“ไม่มีมวยล้ม” นี่คือคำประกาศิตจาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศ ที่ทุกคนต้องจดจำไว้ กับคดีลอบสังหารคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ประมุขใหญ่แห่งบ้านพระอาทิตย์ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
หลังจากพลเอกธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าทีมสอบสวนคดี เข้ารายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรีถึงทำเนียบรัฐบาลโดยปัจจุบันทันด่วนในวันเดียวกับที่ศาลออกหมายจับ 2 ผู้ต้องสงสัย ในคดีถล่มกระสุนลอบสังหารคุณสนธิ
อันเป็นความคืบหน้ามากที่สุดของคดีนี้ ที่ทำให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะประชาชนทั่วประเทศ ที่ได้แต่ทวงถามความคืบหน้าของคดีนี้จากตำรวจเป็นเวลาร่วม 3 เดือน นับแต่เกิดเหตุเมื่อ 17 เมษายน 2552 แต่ที่ผ่านมา กลับไร้ซึ่งคำตอบใดๆ จนทำให้ประชาชนต่างประหวั่นพรั่นพรึง กับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับความยุติธรรมในสังคมไทย เพราะขนาด คุณสนธิ ซึ่งทุ่มเทสรรพกำลังทุกอย่างรวมถึงชีวิตของตัวเอง เพื่อ
ปกป้องชาติ และสถาบันสูงสุด
ออกมาทำหน้าที่ตรวจสอบและโค่นล้มอำนาจการเมืองที่ไม่ชอบธรรม ในยุคระบอบทักษิณครองเมือง อย่างไม่กล้าความตายและความหายนะของตนเอง
บนการทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชน และแกนนำการเมืองภาคประชาชน
แต่สิ่งที่คุณสนธิได้รับตอบแทน นอกจากคดีความต่างๆ ที่เป็นผลพวงจากการต่อสู้ แล้วยังถูกสุนัขลอบกัด ลอบฆ่า
ซึ่งชนวนเหตุเชื่อได้ว่า ไม่ใช่ความขัดแย้งทางธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัว ระหว่างกลุ่มผู้ลงมือกับคุณสนธิแน่นอน แต่ต้องเป็นเรื่องความไม่พอใจในการทำหน้าที่ของคุณสนธิ ในนามแกนนำพันธมิตรฯและแม่ทัพใหญ่ของสื่อในเครือASTVผู้จัดการ ที่ปักหลักทำหน้าที่ของตัวเองบนจุดยืนการตรวจสอบอำนาจการเมืองแบบยืนอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายอธรรมในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะมีใครอยู่เบื้องหลัง
แม้แต่ในรัฐบาลชุดนี้ คุณสนธิ ก็คือผู้เป็นทัพหน้าในการออกมาชี้ให้เห็นถึง กระบวนการสืบทอดอำนาจของกลุ่ม “อำนาจใหม่” ที่คิดจะเดินตามเส้นทางของทักษิณ ชินวัตร ด้วยการวางแผนจะเข้ายึดกุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ ทั้งในฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ทหาร ตำรวจ องค์กรอิสระ รวมถึงอำนาจในแวดวงธุรกิจการเมือง
จึงสรุปได้ว่า การลอบถล่มคุณสนธิ ด้วยอาวุธสงครามเป็นการคุมคามสื่อ และคิดล้มล้างการเมืองภาคประชาชน ที่จะเป็นก้างขวางคอของกลุ่มผู้คิดกินบ้านกินเมืองอย่างแน่นอน
มาวันนี้การออกหมายจับ 2 ผู้ต้องสงสัยซึ่งตำรวจเชื่อว่ามีส่วนร่วมรู้เห็นและร่วมลงมือในการวางแผนสังหารคุณสนธิ
คือ จ.ส.อ.ปัญญา สังกัดหน่วยพลาธิการ ศูนย์สงครามพิเศษลพบุรี หรือที่รู้จักกันในชื่อ”พลร่มป่าหวาย”อันมี “บิ๊กต่าย” พลโทภุชงค์ รัตนวรรณ เพื่อนรักร่วมรุ่นตท.10 กับพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. คุมหน่วยนี้อยู่ ซึ่งบางคนให้สมญานามกองรบแห่งนี้ว่า
“กองทัพภาคที่ 5” เพราะเป็นหน่วยทหารซึ่งเป็นแหล่งรวมของทหารฝีมือระดับยุทธการที่เชี่ยวชาญภารกิจพิเศษอาทิ “ฉก.90” ที่มักได้รับมอบหมายงานเฉพาะกิจพิเศษปิดลับหลายเรื่อง และอีกคนที่ถูกออกหมายจับคือ ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ สังกัดศูนย์การข่าว บช.ปส. ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ซึ่งตรงกับที่ คุณสนธิ เคยระบุไว้หลังจากออกโรงพยาบาลได้ไม่นาน ถึงกลุ่มผู้ต้องสงสัยว่า เป็นฝีมือของทหาร และตำรวจแน่นอน!
