รอยเตอร์ – โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงก์ ประกาศผลประกอบการรายไตรมาสล่าสุด ซึ่งพุ่งขึ้นถึง 33% โดยได้แรงหนุนส่งจากการซื้อขายหุ้นที่เพิ่มมากในช่วงดังกล่าว สภาพเช่นนี้ทำให้แบงก์สามารถจ่ายโบนัสจำนวนมหาศาลแก่ผู้บริหารและพนักงานของตน ซึ่งอาจทำให้ตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงได้
ผลประกอบการคราวนี้ทำให้โกลด์แมนสามารถกระเตื้องดีขึ้นอย่างโดดเด่นเป็นพิเศษกว่าแบงก์อื่นๆ ได้ต่อไป หลังจากที่อุตสาหกรรมการธนาคารของสหรัฐฯทั้งระบบตกอยู่ในสภาพใกล้พังพาบเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งทำให้รัฐบาลต้องนำเงินภาษีของประชาชนจำนวน 125,000 ล้านดอลลาร์ มากู้ชีวิตพวกแบงก์รายใหญ่ๆ ทั้งหลาย รวมทั้งโกลด์แมนด้วย
ในการแถลงผลประกอบการเมื่อวันอังคาร(14) โกลด์แมนประกาศจัดสรรเงินจำนวน 6,650 ล้านดอลลาร์สำหรับจ่ายเป็นเงินเดือน, โบนัส, และผลประโยชน์อื่น ๆ ของไตรมาสสองปีนี้ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส มีนาคม-พฤษภคมปีที่แล้วถึงเกือบ 50% และเมื่อถัวเฉลี่ยแล้วก็เท่ากับว่าพนักงานของแบงก์แห่งนี้จะได้เงินกันคนละกว่า 900,000 ดอลลาร์ในปีนี้ โดยเฉพาะ ซีอีโอ ลอยด์ แบลงก์เฟียน และเจ้าหน้าที่อาวุโสรวมทั้งนักค้าตราสารดาวรุ่ง น่าจะได้รับแบ่งสรรรายได้กันคนละหลายสิบล้านดอลลาร์ทีเดียว
รัฐบาลสหรัฐฯต้องการ “ทำให้แน่ใจว่าพวกแบงก์ต่างๆ จะสามารถสร้างรายได้ และพวกเขาก็สร้างรายได้ได้จริง ๆด้วย” ฟรานซิส คัมโป โบรกเกอร์ของเอ็มเอฟ โกลบัล แคนาดาในเมืองมอนทรีล กล่าว “แต่ตอนนี้หลาย ๆคนก็อาจเริ่มพูดแล้วว่าพวกเขาทำเงินได้มากเกินไป”
โกลด์แมนรายงานว่า รายได้สุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นสามัญนั้นอยู่ที่ 2,700 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 4.93 ดอลลาร์ต่อหุ้น เทียบกับ 2,050 ล้านดอลลาร์หรือ 4.58 ต่อหุ้นในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 พฤษภาคม 2008 ก่อนหน้าที่แบงก์แห่งนี้จะเปลี่ยนมาใช้ปีการเงินตามรอบปีปฏิทินปกติ
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ต่างพากันคาดว่า รายได้สุทธิต่อหุ้นของโกลด์แมนจะอยู่ที่ 3.49 ดอลลาร์ เมื่อผลประกอบการดีเกินคาดเช่นนี้ ก็ทำให้ราคาหุ้นของแบงก์แห่งนี้ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเมื่อวันอังคาร ขึ้นมา 22 เซนต์ ปิดที่ 149.66 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในปีนี้ราคาหุ้นของโกลด์แมนเพิ่มขึ้นมาแล้วเกือบ 80% เปรียบเทียบกับดัชนีอาร์คา ซีเคียวริตี โบรกเกอร์/ดีลเลอร์ของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ที่ขึ้นมา 24%
โกลด์แมนเป็นแบงก์ยักษ์ใหญ๋ของสหรัฐฯแห่งแรกที่รายงานผลประกอบการไตรมาสสองออกมา โดยแบงก์แห่งนี้แจงว่ารายได้จากการซื้อขายหุ้นได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 10,780 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจอันเดอร์ไรต์หลักทรัพย์นั้นสร้างรายได้ 736 ล้านดอลลาร์ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้พวกเทรดเดอร์ของโกลด์แทนได้ประโยชน์มากจากสภาพที่ราคาหุ้นเหวี่ยงขึ้นลงตลอดเวลา, ความต้องการซื้อขายเพิ่มมากขึ้นของนักลงทุน, รวมทั้งคู่แข่งที่น้อยลง
“ตอนนี้การแข่งขันน้อยลงมาก” เดวิด วิเนียร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของโกลด์แมนกล่าว แต่เขาบอกว่าไม่สามารถทำนายได้ว่า ทางแบงก์จะสามารถรักษารายได้ระดับนี้ไปตลอดทั้งปีหรือไม่
คู่แข่งของโกลด์แมน หลายรายมีอันล้มครืนลงมา หรือต้องยอมถูกควบรวม เริ่มจากการพังทลายของวาณิชธนกิจ แบร์ สเติรนส์ จากนั้น เลห์แมน บราเธอร์ส ก็ลงหลุมตามไปด้วย และเมอร์ริล ลินช์จำเป็นต้องวิวาห์สายฟ้าแลบกับแบงก์ออฟอเมริกา
