ในผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้..ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้!
ตำรวจที่ดีส่วนใหญ่...ได้เสี่ยงชีวิตสร้างผลงานดีๆ ให้กับประเทศชาติและประชาชนมากมาย ในขณะที่...ตำรวจชั่วไม่กี่คนก็เอาแต่สร้างความเลวทรามให้กับบ้านเมืองและคนไทยเหลือคณานับ
ตำรวจ..คือ..กระบวนการยุติธรรมขั้นต้น ที่ทั้งสืบสวน-สอบสวน-ทำสำนวนคดีส่งต่อให้อัยการและศาล หากใครปะตำรวจชั่วเข้าล่ะก็..จะเสมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะความยุติธรรมขั้นต้นจะหายไป ย่อมเป็นอันตรายต่อกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องรับช่วงต่ออย่างอัยการและศาล ด้วยตำรวจชั่วสามารถทำหลักฐานปลอมและพยานเท็จได้ ทำผิดให้กลายเป็นถูก ทำให้คนดีที่บริสุทธิ์กลายเป็น “คนชั่ว” จนต้องติดคุกในข้อหาฉกรรจ์มาแล้วมากมาย ฯลฯ
กระทั่งบางครา..ยังฆ่าคนบริสุทธิ์แล้วยัดข้อหาร้ายแรงให้ ด้วยบทสรุปว่า..เป็นการวิสามัญฆาตกรรมครับ!
นายอภิสิทธิ์และคนในพรรค ปชป.ก็รู้อยู่แก่ใจว่า นายสมชาย ลีนะไพจิตร ที่เข้าไปช่วยทำคดีความให้ชาวมุสลิมกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถูกตำรวจชั่วบางคนจับและทำร้ายร่างกาย เพื่อบีบบังคับให้ยอมรับข้อหาแบ่งแยกดินแดน
ทว่า “ทนายสมชาย” กลับถูกตำรวจชั่วบางคน ในยุคทักษิณลักพาตัวกันกลางกรุงเทพมหานคร ทุกวันนี้..ตำรวจไทยยังหา “ทนายสมชาย” ไม่เจอ..แม้กระทั่งศพ!
นายอภิสิทธิ์และคนในพรรค ปชป.เคยอภิปรายประณามความอยุติธรรมของรัฐบาลทักษิณที่ใช้ตำรวจตั้งศาลเตี้ยจนเกิดการฆ่าคนไทยกว่า 2 พันคน ด้วยข้อกล่าวหาพัวพันค้ายาเสพติด!
คราครั้งพันธมิตรฯ และประชาชนคนไทยต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทุนนิยมสามานย์เผด็จการรัฐสภาทักษิณ ชินวัตร ตำรวจบางคนจงใจปล่อยให้พวกอันธพาลการเมืองคนเสื้อแดง เดินขบวนถืออาวุธอย่างโจ่งแจ้งจากสนามหลวง มุ่งมาทำร้ายผู้ชุมนุมอย่างสงบที่ทำเนียบรัฐบาล
ถึงขนาดตำรวจชั่วกลุ่มหนึ่งอ้างการปิดหมายศาล ยกกำลังเข้าทุบตีทำร้ายผู้ชุมนุมอย่างป่าเถื่อน จนบาดเจ็บกันระนาวที่สะพานมัฆวานฯ ทำให้ศาลที่ออกหมายดังกล่าว..ต้องยกเลิกหมายศาลในทันที!
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนเดียวกับที่เป็นนายกฯ ในวันนี้นี่แหละ ที่เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ถึงสะพานมัฆวานฯ หากการต่อสู้ของพันธมิตรฯ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง-ไม่ดีงาม นายกรัฐมนตรีชื่ออภิสิทธิ์ที่แสนฉลาดจะไปเยี่ยมหรือ? ทำไมตอนเป็นฝ่ายค้านจึงกล้ากว่าตอนเป็นรัฐบาล? ตอนนั้นทำไมจึงไม่เป็นกลางล่ะ ฯพณฯ นายกฯอภิสิทธิ์?
แถมตำรวจไทยยุคนั้นยังหลับหูหลับตายัดข้อหา “กบฏ” ให้กับแกนนำพันธมิตรฯ อย่างหน้าด้านๆ อีกด้วย จนทนายความพันธมิตรฯ ได้ยื่นขอความยุติธรรมต่อศาล ในที่สุดศาลก็ได้พิพากษาเพิกถอนหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหา “กบฏ” อันเป็นเท็จทิ้งลงถังขยะ!
นี่ยังไม่รวมตำรวจไทยในยุครัฐบาลนอมินีทักษิณ ปล่อยให้ “หมาลอบกัด” ใช้อาวุธสงครามลอบสังหารผู้ชุมนุมที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญอย่างสันติ จนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก โดยตำรวจไทยจับมือฆาตกรหรือ “หมาลอบกัด” ไม่ได้แม้แต่ “ตัวเดียว”!
