เหลือระยะเวลาอีกแค่ 79 วัน หรือราว 2 เดือนเศษ ที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่ม นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ จะเกษียณอายุราชการลงสิ้นเดือน ก.ย.นี้ และขณะนี้เป็นระยะเวลาเกือบ 3 เดือนเต็มแล้ว ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. ที่นายสนธิถูกคนร้ายลอบยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามนับร้อยนัด โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 3 เดือนเต็มดังกล่าว ไม่ปรากฏเป็นข่าวว่า ตำรวจชุดคลี่คลายคดีได้นำตัวผู้ต้องสงสัยมาควบคุมตัวไว้เพื่อการสอบสวนหรือไม่
ขณะที่การดำเนินการสืบสวนสอบสวน ภายใต้การควบคุมสั่งการของ พล.ต.อ.ธานี ดูมีระบบระเบียบแบบแผน ชุดสืบสวนที่ส่งลงไปยังพื้นที่ต่างๆ ไม่เคยมีข่าวเล็ดลอดออกมาเข้าถึงหูสื่อ แม้มีการประชุมทีมคลี่คลายคดีทุกสัปดาห์ แต่ก็ไม่เคยปรากฏความคืบหน้าของคดีที่เป็นรูปธรรม ทราบจากปากของ พล.ต.อ.ธานี เพียงว่า “คดีมีความคืบหน้าพอสมควร” แต่ ณ วันหนึ่ง ความคืบหน้าของคดีก็ออกมาจากปากของ พล.ต.อ.ธานี อีกว่า ชุดทำงานถูกข่มขู่! พร้อมทั้งยอมรับว่า “เจอตอ!!” แต่ก็แอ่นอกยืนยันว่า จะทำคดีให้เสร็จสิ้นก่อนเกษียณอายุราชการแน่นอน
ย้อนกลับไปตั้งแต่วันเกิดเหตุวันแรก เราได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ก่อนเกิดเหตุบนถนนสามเสนนั้น มีกำลังทหารมาประจำจุดบริเวณสี่แยกต่างๆ ตลอดเส้นทาง แต่คนร้ายสามารถเล็ดลอดนำอาวุธสงครามร้ายแรงเข้ามาลงมือปฏิบัติการได้ ทั้งที่อยู่ในช่วงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซ้ำกล้องวงจรปิด ตามแยกต่างๆ ไม่สามารถจับภาพพาหนะคนร้ายได้ ในขณะเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับแต่งตั้ง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.เข้ามาควบคุมดูแลคดี ทั้งที่มีความไม่โปร่งใสในหมู่สายตาของพันธมิตรฯ และตั้งแต่เกิดเหตุเช้าตรู่จดค่ำ ไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับคนร้าย
วันต่อมา ทันทีที่ พล.ต.อ.จงรัก เข้ามาควบคุมดูแลคดี เริ่มแถลงผ่านสื่อ โดยเขียนเป็นเอกสารข่าว แจกให้กับสื่อมวลชน ก่อนจะเข้าประชุมที่ สน.ชนะสงคราม โดยย้ำว่า เชื่อว่าคนร้ายมีมากกว่า 5 คน พร้อมตั้งประเด็นการลอบสังหาร 2 ประเด็น ทั้งเรื่องการเมืองและเรื่องส่วนตัว ในขณะที่การสืบสวนเพื่อหาตัวคนร้ายกลับไม่มีความคืบหน้า ถัดมาเพียงแค่วันเดียว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงให้ พล.ต.อ.ธานี ลงมาควบคุมคดีแทน
เมื่อ พล.ต.อ.ธานี เข้ามาควบคุมคดี ตำรวจเริ่มประมวลเหตุการณ์ พยายามตรวจสอบหาพาหนะที่คนร้ายใช้ ทั้งยังนำล้อรถยนต์ของนายสนธิคันที่เกิดเหตุไปตรวจสอบอย่างละเอียดว่าถูกยิง หรือโดนตะปูเรือใบหรือไม่ และต่อมา พล.ต.ท.ธานี เริ่มเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องเป็นครั้งแรก เริ่มมีชื่อของกลุ่มคนมีสีตกเป็นเป้าที่จะเป็นคนร้าย และภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถนำมาประมวลเหตุการณ์ได้ ในที่สุดมีการคาดการณ์ว่า พาหนะของคนร้ายน่าจะเป็นรถโตโยต้าวีโก้คันหนึ่ง และอีกคันยังไม่ชัดเจนว่าเป็นมาสด้า หรือฟอร์ด ในขณะที่ ผบ.ตร.แถลงว่าจะเร่งทำคดีให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมมีการจำลองเหตุการณ์หาวิถีกระสุนที่คนร้ายยิง ขณะเดียวกันตำรวจได้ออกมายืนยันชัดเจนว่า กระสุนที่คนร้ายใช้ลอบสังหารนายสนธิ ไม่มีใช้ในราชการตำรวจ และมีรายงานข่าวระบุออกมาว่า กระสุนที่ใช้ยิงถล่มนายสนธิ มาจากกองทัพบก!