“มีบางกลุ่มไม่พอใจผม เพราะผมรู้ทันเขาหมด ผมคืออุปสรรคอันใหญ่ที่สุด ที่ลงมือมีทั้งตำรวจและทหาร คนที่ยิงผมเป็นทหารแน่นอนผสมกับตำรวจบางส่วน คนที่มารับงานคงรับมาด้วยอาจจะเพราะ 1. เป็นลูกน้อง นายสั่ง 2.นายให้เงิน 3.ได้ข้อมูลที่ผิดพลาด”
และน่าเชื่อได้ว่า “ปัญญา-วุฒิ” คงเป็นแค่ลูกทีมของทีมสังหารโหดเท่านั้น แต่ตัวบงการใหญ่จะเป็นใคร ต้องติดตามล่าตัวกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ตัว 2 คนในทีมสังหารมาแล้ว ก็ทำให้ประชาชนทั่วประเทศที่ติดตามคดีนี้ได้อุ่นใจบ้างว่าบัดนี้ น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีว่า
คนชั่ว ฟ้าดินย่อมเห็น
ผู้ใดคิดร้ายต่อผู้อื่น ย่อมหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม
คาดว่า วันหนึ่งไม่นานจากนี้จะต้องมีการ กระชากหน้ากากและดำเนินคดีกับผู้อยู่ในขบวนการวางแผนสังหารโหดครั้งนี้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ในความรู้สึกของประชาชน จนกลายเป็นคดีแห่งปี ซึ่งผู้คนทุกวงการต่างพูดถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังแห่งคดีนี้อย่างฉงนสงสัย
ว่าใครคือผู้บงการ? มือปืนเป็นพวกไหน มีคนมีสีเกี่ยวข้องหรือไม่? ทำไมต้องฆ่าคุณสนธิ?
บัดนี้ความจริงเริ่มกระจ่างชัดออกมาแล้ว
นับจากนี้ก็คงต้องติดตามกันแบบห้ามกะพริบตา ว่าคดีนี้จะจบอย่างไร เพราะวันนี้การออกหมายจับทหาร-ตำรวจ ย่อมแสดงให้เห็นชัดแล้วว่า ผู้อยู่เบื้องหลังการวางแผนสังหารคุณสนธิ คือ
“กลุ่มคนมีสี”
ที่ต้องมีผู้ร่วมขบวนการทั้งผู้บงการ ผู้จ้างวาน คนรับงาน กลุ่มมือปืน
ซึ่งทั้งหมดล้วนต้องวางแผนอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้สืบสวนโยงใยไปถึง”ผู้บงการ” ตัวจริงได้แน่นอน เห็นได้จากการที่ตำรวจใช้เวลาค่อนข้างนานในการสอบสวน ก็คงเพราะทีมสังหารได้เรียกระดมทีมแบบไม่ให้ตำรวจสามารถต่อจิ๊กซอว์ ความเชื่อมโยงของทีมสังหารได้
ที่สำคัญน่าเชื่อได้ว่า ผู้ลงมือทั้งหมดได้มีการเตรียมการกันไว้แล้วว่า หากสถานการณ์คับขัน ก็ต้องมีการตัดตอนเหมือนเช่นคดีสังหารใหญ่ๆ ก่อนหน้านี้เกือบทุกคดี
เพียงแต่คดีนี้ มีคำยืนยันจากนายกรัฐมนตรีว่า คดีนี้”ไม่มีมวยล้ม”
นั่นหมายความว่า นายกรัฐมนตรีต้องได้รับข้อมูล “ลับสุดยอด” ของคดีนี้จากปาก พล.ต.อ.ธานีที่เข้ารายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรี โดยไม่ผ่าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.!
