หลังเกิดเหตุ ยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล จนนำสู่การออกหมายจับ ทีมผู้ก่อเหตุ โดยหลายคนไม่แน่ใจว่า คดีนี้จะสามารถลงโทษ ผู้กระทำความผิดในชั้นศาลได้หรือไม่ และ ตำรวจเขามีหลักฐานสำคัญอะไร ที่นำไปสู่การออกหมายจับกุม ภายใต้การคุมทีมโดย พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ นายพลไม้บรรทัด ผู้ที่ไม่เคยมีประวัติ "จับแพะ"
ย้อนไปขณะเกิดเหตุ....เมื่อเวลา 05.45 น.วันที่ 17 เม.ย.มีพยานบุคคล ซึ่งประกอบด้วย คนขับรถและพนักงานเก็บตั๋ว สขมก. ประมาณ 4 คน ยืนยันว่า ขณะขับรถตามหลังรถนายสนธิ มาเมื่อถึงหน้าวัดเอี่ยมวรนุช เห็นรถกระบะ ไม่ทราบยี่ห้อและรุ่น ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับแซงรถคันเกิดเหตุไปจอดด้านหน้า จากนั้นคนร้ายที่นั่งกระบะท้าย 2 คน ลุกขึ้นนั่งและ ใช้อาวุธสงครามยิงใส่รถนายสนธิ ก่อนที่คนร้ายหลบหนีไป พยานเด็กปั๊มที่เห็นเหตุการณ์อีก 2 คน ชุดสืบสวนยังได้พยานปากสำคัญซึ่งเห็นเหตุการณ์อย่างละเอียดตั้งแต่คนร้ายเริ่มลงมือจนเหตุการณ์ยุติ ซึ่งคนร้ายได้พยายามสังหารพยานโดยการยิงใส่แต่พยานหลบทัน โดยพยานสำคัญได้อยู่ในความคุ้มครองของชุดสืบสวน
หลักฐานกล้องวงจรปิด CCTV บริเวณแยกบางขุนพรหม ซึ่งใช้ได้บางตัว รวมทั้ง กล้องวงจรปิดทั้งหมด 206 กล้อง ในวันเกิดเหตุบริเวณแยกต่างๆ ใกล้ทำเนียบรัฐบาล เช่น แยกวังแดง แยกสวนมิสกวัน แยกพระบรมรูปทรงม้า รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ธนาคาร และทางด่วนทุกจุด โดยที่กล้องวงจรปิด สามารถบันทึกรถที่คนร้ายไว้ได้ โดยภาพทีวีวงจรปิดของปั๊มน้ำมันบางจาก สาขาถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ขาเข้า พบรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเปลือกมงคุด หมายเลขทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี จอดอยู่เวลา 04.46 น.ต่อมาได้ขับออกไป จากนั้นในเวลา 05.44 น.เจ้าหน้าที่พบภาพทีวีวงจรปิดจากปั๊มน้ำมันอีกแห่งหนึ่งในถนนสายเดียวกัน แต่เป็นเส้นขาออกในเวลา 05.44 น.