จากประเด็นกระสุนทหารยิงสนธิ ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ออกมายอมรับว่า กระสุนที่คนร้ายใช้ยิงถล่มนายสนธิ มาจากกองพลทหารราบที่ 9 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ เคยระบุว่าเหตุการณ์ยิงถล่มนายสนธิด้วยอาวุธสงครามเป็นเพียงอาชญากรรมธรรมดา ส่วนมูลเหตุของการใช้อาวุธสงครามยิงถล่มนายสนธินั้น พล.ต.อ.ธานี ออกมายอมรับว่ามาจากสาเหตุการเมืองเป็นหลัก!
จากนั้นมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน คดีไม่มีความคืบหน้า จะคืบหน้าก็มาจากปากของ พล.ต.อ.ธานี เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ระบุเองว่า มีความคืบหน้า แม้ในขณะนี้พาหนะที่คนร้ายใช้ก็ยังไม่พบ อย่าว่าแต่กระสุนที่มาจากกองทัพเลย จะพบได้อย่างไร อีกทั้งไม่มีใครรู้ว่า “ตอ” ที่ชุดสืบสวนสอบสวนของ พล.ต.อ.ธานี เจอนั้น “ยิ่งใหญ่” ขนาดไหน แต่ก็เชื่อว่าคงพอประมาณ เพราะสามารถข่มขู่ จน “ตำรวจ” เกิดความรู้สึก “กลัว” ได้
ขณะที่รายงานข่าวล่าสุดของคดีนี้ เป็นเพียงความหวัง...ว่าเร็วๆ นี้ หรือภายในเดือนนี้ ตำรวจจะออกหมายจับกุม กลุ่มผู้ต้องหาซึ่งมีทหารรวมอยู่ด้วย ประมาณ 4-5 คน และจากประเด็นทหาร มีเอี่ยวกับคดีนี้ เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา “นายกษิต ภิรมย์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ให้สัมภาษณ์ที่เมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ หลังจากมีข่าว บิ๊กทหารขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปลดตัวเขาออกจากตำแหน่ง โดยได้ทิ้งคำถามสำคัญว่า...