อะไรคือสิ่งที่ อภิสิทธิ์รู้ หน้ากากไอ้โม่งผู้จ้างวาน คือใคร
นี่คือปริศนาที่ต้องติดตาม เพื่อรอลุ้นจะมีการกระชากหน้ากากคนอยู่เบื้องหลังออกมาทั้งหมดเมื่อไร
เพราะหากสุดท้ายคดีใหญ่ที่กระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศ บั่นทอนการต่อสู้ของการเมืองภาคประชาชน และคุกคามชีวิตสื่อสารมวลชนเช่นนี้ ยังมืดมน
ก็เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไร้น้ำยาของตำรวจไทย รวมถึงคำพูดที่ไร้มนต์ขลังของนายกรัฐมนตรี
คดีลอบสังหารคุณสนธิ ทุกฝ่ายต้องการเห็นนายกรัฐมนตรี ลงไปผลักดันหนุนหลังให้พล.ต.อ.ธานี ปิดคดีนี้ให้ได้ อย่าให้อำนาจมืดใดๆ มาขัดขวางการทำงานของตำรวจได้
เพราะอย่าลืมว่า หากชีวิตของคุณสนธิ ยังไม่ปลอดภัย ชีวิตของคนไทยคนอื่นๆ ก็ใช่จะอยู่ดีมีสุข หากคนชั่วยังลอยนวล
รวมถึง แม้แต่ชีวิตของคนชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ !
ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า ตั้งแต่เขาก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีข่าวในทำนองการวางแผนสังหารอภิสิทธิ์ ออกมาเช่นกัน อันยืนยันได้จากล่าสุดการออกมาระบุของ
“กษิต ภิรมย์” รมว.ต่างประเทศ ในตอนหนึ่งที่ออกมาชนกับทหาร เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็พูดเป็นปริศนาที่ตีความได้ว่า
ชีวิตของคุณสนธิ กับอภิสิทธิ์ ก็ล้วนตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
เพราะขบวนการลอบฆ่าคุณสนธิ ก็ล้วนแต่เป็น “Friendly Foe ศัตรูในมิตร” คนรอบกายอภิสิทธิ์ ทั้งนั้น หรือพูดอีกทางหนึ่งได้ว่า
นายกฯอภิสิทธิ์ ยังอยู่ในวงล้อมของขบวนการฆ่าคุณสนธิ!
หลังจากพลเอกธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าทีมสอบสวนคดี เข้ารายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรีถึงทำเนียบรัฐบาลโดยปัจจุบันทันด่วนในวันเดียวกับที่ศาลออกหมายจับ 2 ผู้ต้องสงสัย ในคดีถล่มกระสุนลอบสังหารคุณสนธิ
อันเป็นความคืบหน้ามากที่สุดของคดีนี้ ที่ทำให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะประชาชนทั่วประเทศ ที่ได้แต่ทวงถามความคืบหน้าของคดีนี้จากตำรวจเป็นเวลาร่วม 3 เดือน นับแต่เกิดเหตุเมื่อ 17 เมษายน 2552 แต่ที่ผ่านมา กลับไร้ซึ่งคำตอบใดๆ จนทำให้ประชาชนต่างประหวั่นพรั่นพรึง กับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับความยุติธรรมในสังคมไทย เพราะขนาด คุณสนธิ ซึ่งทุ่มเทสรรพกำลังทุกอย่างรวมถึงชีวิตของตัวเอง เพื่อ
ปกป้องชาติ และสถาบันสูงสุด
ออกมาทำหน้าที่ตรวจสอบและโค่นล้มอำนาจการเมืองที่ไม่ชอบธรรม ในยุคระบอบทักษิณครองเมือง อย่างไม่กล้าความตายและความหายนะของตนเอง
บนการทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชน และแกนนำการเมืองภาคประชาชน
แต่สิ่งที่คุณสนธิได้รับตอบแทน นอกจากคดีความต่างๆ ที่เป็นผลพวงจากการต่อสู้ แล้วยังถูกสุนัขลอบกัด ลอบฆ่า