ทีมสืบสวนได้จำลองเหตุการณ์ ว่า รถยนต์กระบะวีโก้ได้มาจอดรถเวลาที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ โดยที่รถกระบะมาสด้า ได้ทำการประกบรถของ นายสนธิ มาจาก บ้านพัก จากนั้นจึงมาลงมือพร้อมกัน ก่อนที่จะวิ่งประกบตามกันมาเลี้ยวขวาตรงแยกคอกวัว ถ.ราชดำเนินกลาง ก่อนจะขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ออกนอกเมืองไปพร้อมกัน
หลักฐาน อาวุธปืน และกระสุน ที่ใช้ก่อเหตุ ประกอบด้วย เอ็ม 16 อาก้า เอสเค เอ็ม 203 โดยกระสุนปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ขนาด 5.56 มม.จำนวน 3 ปลอก ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นกระสุนที่ผลิตโดยกรมสรรพาวุธทหารบก มีการตีตราสัญลักษณ์ (RTA)ROYAL THAI ARMY โดยหลักฐานชิ้นนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยอมรับว่าเป็นกระสุนที่มาจากกองพลทหารราบที่ 9 ซึ่งอยู่ในสายงานการบังคับบัญชาของกองทัพภาคที่ 1 แต่เป็นกระสุนที่ใช้ในการฝึกยิงและได้มีการรั่วไหลออกมา โดยหลักฐานอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุล่าสุด(15 ก.ค.) พล.ต.อ.ธานี ยอมรับว่า นั้นยังไม่พบเลย แต่ก็ไม่มีผลต่อการดำเนินคดี เนื่องจากมีพยานแวดล้อมและหลักฐานอื่นอีก
หลักฐานรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ คันแรก รถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก้ สีเปลือกมังคุด ทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี ยืนยันแน่นอนว่า เป็นรถที่คนร้ายนำมาก่อเหตุ ส่วน น.ส.รัศมี เมฆชัย ที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครอง พบว่าไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี เนื่องจากอาจมีคนอื่นนำรถไปใช้ ส่วนรถกระบะมาสด้า ซึ่งเป็นรถอีกคันที่คนร้ายใช้ขับประกบรถของนายสนธิ มาจากบ้านพัก ตรวจสอบพบว่าในประเทศไทยมีจำนวน 800 กว่าคัน ตรวจสอบแล้วพบเข้าข่ายเพียง 5 คัน อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ นอกจากนั้นยังมีหลักฐานการใช้โทรศัพท์มือถือ ของกลุ่มคนร้าย ที่พบว่ามีการติดต่อกันในช่วงก่อนเกิดเหตุ และ หลังเกิดเหตุ
หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ จากการตรวจสอบรถยนต์ของนายสนธิ และ สภาพการจำลองวิถีกระสุน รวมทั้ง การตรวจลายนิ้วมือแฝง และคราบเขม่าดินปืน จากรถคันที่ใช้ก่อเหตุ
ส่วนหลักฐานเด็ด คือประจักษ์พยาน 2 คน ที่เห็นคนร้ายอย่างชัดเจน และถือเป็นหลักฐานที่ทำให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ใช้ตัดสินใจในนาทีสุดท้าย ก่อนจะเสนออนุมัติหมายจับกุม เริ่มต้นบันไดขั้นแรก เพื่อนำไปสู่การปิดคดี ลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล สร้างเกียรติประวัติก่อนเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.2552 นี้
ย้อนไปขณะเกิดเหตุ....เมื่อเวลา 05.45 น.วันที่ 17 เม.ย.มีพยานบุคคล ซึ่งประกอบด้วย คนขับรถและพนักงานเก็บตั๋ว สขมก. ประมาณ 4 คน ยืนยันว่า ขณะขับรถตามหลังรถนายสนธิ มาเมื่อถึงหน้าวัดเอี่ยมวรนุช เห็นรถกระบะ ไม่ทราบยี่ห้อและรุ่น ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับแซงรถคันเกิดเหตุไปจอดด้านหน้า จากนั้นคนร้ายที่นั่งกระบะท้าย 2 คน ลุกขึ้นนั่งและ ใช้อาวุธสงครามยิงใส่รถนายสนธิ ก่อนที่คนร้ายหลบหนีไป พยานเด็กปั๊มที่เห็นเหตุการณ์อีก 2 คน ชุดสืบสวนยังได้พยานปากสำคัญซึ่งเห็นเหตุการณ์อย่างละเอียดตั้งแต่คนร้ายเริ่มลงมือจนเหตุการณ์ยุติ ซึ่งคนร้ายได้พยายามสังหารพยานโดยการยิงใส่แต่พยานหลบทัน โดยพยานสำคัญได้อยู่ในความคุ้มครองของชุดสืบสวน
หลักฐานกล้องวงจรปิด CCTV บริเวณแยกบางขุนพรหม ซึ่งใช้ได้บางตัว รวมทั้ง กล้องวงจรปิดทั้งหมด 206 กล้อง ในวันเกิดเหตุบริเวณแยกต่างๆ ใกล้ทำเนียบรัฐบาล เช่น แยกวังแดง แยกสวนมิสกวัน แยกพระบรมรูปทรงม้า รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ธนาคาร และทางด่วนทุกจุด โดยที่กล้องวงจรปิด สามารถบันทึกรถที่คนร้ายไว้ได้ โดยภาพทีวีวงจรปิดของปั๊มน้ำมันบางจาก สาขาถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ขาเข้า พบรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเปลือกมงคุด หมายเลขทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี จอดอยู่เวลา 04.46 น.ต่อมาได้ขับออกไป จากนั้นในเวลา 05.44 น.เจ้าหน้าที่พบภาพทีวีวงจรปิดจากปั๊มน้ำมันอีกแห่งหนึ่งในถนนสายเดียวกัน แต่เป็นเส้นขาออกในเวลา 05.44 น.