“ทำไมมาเก่งกับผม เพราะผมไม่มีอำนาจเงินใช่ไหม ถ้าจะเปิดศึกรบก็ต้องรบกันรอบด้าน ผมถามกลับว่าตอนที่คุณทักษิณ ปู้ยี่ปู้ยำบ้านเมือง คนพวกนี้หายไปไหน ต้องเอาความจริงมาพูดกัน นายทหารเหล่านั้นหายไปไหน ทำไมไม่ออกมาป้องกันประเทศชาติ และถ้าหากผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทหารเหล่านั้นก็วิพากษ์วิจารณ์ผมได้ ผมรับฟังเพราะผมไม่ใช้อำนาจเถื่อน ถ้ารักชาติก็ต้องรักตลอดเวลา และช่วยถามทีว่าใครปองร้ายคุณสนธิ ใครปองร้ายท่านอภิสิทธิ์ ซึ่งท่านสุเทพคงต้องตอบ”
ส่วนคดีนี้ท้ายสุดแม้ พล.ต.อ.ธานี จะต้องจากไปด้วยการเกษียณอายุราชการ โดยที่ “ข้อมูลอันลับสุดยอด” ที่ชุดสืบสวนสอบสวนแกะรอยมาได้ จะตกถึงมือใครอีกนั้น สุดยากที่จะคาดเดา ขณะที่ผู้นำคนใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการผลัดเปลี่ยนเก้าอี้ ไปในขณะเดียวกันด้วยแล้ว จึงไม่อาจรู้ได้ว่าคดีคนร้ายลอบยิงนายสนธิ จะถูกสานต่อ หรือปล่อยให้กาลเวลาเป็นเครื่องละลายความทรงจำไปจากสังคม แต่สิ่งหนึ่งที่กาลเวลาไม่สามารถละลายได้ นั่นคือ “กรรม” เพราะใครเป็นผู้กระทำ ก็ย่อมจะได้รับผลกรรม ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม!
ลำดับเหตุการณ์..
ถาม?"สุเทพ ใครปองร้าย"คุณสนธิ"
17 เม.ย.2552 เวลา 05.45 น. คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายอดุลย์ แดงประดับ และนายวายุพักตร์ มัตทะสิน เกือบ 100 นัด เหตุเกิดที่หน้าวัดเอี่ยมวรนุช สี่แยกบางขุนพรหม ถนนสามเสน แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กทม.
18 เม.ย. 2552 พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร.ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาดูแลเรื่องคดี และเย็นวันเดียวกัน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. สั่งเปลี่ยนตัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนจาก พล.ต.อ.จงรัก เป็นพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.
19 เม.ย.2552 ตำรวจพยายามควานหารถที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะให้ได้ว่าเป็นรถอะไร ขณะที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบลายล้อรถของนายสนธิ
20 เม.ย. 2552 พล.ต.อ.ธานี เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดี ระบุว่า คดีมีความคืบหน้า และตำรวจนำแฟนพันธุ์แท้รถยนต์มือสอง เข้าตรวจสอบภาพจากกล้อง รวมทั้งตรวจสอบกล้องทั้งหมดหกว่า 200 กล้องตามแยกต่างๆ ค่ำวันเดียวกัน ผบ.ตร.แถลงผ่านโทรทัศน์ว่า "เป็นคดีที่เพิ่งเกิดขึ้น และอยู่ในขั้นสอบสวนสืบสวน แต่ยืนยันว่า สตช.ตั้งใจจะทำให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว"
21 เม.ย. 2552 ตำรวจยืนยันว่า ปลอกกระสุนที่ตกในที่เกิดเหตุ ไม่ได้มาจากตำรวจ ขณะที่ พล.ต.อ.ธานี เข้าเยี่ยมนายสนธิที่โรงพยาบาล และมีข่าวลือออกมาระบุว่า ผู้บงการเป็นนายทหาร ยศ"พลเอก"รับงานมาด้วยค่าเหนื่อยก้อนมโหฬาร!?!