เมื่อรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ตำรวจบางกลุ่มซึ่งรับใช้ทักษิณ..ก็ยิ่งได้ใจถึงขนาดเหิมเกริมบ้าอำนาจด้วยการทำผิดเสียเอง โดยสวมวิญญาณฆาตกรกระหายเลือด ใช้อาวุธสงครามนานาชนิดฆ่าคนไทยมือเปล่าๆ ที่กำลังต่อสู้ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ และไล่รัฐบาลนอมินีอันชั่วร้ายของทักษิณ จนต้องตายและบาดเจ็บมากมายกลางเมืองหลวง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551!
ตลอดห้วงเวลาดังกล่าว นายอภิสิทธิ์และ ปชป.ที่เป็นฝ่ายค้าน พวกเขามักอภิปรายประณามรัฐบาลทักษิณ ที่กำกับ-ดูแล-บังคับบัญชาองค์กรตำรวจไปในหนทางผิดๆ จนถึงขนาดสร้างรัฐตำรวจขึ้นบนแผ่นดินนี้ การกระทำดังกล่าวของทักษิณ..ได้ทำให้ตำรวจซึ่งกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ เต็มไปด้วยความอยุติธรรมระบาดไปทั่วทุกหย่อมหญ้า!
ทว่า..ยุคนายอภิสิทธิ์ปกครองบ้านเมือง นายกฯ เงาอย่างนายสุเทพที่นายอภิสิทธิ์ให้ดูแลองค์กรตำรวจ กลับปล่อยให้ตำรวจชั่วเหล่านั้นลอยนวล แถมบางคนยังกลับได้รับตำแหน่งหน้าที่สูงขึ้นอีกด้วย
ที่สำคัญ..จนถึงวันนี้..นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งกระทำความผิดจนศาลฎีกาฯพิพากษาให้ถูกจำคุก 2 ปี ก็ยังคงครองยศพ.ต.ท.อยู่อย่างครบถ้วน ภายใต้ประธานคกก.กตร.ที่ชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ!
ผมเขียนย้อนให้เห็นถึงยุคทักษิณกำกับดูแลองค์กรตำรวจ ซึ่งทำให้ประชาชนคนไทยได้รับแต่ความอยุติธรรม เมื่อมาส่องกล้องมองยุคอภิสิทธิ์เป็นประธาน คกก.กตร. ตำรวจก็ยังคงสร้างความอยุติธรรมให้กับคนไทยไม่ต่างหรือบางเรื่องยังร้ายแรงกว่ายุคทักษิณด้วยซ้ำไป...
ดังกรณีกลุ่ม “คนมีสี” ใช้อาวุธสงครามนานาชนิด ยิงถล่มใส่สื่อมวลชนอาวุโสและแกนนำมวลชนอย่าง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นับร้อยๆ นัดกลางกรุงอย่างโหดเหี้ยม ทั้งๆ ที่รัฐบาลได้ประกาศการใช้พระราชกำหนดสภาวะฉุกเฉิน มีทหารและตำรวจรักษาการเต็มไปหมด แต่คนร้ายกลับหลบหนีไปได้อย่างลอยนวล
เมื่อตำรวจตงฉินอย่าง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ กับคณะได้ดำเนินการคลี่คลายคดีของนายสนธิ ก็ถูก “ขาใหญ่มีสี” บางคนได้แอบติดต่อขอให้นายตำรวจบางคน ยุติการสืบสวนสอบสวนและทำลายหลักฐานในคดีดังกล่าว อ้อ..อีกทั้งมีตำรวจใหญ่บางคนใช้อำนาจ ดึงตำรวจมือดีในคณะทำงานของพล.ต.อ.ธานีออกจากการทำงานสำคัญนี้อีกด้วย
ถึงขนาด พล.ต.อ.ธานีเผยกับสาธารณะว่าคดีนี้ “เจอตอ” แต่จนถึงวันนี้นายอภิสิทธิ์และ “เทพเทือก” ก็ไม่เคยแสดงออกต่อสาธารณะว่า..จะจัดการ “ขจัดตอ” ที่เป็นอุปสรรคในการคลี่คลายคดียิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล เลย
ล่าสุด ตำรวจก็ทำเรื่องไม่ถูกต้องอีกแล้ว โดยได้ตั้งข้อหาเกินจริงหรือเป็นเท็จ ให้กับคนไทย 36 คน ด้วยการยัดเยียดข้อหา “ผู้ก่อการร้าย” ซึ่งมีความผิดร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต!
