กมธ.พิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ แฉแผนล่ารายชื่อถวายฎีกาพ่อแม้วเชื่อโยงเปลี่ยนวันชาติ มุ่งร้ายต่อสถาบันเบื้องสูง ชี้ไม่เข้าข่ายการขอภัยโทษ ตำหนิอย่าใช้มวลชนแค่หยิบมือกดดันพระราชอำนาจ จี้รัฐบาลอย่านิ่งเฉยตีแผ่แผนร้ายให้ปชช.รับทราบกระบวนการจาบจ้วง
วันนี้ (30 มิ.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา มี พล.อ.อ.ณพฤษภ์ มัณฑะจิตร ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุมพิจารณากรณีแกนนำกลุ่มเสื้อแดงเตรียมล่ารายชื่อประชาชนเพื่อถวายฎีกาช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
จากนั้นเวลา 12.00 น. พล.อ.อ.ณพฤษภ์ แถลงว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมามีเหตุเกิดขึ้นที่เหมือนเป็นการมุ่งร้ายต่อสถาบัน อาจก่อผลร้ายแรงระหว่างประชาชนแต่ละฝ่าย ทั้งข่าวการที่กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งจะรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อถวายฎีกา การเปลี่ยนวันชาติ การจัดสัมมนา คณะกรรมาธิการมีความเป็นห่วง และขอเร่งรัดให้รัฐบาลดำเนินการตามที่ได้แถลงนโยบายไว้คือ การปกป้องสถาบัน และขอให้ออกมาตอบโต้กับเรื่องดังกล่าว และขอวิงวอนประชาชนมีสติ รอบคอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว
ด้าน นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เลขานุการคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า กรณีมีข่าวว่า กลุ่มบุคคลจะรวบรวมรายชื่อประชาชนถวายฎีกาเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อตรวจสอบจากข้อกฎหมายและหลักเกณฑ์ พบว่า ไม่เข้าหลักเกณฑ์ใด โดยเฉพาะในส่วนการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย เพราะผู้มีสิทธิขอคือ ผู้ต้องโทษ หรือบิดา มารดา บุตร คู่สมรสของผู้ต้องโทษ ส่วนบุคคลคนอื่นจะมาดำเนินการให้ไม่ได้ ทั้งนี้ การยื่นถวายฎีกาแม้จะเป็นสิทธิ์ของประชาชน แต่ในทางปฏิบัติ การยื่นถวายฎีกาทั้งที่รู้ว่าไม่เข้าเกณฑ์ มีข้อสงสัยว่าเป็นวาระซ่อนเร้นหรือไม่ โดยเฉพาะการล่าชื่อประชาชนซึ่งจะทำให้เป็นการกดดันพระราชอำนาจตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
นายคำนูณกล่าวว่า หากพิจารณาถึงบริบทแวดล้อมในเรื่องนี้พบว่า ข่าวเรื่องดังกล่าวเกิดหลังกิจกรรมสัมมนาเรื่องตามหาวันชาติ และก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 พ.ต.ท.ทักษิณก็โฟนอินมาว่าไม่มีใครเอาตนกลับมาได้ นอกจากจะทรงมีพระเมตตา และประชาชนต้องการให้กลับมา รวมถึงหลังพรรคหนึ่งชนะเลือกตั้งซ่อมใน 2 พื้นที่ กรณีที่เกิดขึ้นตอนนี้คือการเอาจำนวนประชาชนมาอ้าง ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเตรียมชุมนุมอีก 2-3 ครั้ง เรื่องนี้จึงไม่บังควร เพราะเรื่องการพระราชทานอภัยโทษ เป็นพระบรมราชวินิจฉัยตามพระราชอำนาจในรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมาธิการเกรงว่าจะก่อความขัดแย้งในอนาคต
“คณะกรรมาธิการขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาแถลงให้ทราบชัดเจนถึงข้อกฎหมายและประเพณีปฏิบัติในการของพระราชทานอภัยโทษ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน จะได้ไม่หลงเป็นเหยื่อ รวมถึงแถลงข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และข้อหาเกี่ยวกับสถาบันที่มีอยู่ และเรียกร้องประชาชน ก่อนจะทำการใดขอให้อยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง และเรียกร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มที่จะช่วยเหลือ รอบคอบ คำนึงถึงกฎเกณฑ์ประเพณี เพื่อไม่ให้ก่อความขัดแย้งระหว่างพระบรมราชวินิจฉัยและประชาชนที่เข้าชื่อ นอกจากนี้ สนับสนุนความเห็นของนายสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำเสื้อแดง ที่ออกมาทักท้วงเรื่องการเข้าชื่อถวายฎีกา โดยระบุว่า นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำเสื้อแดงก็เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษ ก็น่าจะรู้กฎระเบียบ” นายคำนูณ กล่าว
นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา กรรมาธิการ กล่าวว่า การนำสิทธิการชุมนุมของประชาชนมาเป็นสิทธิส่วนตัวเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ไม่บังควร ขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้สิทธิมาถวายเอง หรือบุตรธิดาถวาย อย่าดึงประชาชนมา ทั้งที่รู้ว่ากฎเกณฑ์ไม่ให้ทำ และขอเรียกร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ปากบอกว่ารักและห่วงประเทศ แต่การกระทำกลับไม่หยุด ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ คือหัวใจในการแก้ปัญหา ไม่เช่นนั้นจะมีคณะกรรมการสมานฉันท์กี่ชุดก็แก้ไม่ได้
พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ขั้นตอนขอพระราชทานอภัยโทษมีกำหนดชัดเจน การไปชวนชาวบ้านมาช่วยทำให้เกิดความแตกแยก และที่ผ่านมากรณีการขอพระราชทานเฉพาะราย หากผู้ต้องโทษไม่เข้าไปรับโทษในเรือนจำก็ไม่เคยมีปรากฏที่จะมีการพิจารณา มีแต่เข้าไปรับโทษแล้วและทำตามขั้นตอนเท่านั้น