22 เม.ย. 2552 ผลการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ขนาด 5.56 มม.จำนวน 3 ปลอก ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นกระสุนที่ผลิตโดยกรมสรรพาวุธทหารบก มีการตีตราสัญลักษณ์ (RTA) ซึ่งมาจากคำว่า ROYAL THAI ARMY และเป็นซีรีส์ที่ส่งให้เฉพาะหน่วยทหารหน่วยหนึ่งในสังกัดกองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1)ใช้เท่านั้น
23 เม.ย.2552 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ยอมรับว่า กระสุนที่ใช้ยิงนายสนธิ เป็นกระสุนที่มาจากกองพลทหารราบที่ 9 ซึ่งอยู่ในสายงานการบังคับบัญชาของกองทัพภาคที่ 1 แต่เป็นกระสุนที่ใช้ในการฝึกยิงและได้มีการรั่วไหลออกมา
24 เม.ย.2552 ปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ซึ่งตกอยู่ในที่เกิดเหตุ มาจากกองพลทหารราบที่ 9 เบื้องต้นพบว่าเป็นของหน่วย ร.9 พัน 1, ร.9 พัน 3 และ ร.29 พัน 2 ซึ่งอาจเล็ดลอดออกไประหว่างการฝึกซ้อม
25 เม.ย. 2552 พล.ต.อ.ธานี ประชุมชุดคลี่คลายคดีชุดใหญ่ พร้อมระบุว่า พยานหลักฐานที่รวบรวมได้ก็มีความชัดเจนมากขึ้น มั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่สามารถนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้แน่นอน
27 เม.ย. 2552 พล.ต.อ.ธานี ระบุว่า จะไม่พูดถึงเรื่องคดีของนายสนธิ อีก หากไม่มีความชัดเจนเกิดขึ้น
28 เม.ย.2552 พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผบก.พฐ. ยอมรับว่า มีการส่งอาวุธปืนสงครามทั่วประเทศที่จับกุมได้มาทำการตรวจสอบ ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ธานี
29 เม.ย.2552 มีกระแสข่าวแพร่สะพัด ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายในคดีนี้ได้ราว 3-5 คน แต่สุดท้าย พล.ต.อ.ธานี ออกมาปฏิเสธ
30 เม.ย. 2552 พล.ต.อ.ธานี เดินทางเข้าพบนายสนธิ ที่บ้านพระอาทิตย์ โดยนายสนธิ แสดงความเชื่อมั่นว่า ตำรวจจะไม่จับแพะ
3 พ.ค. 2552 นายสนธิ ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกหลังเกิดเหตุการณ์ โดยระบุว่า "คนร้ายที่ยิง ยืนยันชัดด้วยสายตาว่า ถูกยิงจากคนที่ถูกฝึก เพราะเป็นท่านั่งประทับยิง เป็นท่าที่ฝึกทางการทหาร ใช้รถจำนวน 4 คัน มีผู้ที่กระทำการประมาณ 10-16 คน เชื่อว่า การกระทำครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันของผู้ที่มีอำนาจ และคนที่ลงมือ รู้เส้นทางเดินรถ มีรถจอดรอเป็นจุด แต่การยิงไม่ใช่มืออาชีพ แต่เป็นขบวนการล่าสังหาร เชื่อว่า เป็นฝีมือของทหารบางคน ไม่ใช่ฝีมือของกองทัพ เชื่อว่ากองทัพไม่ทำเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้"
6 พ.ค.2552 พล.ต.อ.ธานี ยืนยันว่า คดีนี้ จะต้องเสร็จก่อนที่ตัวเองจะเกษียณ 30 ก.ย.2552
12 พ.ค. 2552 พล.ต.อ.ธานี ประชุมชุดคลี่คลายคดีชุดใหญ่อีกครั้ง พร้อมทั้งย้ำว่า คดีนี้"ไม่มีตัน"
27 พ.ค.2552 พล.ต.อ.ธานี ยืนยันอีกครั้งว่า จะไม่มีการจับแพะ ส่วนจะจับใครวันไหน ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
11 มิ.ย.2552 พล.ต.อ.ธานี เข้ารายงานความคืบหน้าคดีกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมยืนยัน คดีไม่ได้ถูกตัดตอน และยังไม่พบมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