เฮ้อ..ต้องถือว่า..ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์..ตำรวจไทย ได้ทำเรื่องตลกระดับโลกขึ้นแล้วครับ
ตลกเรื่องที่ 1 หากผู้คนที่มาชุมนุมอย่างสงบสันติตามสิทธิรัฐธรรมนูญ อยู่หน้าสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง เพื่อเรียกร้องรัฐบาลนอมินีอันชั่วร้ายของทักษิณ ให้ยุติการบริหารบ้านเมืองเป็น “ผู้ก่อการร้าย”
แล้วการกระทำของ ทักษิณ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคนและแกนนำคนเสื้อแดง ที่ได้ปลุกระดมผ่านวิดีโอลิงก์-โฟนลิงก์ ให้อันธพาลการเมืองตามล่าตามฆ่านายกฯ อภิสิทธิ์ บุกล้มการประชุมนานาชาติระดับอาเซียนฯ ที่พัทยา ก่อการจลาจลเผารถเมล์และจะระเบิดรถก๊าซ รวมทั้งจะเผาบ้านเผาเมือง ฯลฯ ทำไมรัฐบาลอภิสิทธิ์และตำรวจกลับไม่ถือเป็น “ผู้ก่อการร้าย” ฯลฯ?
ตลกเรื่องที่ 2 หากพันธมิตรฯ และประชาชนที่มาชุมนุมอย่างสงบ แล้วตำรวจไทยถือว่า คน 36 คนและคนอีกนับพันนับหมื่นที่ชุมนุมกันเป็น “ผู้ก่อการร้าย” อย่างนี้หนังสือ “กินเนสบุ๊ค” คงต้องบันทึกเรื่องนี้แล้วล่ะ เพราะถือเป็นการค้นพบขบวน“ผู้ก่อการร้าย” ที่เยอะและใหญ่ที่สุดในโลกเลยล่ะ
แถม “ผู้ก่อการร้ายไทย” ยังเป็นทั้งนักวิชาการ ผู้นำเอ็นจีโอ พิธีกรวิทยุและโทรทัศน์ ดารานักแสดง นักสื่อสารมวลชน ผู้นำแรงงานรัฐวิสาหกิจ อดีตนายทหารยศพลเอก-ที่ปรึกษาของกระทรวงกลาโหม อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรี ฯลฯ
ตลกเรื่องที่ 3 ที่ตลกยิ่งขึ้นก็คือ รัฐบาลไทยโดยนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เห็นว่า “ผู้ก่อการร้าย” กลุ่มนี้ มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเหนือ “คนไม่เป็นผู้ก่อการร้าย” จนถึงกับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยนายอภิสิทธิ์ยังบังอาจพา “ผู้ก่อการร้าย” ไปเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าอยู่หัว!
ตลกเรื่องที่ 4 ทำไมตำรวจไทยจึงยังปล่อยปละละเว้นให้ “ผู้ก่อการร้าย” 36 คนและอีกนับพันนับหมื่นคน เที่ยวเพ่นพ่านเดินทางไปไหนมาไหนอย่างอิสระ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากว่าครึ่งค่อนปี อีกทั้งยังดันเพิ่งมาออกหมายเรียก แทนที่จะต้องจับตัว “ผู้ก่อการร้าย” ทั้งหมดในทันที?
การที่ตำรวจจะจับบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากถึง 36 คน ด้วยการยัดข้อกล่าวหาร้ายแรงเกินจริงและเป็นเท็จ อีกทั้งไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งถึงขั้นเป็น “ผู้ก่อการร้าย” นั้น คอการเมือง “ขาโจ๋” ย่อมรู้ดีว่า ตำรวจที่รับผิดชอบคดีและเรื่องใหญ่แบบนี้ ไม่กล้าหรือยากที่จะทำโดยพละการแน่นอน
“กระจิบข่าววงใน” กระซิบว่า งานอัปยศนี้..ก่อนตำรวจจะเดินหน้า คนมีอำนาจระดับสูงมาก-สูงรอง ได้แอบรับรู้-รู้เห็นเป็นใจและ “ไฟเขียว” แล้ว “ไฟเขียว” อีกครับ
มาถึงตรงนี้ก็ต้องขอบอกว่า หากผู้นำชาติใด..ไม่อาจอำนวยการให้บ้านเมืองเกิดความยุติธรรมกับประชาชนได้ ชาตินั้น..ก็จะเต็มไปด้วยอธรรมและความวุ่นวาย สุดท้ายจะจบลงด้วยวิบัติแห่งความรุนแรง ยิ่งผู้นำใดไม่อาจจำแนกแยกความดีกับความชั่ว ไม่อาจแยกทุจริตกับสุจริต ไม่อาจแยกคนดีกับคนไม่ดี ฯลฯ