ซึ่งชนวนเหตุเชื่อได้ว่า ไม่ใช่ความขัดแย้งทางธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัว ระหว่างกลุ่มผู้ลงมือกับคุณสนธิแน่นอน แต่ต้องเป็นเรื่องความไม่พอใจในการทำหน้าที่ของคุณสนธิ ในนามแกนนำพันธมิตรฯและแม่ทัพใหญ่ของสื่อในเครือASTVผู้จัดการ ที่ปักหลักทำหน้าที่ของตัวเองบนจุดยืนการตรวจสอบอำนาจการเมืองแบบยืนอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายอธรรมในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะมีใครอยู่เบื้องหลัง
แม้แต่ในรัฐบาลชุดนี้ คุณสนธิ ก็คือผู้เป็นทัพหน้าในการออกมาชี้ให้เห็นถึง กระบวนการสืบทอดอำนาจของกลุ่ม “อำนาจใหม่” ที่คิดจะเดินตามเส้นทางของทักษิณ ชินวัตร ด้วยการวางแผนจะเข้ายึดกุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ ทั้งในฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ทหาร ตำรวจ องค์กรอิสระ รวมถึงอำนาจในแวดวงธุรกิจการเมือง
จึงสรุปได้ว่า การลอบถล่มคุณสนธิ ด้วยอาวุธสงครามเป็นการคุมคามสื่อ และคิดล้มล้างการเมืองภาคประชาชน ที่จะเป็นก้างขวางคอของกลุ่มผู้คิดกินบ้านกินเมืองอย่างแน่นอน
มาวันนี้การออกหมายจับ 2 ผู้ต้องสงสัยซึ่งตำรวจเชื่อว่ามีส่วนร่วมรู้เห็นและร่วมลงมือในการวางแผนสังหารคุณสนธิ
คือ จ.ส.อ.ปัญญา สังกัดหน่วยพลาธิการ ศูนย์สงครามพิเศษลพบุรี หรือที่รู้จักกันในชื่อ”พลร่มป่าหวาย”อันมี “บิ๊กต่าย” พลโทภุชงค์ รัตนวรรณ เพื่อนรักร่วมรุ่นตท.10 กับพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. คุมหน่วยนี้อยู่ ซึ่งบางคนให้สมญานามกองรบแห่งนี้ว่า
“กองทัพภาคที่ 5” เพราะเป็นหน่วยทหารซึ่งเป็นแหล่งรวมของทหารฝีมือระดับยุทธการที่เชี่ยวชาญภารกิจพิเศษอาทิ “ฉก.90” ที่มักได้รับมอบหมายงานเฉพาะกิจพิเศษปิดลับหลายเรื่อง และอีกคนที่ถูกออกหมายจับคือ ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ สังกัดศูนย์การข่าว บช.ปส. ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ซึ่งตรงกับที่ คุณสนธิ เคยระบุไว้หลังจากออกโรงพยาบาลได้ไม่นาน ถึงกลุ่มผู้ต้องสงสัยว่า เป็นฝีมือของทหาร และตำรวจแน่นอน!
“มีบางกลุ่มไม่พอใจผม เพราะผมรู้ทันเขาหมด ผมคืออุปสรรคอันใหญ่ที่สุด ที่ลงมือมีทั้งตำรวจและทหาร คนที่ยิงผมเป็นทหารแน่นอนผสมกับตำรวจบางส่วน คนที่มารับงานคงรับมาด้วยอาจจะเพราะ 1. เป็นลูกน้อง นายสั่ง 2.นายให้เงิน 3.ได้ข้อมูลที่ผิดพลาด”
และน่าเชื่อได้ว่า “ปัญญา-วุฒิ” คงเป็นแค่ลูกทีมของทีมสังหารโหดเท่านั้น แต่ตัวบงการใหญ่จะเป็นใคร ต้องติดตามล่าตัวกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ตัว 2 คนในทีมสังหารมาแล้ว ก็ทำให้ประชาชนทั่วประเทศที่ติดตามคดีนี้ได้อุ่นใจบ้างว่าบัดนี้ น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีว่า
คนชั่ว ฟ้าดินย่อมเห็น
ผู้ใดคิดร้ายต่อผู้อื่น ย่อมหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม
คาดว่า วันหนึ่งไม่นานจากนี้จะต้องมีการ กระชากหน้ากากและดำเนินคดีกับผู้อยู่ในขบวนการวางแผนสังหารโหดครั้งนี้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ในความรู้สึกของประชาชน จนกลายเป็นคดีแห่งปี ซึ่งผู้คนทุกวงการต่างพูดถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังแห่งคดีนี้อย่างฉงนสงสัย
ว่าใครคือผู้บงการ? มือปืนเป็นพวกไหน มีคนมีสีเกี่ยวข้องหรือไม่? ทำไมต้องฆ่าคุณสนธิ?