22 มิ.ย.2552 พล.ต.อ.ธานี ยอมรับเป็นครั้งแรกว่า การคลี่คลายคดี "ตำรวจเจอตอ" จนขวัญกำลังใจชุดทำงานกระเจิง เพราะถูกข่มขู่
23 มิ.ย.2552 พล.ต.อ.ธานี ระบุ แม้เจอตอ ถูกข่มขู่ ก็ไม่ทำให้คดีล่าช้า แต่ปฏิเสธที่จะตอบว่า คนระดับใด ที่กล้าข่มขู่ตำรวจได้
11 ก.ค.2552 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฝากถามบิ๊กทหาร และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าใครปองร้าย "คุณสนธิ ลิ้มทองกุล"
ขณะที่การดำเนินการสืบสวนสอบสวน ภายใต้การควบคุมสั่งการของ พล.ต.อ.ธานี ดูมีระบบระเบียบแบบแผน ชุดสืบสวนที่ส่งลงไปยังพื้นที่ต่างๆ ไม่เคยมีข่าวเล็ดลอดออกมาเข้าถึงหูสื่อ แม้มีการประชุมทีมคลี่คลายคดีทุกสัปดาห์ แต่ก็ไม่เคยปรากฏความคืบหน้าของคดีที่เป็นรูปธรรม ทราบจากปากของ พล.ต.อ.ธานี เพียงว่า “คดีมีความคืบหน้าพอสมควร” แต่ ณ วันหนึ่ง ความคืบหน้าของคดีก็ออกมาจากปากของ พล.ต.อ.ธานี อีกว่า ชุดทำงานถูกข่มขู่! พร้อมทั้งยอมรับว่า “เจอตอ!!” แต่ก็แอ่นอกยืนยันว่า จะทำคดีให้เสร็จสิ้นก่อนเกษียณอายุราชการแน่นอน
ย้อนกลับไปตั้งแต่วันเกิดเหตุวันแรก เราได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ก่อนเกิดเหตุบนถนนสามเสนนั้น มีกำลังทหารมาประจำจุดบริเวณสี่แยกต่างๆ ตลอดเส้นทาง แต่คนร้ายสามารถเล็ดลอดนำอาวุธสงครามร้ายแรงเข้ามาลงมือปฏิบัติการได้ ทั้งที่อยู่ในช่วงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซ้ำกล้องวงจรปิด ตามแยกต่างๆ ไม่สามารถจับภาพพาหนะคนร้ายได้ ในขณะเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับแต่งตั้ง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.เข้ามาควบคุมดูแลคดี ทั้งที่มีความไม่โปร่งใสในหมู่สายตาของพันธมิตรฯ และตั้งแต่เกิดเหตุเช้าตรู่จดค่ำ ไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับคนร้าย
วันต่อมา ทันทีที่ พล.ต.อ.จงรัก เข้ามาควบคุมดูแลคดี เริ่มแถลงผ่านสื่อ โดยเขียนเป็นเอกสารข่าว แจกให้กับสื่อมวลชน ก่อนจะเข้าประชุมที่ สน.ชนะสงคราม โดยย้ำว่า เชื่อว่าคนร้ายมีมากกว่า 5 คน พร้อมตั้งประเด็นการลอบสังหาร 2 ประเด็น ทั้งเรื่องการเมืองและเรื่องส่วนตัว ในขณะที่การสืบสวนเพื่อหาตัวคนร้ายกลับไม่มีความคืบหน้า ถัดมาเพียงแค่วันเดียว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงให้ พล.ต.อ.ธานี ลงมาควบคุมคดีแทน
เมื่อ พล.ต.อ.ธานี เข้ามาควบคุมคดี ตำรวจเริ่มประมวลเหตุการณ์ พยายามตรวจสอบหาพาหนะที่คนร้ายใช้ ทั้งยังนำล้อรถยนต์ของนายสนธิคันที่เกิดเหตุไปตรวจสอบอย่างละเอียดว่าถูกยิง หรือโดนตะปูเรือใบหรือไม่ และต่อมา พล.ต.ท.ธานี เริ่มเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องเป็นครั้งแรก เริ่มมีชื่อของกลุ่มคนมีสีตกเป็นเป้าที่จะเป็นคนร้าย และภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถนำมาประมวลเหตุการณ์ได้ ในที่สุดมีการคาดการณ์ว่า พาหนะของคนร้ายน่าจะเป็นรถโตโยต้าวีโก้คันหนึ่ง และอีกคันยังไม่ชัดเจนว่าเป็นมาสด้า หรือฟอร์ด ในขณะที่ ผบ.ตร.แถลงว่าจะเร่งทำคดีให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมมีการจำลองเหตุการณ์หาวิถีกระสุนที่คนร้ายยิง ขณะเดียวกันตำรวจได้ออกมายืนยันชัดเจนว่า กระสุนที่คนร้ายใช้ลอบสังหารนายสนธิ ไม่มีใช้ในราชการตำรวจ และมีรายงานข่าวระบุออกมาว่า กระสุนที่ใช้ยิงถล่มนายสนธิ มาจากกองทัพบก!
