินการอะไรต่อเพราะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ถ้าทำต่อตนก็จะกลายเป็นคนทำผิดกฎหมาย
วานนี้ (16 ก.ค.) กลุ่มสยามสามัคคี ซึ่งประกอบด้วย พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม พล.อ. ภาษิต สนธิขันธ์ พล.ท. นันทเดช เมฆสวัสดิ์ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายวรินทร์ เทียมจรัส นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา น.พ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีต รมช.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 คำเตือนผู้ร่วมขบวนการมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า
ตามที่กลุ่มสยามสามัคคีได้ออกมาคัดค้าน ขบวนการล่ารายชื่อ 1 ล้านรายชื่อ เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ น.ช.ทักษิณ มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วนั้น ปรากฏว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้รับการนำพาจากกลุ่มผู้ก่อการล่ารายชื่อ แต่อย่างใด รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ทั้งทางการเมือง และทางกฎหมาย ก็มิได้ออกมาแสดง ความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งๆ ที่การถวายฎีกาดังกล่าวนั้นมีถ้อยคำ และเนื้อหาจงใจ ฉ้อฉลและซ่อนเร้นความจริงที่มุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องต่อ
1.รัฐบาล จะต้องตระหนักว่า เครือข่าย นช. ทักษิณ มีการกระทำที่มุ่ง ถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเป็นระบบ และขยายผลต่อเนื่อง กว้างขวาง รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ โดยตรงในการดำเนินการตามกฎหมาย จะต้องตอบโต้ พร้อมทั้งให้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องต่อประชาชนอย่างจริงจัง
2.กองทัพ มีหน้าที่รักษา และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญ ต้องแสดงท่าทีคัดค้าน ตอบโต้ หรือดำเนินการอย่างใด เพื่อไม่ให้การกระทำของ ขบวนการดังกล่าวลุกลาม เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และประเทศชาติมากไปกว่านี้
3.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องพิจารณาการกระทำของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคน ที่ไปดำเนินการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อถวายฎีกา ซึ่งเป็นการกระทำผิดวัตถุประสงค์ของพรรคการเมือง และเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่าพรรคเพื่อไทย รู้เห็นเป็นใจหรือไม่ อย่างไร หากเห็นว่าเป็นความผิด กกต.จะต้องดำเนินการตาม กฎหมายโดยทันที
เพื่อไม่ให้ขบวนการดังกล่าวนี้สร้างความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และประเทศชาติมากไปกว่านี้ กลุ่มสยามสามัคคีขอเรียกร้องให้ ประชาชนคนไทย และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ร่วมกันคัดค้านพฤติกรรมของ นช. ทักษิณและขบวนการ ถวายฎีกาอันฉ้อฉล ผู้ใดที่ร่วมลงนามถวายฎีกา อาจมีความผิดในข้อหาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