ทีมสืบสวนได้จำลองเหตุการณ์ ว่า รถยนต์กระบะวีโก้ได้มาจอดรถเวลาที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ โดยที่รถกระบะมาสด้า ได้ทำการประกบรถของ นายสนธิ มาจาก บ้านพัก จากนั้นจึงมาลงมือพร้อมกัน ก่อนที่จะวิ่งประกบตามกันมาเลี้ยวขวาตรงแยกคอกวัว ถ.ราชดำเนินกลาง ก่อนจะขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ออกนอกเมืองไปพร้อมกัน
หลักฐาน อาวุธปืน และกระสุน ที่ใช้ก่อเหตุ ประกอบด้วย เอ็ม 16 อาก้า เอสเค เอ็ม 203 โดยกระสุนปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ขนาด 5.56 มม.จำนวน 3 ปลอก ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นกระสุนที่ผลิตโดยกรมสรรพาวุธทหารบก มีการตีตราสัญลักษณ์ (RTA)ROYAL THAI ARMY โดยหลักฐานชิ้นนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยอมรับว่าเป็นกระสุนที่มาจากกองพลทหารราบที่ 9 ซึ่งอยู่ในสายงานการบังคับบัญชาของกองทัพภาคที่ 1 แต่เป็นกระสุนที่ใช้ในการฝึกยิงและได้มีการรั่วไหลออกมา โดยหลักฐานอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุล่าสุด(15 ก.ค.) พล.ต.อ.ธานี ยอมรับว่า นั้นยังไม่พบเลย แต่ก็ไม่มีผลต่อการดำเนินคดี เนื่องจากมีพยานแวดล้อมและหลักฐานอื่นอีก
หลักฐานรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ คันแรก รถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก้ สีเปลือกมังคุด ทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี ยืนยันแน่นอนว่า เป็นรถที่คนร้ายนำมาก่อเหตุ ส่วน น.ส.รัศมี เมฆชัย ที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครอง พบว่าไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี เนื่องจากอาจมีคนอื่นนำรถไปใช้ ส่วนรถกระบะมาสด้า ซึ่งเป็นรถอีกคันที่คนร้ายใช้ขับประกบรถของนายสนธิ มาจากบ้านพัก ตรวจสอบพบว่าในประเทศไทยมีจำนวน 800 กว่าคัน ตรวจสอบแล้วพบเข้าข่ายเพียง 5 คัน อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ นอกจากนั้นยังมีหลักฐานการใช้โทรศัพท์มือถือ ของกลุ่มคนร้าย ที่พบว่ามีการติดต่อกันในช่วงก่อนเกิดเหตุ และ หลังเกิดเหตุ
หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ จากการตรวจสอบรถยนต์ของนายสนธิ และ สภาพการจำลองวิถีกระสุน รวมทั้ง การตรวจลายนิ้วมือแฝง และคราบเขม่าดินปืน จากรถคันที่ใช้ก่อเหตุ
ส่วนหลักฐานเด็ด คือประจักษ์พยาน 2 คน ที่เห็นคนร้ายอย่างชัดเจน และถือเป็นหลักฐานที่ทำให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ใช้ตัดสินใจในนาทีสุดท้าย ก่อนจะเสนออนุมัติหมายจับกุม เริ่มต้นบันไดขั้นแรก เพื่อนำไปสู่การปิดคดี ลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล สร้างเกียรติประวัติก่อนเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.2552 นี้