จากประเด็นกระสุนทหารยิงสนธิ ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ออกมายอมรับว่า กระสุนที่คนร้ายใช้ยิงถล่มนายสนธิ มาจากกองพลทหารราบที่ 9 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ เคยระบุว่าเหตุการณ์ยิงถล่มนายสนธิด้วยอาวุธสงครามเป็นเพียงอาชญากรรมธรรมดา ส่วนมูลเหตุของการใช้อาวุธสงครามยิงถล่มนายสนธินั้น พล.ต.อ.ธานี ออกมายอมรับว่ามาจากสาเหตุการเมืองเป็นหลัก!
จากนั้นมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน คดีไม่มีความคืบหน้า จะคืบหน้าก็มาจากปากของ พล.ต.อ.ธานี เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ระบุเองว่า มีความคืบหน้า แม้ในขณะนี้พาหนะที่คนร้ายใช้ก็ยังไม่พบ อย่าว่าแต่กระสุนที่มาจากกองทัพเลย จะพบได้อย่างไร อีกทั้งไม่มีใครรู้ว่า “ตอ” ที่ชุดสืบสวนสอบสวนของ พล.ต.อ.ธานี เจอนั้น “ยิ่งใหญ่” ขนาดไหน แต่ก็เชื่อว่าคงพอประมาณ เพราะสามารถข่มขู่ จน “ตำรวจ” เกิดความรู้สึก “กลัว” ได้
ขณะที่รายงานข่าวล่าสุดของคดีนี้ เป็นเพียงความหวัง...ว่าเร็วๆ นี้ หรือภายในเดือนนี้ ตำรวจจะออกหมายจับกุม กลุ่มผู้ต้องหาซึ่งมีทหารรวมอยู่ด้วย ประมาณ 4-5 คน และจากประเด็นทหาร มีเอี่ยวกับคดีนี้ เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา “นายกษิต ภิรมย์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ให้สัมภาษณ์ที่เมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ หลังจากมีข่าว บิ๊กทหารขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปลดตัวเขาออกจากตำแหน่ง โดยได้ทิ้งคำถามสำคัญว่า...
“ทำไมมาเก่งกับผม เพราะผมไม่มีอำนาจเงินใช่ไหม ถ้าจะเปิดศึกรบก็ต้องรบกันรอบด้าน ผมถามกลับว่าตอนที่คุณทักษิณ ปู้ยี่ปู้ยำบ้านเมือง คนพวกนี้หายไปไหน ต้องเอาความจริงมาพูดกัน นายทหารเหล่านั้นหายไปไหน ทำไมไม่ออกมาป้องกันประเทศชาติ และถ้าหากผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทหารเหล่านั้นก็วิพากษ์วิจารณ์ผมได้ ผมรับฟังเพราะผมไม่ใช้อำนาจเถื่อน ถ้ารักชาติก็ต้องรักตลอดเวลา และช่วยถามทีว่าใครปองร้ายคุณสนธิ ใครปองร้ายท่านอภิสิทธิ์ ซึ่งท่านสุเทพคงต้องตอบ”
ส่วนคดีนี้ท้ายสุดแม้ พล.ต.อ.ธานี จะต้องจากไปด้วยการเกษียณอายุราชการ โดยที่ “ข้อมูลอันลับสุดยอด” ที่ชุดสืบสวนสอบสวนแกะรอยมาได้ จะตกถึงมือใครอีกนั้น สุดยากที่จะคาดเดา ขณะที่ผู้นำคนใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการผลัดเปลี่ยนเก้าอี้ ไปในขณะเดียวกันด้วยแล้ว จึงไม่อาจรู้ได้ว่าคดีคนร้ายลอบยิงนายสนธิ จะถูกสานต่อ หรือปล่อยให้กาลเวลาเป็นเครื่องละลายความทรงจำไปจากสังคม แต่สิ่งหนึ่งที่กาลเวลาไม่สามารถละลายได้ นั่นคือ “กรรม” เพราะใครเป็นผู้กระทำ ก็ย่อมจะได้รับผลกรรม ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม!