รายได้ของแผนกวาณิชธนกิจของโกลด์แมนในไตรมาสสองอยู่ที่ 1,440 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
ผลประกอบการคราวนี้ทำให้โกลด์แมนสามารถกระเตื้องดีขึ้นอย่างโดดเด่นเป็นพิเศษกว่าแบงก์อื่นๆ ได้ต่อไป หลังจากที่อุตสาหกรรมการธนาคารของสหรัฐฯทั้งระบบตกอยู่ในสภาพใกล้พังพาบเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งทำให้รัฐบาลต้องนำเงินภาษีของประชาชนจำนวน 125,000 ล้านดอลลาร์ มากู้ชีวิตพวกแบงก์รายใหญ่ๆ ทั้งหลาย รวมทั้งโกลด์แมนด้วย
ในการแถลงผลประกอบการเมื่อวันอังคาร(14) โกลด์แมนประกาศจัดสรรเงินจำนวน 6,650 ล้านดอลลาร์สำหรับจ่ายเป็นเงินเดือน, โบนัส, และผลประโยชน์อื่น ๆ ของไตรมาสสองปีนี้ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส มีนาคม-พฤษภคมปีที่แล้วถึงเกือบ 50% และเมื่อถัวเฉลี่ยแล้วก็เท่ากับว่าพนักงานของแบงก์แห่งนี้จะได้เงินกันคนละกว่า 900,000 ดอลลาร์ในปีนี้ โดยเฉพาะ ซีอีโอ ลอยด์ แบลงก์เฟียน และเจ้าหน้าที่อาวุโสรวมทั้งนักค้าตราสารดาวรุ่ง น่าจะได้รับแบ่งสรรรายได้กันคนละหลายสิบล้านดอลลาร์ทีเดียว
รัฐบาลสหรัฐฯต้องการ “ทำให้แน่ใจว่าพวกแบงก์ต่างๆ จะสามารถสร้างรายได้ และพวกเขาก็สร้างรายได้ได้จริง ๆด้วย” ฟรานซิส คัมโป โบรกเกอร์ของเอ็มเอฟ โกลบัล แคนาดาในเมืองมอนทรีล กล่าว “แต่ตอนนี้หลาย ๆคนก็อาจเริ่มพูดแล้วว่าพวกเขาทำเงินได้มากเกินไป”
โกลด์แมนรายงานว่า รายได้สุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นสามัญนั้นอยู่ที่ 2,700 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 4.93 ดอลลาร์ต่อหุ้น เทียบกับ 2,050 ล้านดอลลาร์หรือ 4.58 ต่อหุ้นในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 พฤษภาคม 2008 ก่อนหน้าที่แบงก์แห่งนี้จะเปลี่ยนมาใช้ปีการเงินตามรอบปีปฏิทินปกติ
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ต่างพากันคาดว่า รายได้สุทธิต่อหุ้นของโกลด์แมนจะอยู่ที่ 3.49 ดอลลาร์ เมื่อผลประกอบการดีเกินคาดเช่นนี้ ก็ทำให้ราคาหุ้นของแบงก์แห่งนี้ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเมื่อวันอังคาร ขึ้นมา 22 เซนต์ ปิดที่ 149.66 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในปีนี้ราคาหุ้นของโกลด์แมนเพิ่มขึ้นมาแล้วเกือบ 80% เปรียบเทียบกับดัชนีอาร์คา ซีเคียวริตี โบรกเกอร์/ดีลเลอร์ของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ที่ขึ้นมา 24%
โกลด์แมนเป็นแบงก์ยักษ์ใหญ๋ของสหรัฐฯแห่งแรกที่รายงานผลประกอบการไตรมาสสองออกมา โดยแบงก์แห่งนี้แจงว่ารายได้จากการซื้อขายหุ้นได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 10,780 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจอันเดอร์ไรต์หลักทรัพย์นั้นสร้างรายได้ 736 ล้านดอลลาร์ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้พวกเทรดเดอร์ของโกลด์แทนได้ประโยชน์มากจากสภาพที่ราคาหุ้นเหวี่ยงขึ้นลงตลอดเวลา, ความต้องการซื้อขายเพิ่มมากขึ้นของนักลงทุน, รวมทั้งคู่แข่งที่น้อยลง
“ตอนนี้การแข่งขันน้อยลงมาก” เดวิด วิเนียร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของโกลด์แมนกล่าว แต่เขาบอกว่าไม่สามารถทำนายได้ว่า ทางแบงก์จะสามารถรักษารายได้ระดับนี้ไปตลอดทั้งปีหรือไม่
คู่แข่งของโกลด์แมน หลายรายมีอันล้มครืนลงมา หรือต้องยอมถูกควบรวม เริ่มจากการพังทลายของวาณิชธนกิจ แบร์ สเติรนส์ จากนั้น เลห์แมน บราเธอร์ส ก็ลงหลุมตามไปด้วย และเมอร์ริล ลินช์จำเป็นต้องวิวาห์สายฟ้าแลบกับแบงก์ออฟอเมริกา
รายได้ของแผนกวาณิชธนกิจของโกลด์แมนในไตรมาสสองอยู่ที่ 1,440 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