บัดนี้ความจริงเริ่มกระจ่างชัดออกมาแล้ว
นับจากนี้ก็คงต้องติดตามกันแบบห้ามกะพริบตา ว่าคดีนี้จะจบอย่างไร เพราะวันนี้การออกหมายจับทหาร-ตำรวจ ย่อมแสดงให้เห็นชัดแล้วว่า ผู้อยู่เบื้องหลังการวางแผนสังหารคุณสนธิ คือ
“กลุ่มคนมีสี”
ที่ต้องมีผู้ร่วมขบวนการทั้งผู้บงการ ผู้จ้างวาน คนรับงาน กลุ่มมือปืน
ซึ่งทั้งหมดล้วนต้องวางแผนอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้สืบสวนโยงใยไปถึง”ผู้บงการ” ตัวจริงได้แน่นอน เห็นได้จากการที่ตำรวจใช้เวลาค่อนข้างนานในการสอบสวน ก็คงเพราะทีมสังหารได้เรียกระดมทีมแบบไม่ให้ตำรวจสามารถต่อจิ๊กซอว์ ความเชื่อมโยงของทีมสังหารได้
ที่สำคัญน่าเชื่อได้ว่า ผู้ลงมือทั้งหมดได้มีการเตรียมการกันไว้แล้วว่า หากสถานการณ์คับขัน ก็ต้องมีการตัดตอนเหมือนเช่นคดีสังหารใหญ่ๆ ก่อนหน้านี้เกือบทุกคดี
เพียงแต่คดีนี้ มีคำยืนยันจากนายกรัฐมนตรีว่า คดีนี้”ไม่มีมวยล้ม”
นั่นหมายความว่า นายกรัฐมนตรีต้องได้รับข้อมูล “ลับสุดยอด” ของคดีนี้จากปาก พล.ต.อ.ธานีที่เข้ารายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรี โดยไม่ผ่าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.!
อะไรคือสิ่งที่ อภิสิทธิ์รู้ หน้ากากไอ้โม่งผู้จ้างวาน คือใคร
นี่คือปริศนาที่ต้องติดตาม เพื่อรอลุ้นจะมีการกระชากหน้ากากคนอยู่เบื้องหลังออกมาทั้งหมดเมื่อไร
เพราะหากสุดท้ายคดีใหญ่ที่กระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศ บั่นทอนการต่อสู้ของการเมืองภาคประชาชน และคุกคามชีวิตสื่อสารมวลชนเช่นนี้ ยังมืดมน
ก็เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไร้น้ำยาของตำรวจไทย รวมถึงคำพูดที่ไร้มนต์ขลังของนายกรัฐมนตรี
คดีลอบสังหารคุณสนธิ ทุกฝ่ายต้องการเห็นนายกรัฐมนตรี ลงไปผลักดันหนุนหลังให้พล.ต.อ.ธานี ปิดคดีนี้ให้ได้ อย่าให้อำนาจมืดใดๆ มาขัดขวางการทำงานของตำรวจได้
เพราะอย่าลืมว่า หากชีวิตของคุณสนธิ ยังไม่ปลอดภัย ชีวิตของคนไทยคนอื่นๆ ก็ใช่จะอยู่ดีมีสุข หากคนชั่วยังลอยนวล
รวมถึง แม้แต่ชีวิตของคนชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ !
ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า ตั้งแต่เขาก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีข่าวในทำนองการวางแผนสังหารอภิสิทธิ์ ออกมาเช่นกัน อันยืนยันได้จากล่าสุดการออกมาระบุของ
“กษิต ภิรมย์” รมว.ต่างประเทศ ในตอนหนึ่งที่ออกมาชนกับทหาร เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็พูดเป็นปริศนาที่ตีความได้ว่า
ชีวิตของคุณสนธิ กับอภิสิทธิ์ ก็ล้วนตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
เพราะขบวนการลอบฆ่าคุณสนธิ ก็ล้วนแต่เป็น “Friendly Foe ศัตรูในมิตร” คนรอบกายอภิสิทธิ์ ทั้งนั้น หรือพูดอีกทางหนึ่งได้ว่า
นายกฯอภิสิทธิ์ ยังอยู่ในวงล้อมของขบวนการฆ่าคุณสนธิ!