ลำดับเหตุการณ์..
ถาม?"สุเทพ ใครปองร้าย"คุณสนธิ"
17 เม.ย.2552 เวลา 05.45 น. คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายอดุลย์ แดงประดับ และนายวายุพักตร์ มัตทะสิน เกือบ 100 นัด เหตุเกิดที่หน้าวัดเอี่ยมวรนุช สี่แยกบางขุนพรหม ถนนสามเสน แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กทม.
18 เม.ย. 2552 พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร.ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาดูแลเรื่องคดี และเย็นวันเดียวกัน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. สั่งเปลี่ยนตัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนจาก พล.ต.อ.จงรัก เป็นพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.
19 เม.ย.2552 ตำรวจพยายามควานหารถที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะให้ได้ว่าเป็นรถอะไร ขณะที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบลายล้อรถของนายสนธิ
20 เม.ย. 2552 พล.ต.อ.ธานี เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดี ระบุว่า คดีมีความคืบหน้า และตำรวจนำแฟนพันธุ์แท้รถยนต์มือสอง เข้าตรวจสอบภาพจากกล้อง รวมทั้งตรวจสอบกล้องทั้งหมดหกว่า 200 กล้องตามแยกต่างๆ ค่ำวันเดียวกัน ผบ.ตร.แถลงผ่านโทรทัศน์ว่า "เป็นคดีที่เพิ่งเกิดขึ้น และอยู่ในขั้นสอบสวนสืบสวน แต่ยืนยันว่า สตช.ตั้งใจจะทำให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว"
21 เม.ย. 2552 ตำรวจยืนยันว่า ปลอกกระสุนที่ตกในที่เกิดเหตุ ไม่ได้มาจากตำรวจ ขณะที่ พล.ต.อ.ธานี เข้าเยี่ยมนายสนธิที่โรงพยาบาล และมีข่าวลือออกมาระบุว่า ผู้บงการเป็นนายทหาร ยศ"พลเอก"รับงานมาด้วยค่าเหนื่อยก้อนมโหฬาร!?!
22 เม.ย. 2552 ผลการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ขนาด 5.56 มม.จำนวน 3 ปลอก ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นกระสุนที่ผลิตโดยกรมสรรพาวุธทหารบก มีการตีตราสัญลักษณ์ (RTA) ซึ่งมาจากคำว่า ROYAL THAI ARMY และเป็นซีรีส์ที่ส่งให้เฉพาะหน่วยทหารหน่วยหนึ่งในสังกัดกองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1)ใช้เท่านั้น
23 เม.ย.2552 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ยอมรับว่า กระสุนที่ใช้ยิงนายสนธิ เป็นกระสุนที่มาจากกองพลทหารราบที่ 9 ซึ่งอยู่ในสายงานการบังคับบัญชาของกองทัพภาคที่ 1 แต่เป็นกระสุนที่ใช้ในการฝึกยิงและได้มีการรั่วไหลออกมา
24 เม.ย.2552 ปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ซึ่งตกอยู่ในที่เกิดเหตุ มาจากกองพลทหารราบที่ 9 เบื้องต้นพบว่าเป็นของหน่วย ร.9 พัน 1, ร.9 พัน 3 และ ร.29 พัน 2 ซึ่งอาจเล็ดลอดออกไประหว่างการฝึกซ้อม
25 เม.ย. 2552 พล.ต.อ.ธานี ประชุมชุดคลี่คลายคดีชุดใหญ่ พร้อมระบุว่า พยานหลักฐานที่รวบรวมได้ก็มีความชัดเจนมากขึ้น มั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่สามารถนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้แน่นอน
27 เม.ย. 2552 พล.ต.อ.ธานี ระบุว่า จะไม่พูดถึงเรื่องคดีของนายสนธิ อีก หากไม่มีความชัดเจนเกิดขึ้น
28 เม.ย.2552 พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผบก.พฐ. ยอมรับว่า มีการส่งอาวุธปืนสงครามทั่วประเทศที่จับกุมได้มาทำการตรวจสอบ ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ธานี
29 เม.ย.2552 มีกระแสข่าวแพร่สะพัด ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายในคดีนี้ได้ราว 3-5 คน แต่สุดท้าย พล.ต.อ.ธานี ออกมาปฏิเสธ
30 เม.ย. 2552 พล.ต.อ.ธานี เดินทางเข้าพบนายสนธิ ที่บ้านพระอาทิตย์ โดยนายสนธิ แสดงความเชื่อมั่นว่า ตำรวจจะไม่จับแพะ
3 พ.ค. 2552 นายสนธิ ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกหลังเกิดเหตุการณ์ โดยระบุว่า "คนร้ายที่ยิง ยืนยันชัดด้วยสายตาว่า ถูกยิงจากคนที่ถูกฝึก เพราะเป็นท่านั่งประทับยิง เป็นท่าที่ฝึกทางการทหาร ใช้รถจำนวน 4 คัน มีผู้ที่กระทำการประมาณ 10-16 คน เชื่อว่า การกระทำครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันของผู้ที่มีอำนาจ และคนที่ลงมือ รู้เส้นทางเดินรถ มีรถจอดรอเป็นจุด แต่การยิงไม่ใช่มืออาชีพ แต่เป็นขบวนการล่าสังหาร เชื่อว่า เป็นฝีมือของทหารบางคน ไม่ใช่ฝีมือของกองทัพ เชื่อว่ากองทัพไม่ทำเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้"
6 พ.ค.2552 พล.ต.อ.ธานี ยืนยันว่า คดีนี้ จะต้องเสร็จก่อนที่ตัวเองจะเกษียณ 30 ก.ย.2552
12 พ.ค. 2552 พล.ต.อ.ธานี ประชุมชุดคลี่คลายคดีชุดใหญ่อีกครั้ง พร้อมทั้งย้ำว่า คดีนี้"ไม่มีตัน"
27 พ.ค.2552 พล.ต.อ.ธานี ยืนยันอีกครั้งว่า จะไม่มีการจับแพะ ส่วนจะจับใครวันไหน ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
11 มิ.ย.2552 พล.ต.อ.ธานี เข้ารายงานความคืบหน้าคดีกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมยืนยัน คดีไม่ได้ถูกตัดตอน และยังไม่พบมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
22 มิ.ย.2552 พล.ต.อ.ธานี ยอมรับเป็นครั้งแรกว่า การคลี่คลายคดี "ตำรวจเจอตอ" จนขวัญกำลังใจชุดทำงานกระเจิง เพราะถูกข่มขู่
23 มิ.ย.2552 พล.ต.อ.ธานี ระบุ แม้เจอตอ ถูกข่มขู่ ก็ไม่ทำให้คดีล่าช้า แต่ปฏิเสธที่จะตอบว่า คนระดับใด ที่กล้าข่มขู่ตำรวจได้
11 ก.ค.2552 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฝากถามบิ๊กทหาร และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าใครปองร้าย "คุณสนธิ ลิ้มทองกุล"