ยิ่งผู้นำคนใด-ชาติใด ไม่ยอมทำหน้าที่ตามกฎหมายระบุ โดยอ้างความเป็นกลาง(อย่างสามานย์) แล้วปล่อยให้เจ้าหน้าใต้การดูแล-กำกับ-บังคับบัญชา กลั่นแกล้งรังแกทำร้ายคนดีผู้บริสุทธิ์ต่อหน้าต่อตาด้วยแล้ว ถือได้เลยว่า..เป็นผู้นำที่ใช้ไม่ได้..และไม่ควรใช้ เพราะจะเสียโอกาสแก้วิกฤตและพัฒนาบ้านเมืองครับ
ยิ่งผู้นำคนใด-ชาติใดดันไปคบค้าสมาคมกับคนชั่ว เชื่อในคนชั่ว-ยอมให้คนชั่วจูงจมูก-ยอมให้คนชั่วทำร้ายคนดี แถมให้ท้ายและเชิดชูคนชั่วสารพัด บอกได้เลยว่า..ผู้นำแบบนี้แหละที่จะทำให้ชาติล่มจมครับ
เพราะความจริง ก็คือ ความจริง คน 36 คนที่เป็นและไม่ได้เป็นพันธมิตรฯ และผู้คนที่ร่วมชุมนุมเรือนพัน-หมื่น-แสน-ล้านๆ คน ที่ออกมาต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทักษิณและพวกพ้อง ล้วนเป็นผู้รักชาติรักบ้านเมืองรักอนาคตของลูกหลานอย่างแท้จริง หากคนดีเหล่านี้เป็น “ผู้ก่อการร้าย” ในสายตาตำรวจไทยบางคนและผู้มีอำนาจบางกลุ่มล่ะก็...
อภิสิทธิ์-“เทพเทือก”-ตำรวจครับ ผมและเพื่อนฝูงอีกหลายคน ที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีของพันธมิตรฯ รายชื่อตกหล่นไปได้อย่างไร(วะ)??????
เพราะผมและเพื่อนเหล่านั้น..ก็เป็น “ผู้ก่อการร้าย” เหมือนกันนะโว้ย!!!!!
ตำรวจที่ดีส่วนใหญ่...ได้เสี่ยงชีวิตสร้างผลงานดีๆ ให้กับประเทศชาติและประชาชนมากมาย ในขณะที่...ตำรวจชั่วไม่กี่คนก็เอาแต่สร้างความเลวทรามให้กับบ้านเมืองและคนไทยเหลือคณานับ
ตำรวจ..คือ..กระบวนการยุติธรรมขั้นต้น ที่ทั้งสืบสวน-สอบสวน-ทำสำนวนคดีส่งต่อให้อัยการและศาล หากใครปะตำรวจชั่วเข้าล่ะก็..จะเสมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะความยุติธรรมขั้นต้นจะหายไป ย่อมเป็นอันตรายต่อกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องรับช่วงต่ออย่างอัยการและศาล ด้วยตำรวจชั่วสามารถทำหลักฐานปลอมและพยานเท็จได้ ทำผิดให้กลายเป็นถูก ทำให้คนดีที่บริสุทธิ์กลายเป็น “คนชั่ว” จนต้องติดคุกในข้อหาฉกรรจ์มาแล้วมากมาย ฯลฯ
กระทั่งบางครา..ยังฆ่าคนบริสุทธิ์แล้วยัดข้อหาร้ายแรงให้ ด้วยบทสรุปว่า..เป็นการวิสามัญฆาตกรรมครับ!
นายอภิสิทธิ์และคนในพรรค ปชป.ก็รู้อยู่แก่ใจว่า นายสมชาย ลีนะไพจิตร ที่เข้าไปช่วยทำคดีความให้ชาวมุสลิมกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถูกตำรวจชั่วบางคนจับและทำร้ายร่างกาย เพื่อบีบบังคับให้ยอมรับข้อหาแบ่งแยกดินแดน
ทว่า “ทนายสมชาย” กลับถูกตำรวจชั่วบางคน ในยุคทักษิณลักพาตัวกันกลางกรุงเทพมหานคร ทุกวันนี้..ตำรวจไทยยังหา “ทนายสมชาย” ไม่เจอ..แม้กระทั่งศพ!
นายอภิสิทธิ์และคนในพรรค ปชป.เคยอภิปรายประณามความอยุติธรรมของรัฐบาลทักษิณที่ใช้ตำรวจตั้งศาลเตี้ยจนเกิดการฆ่าคนไทยกว่า 2 พันคน ด้วยข้อกล่าวหาพัวพันค้ายาเสพติด!
คราครั้งพันธมิตรฯ และประชาชนคนไทยต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทุนนิยมสามานย์เผด็จการรัฐสภาทักษิณ ชินวัตร ตำรวจบางคนจงใจปล่อยให้พวกอันธพาลการเมืองคนเสื้อแดง เดินขบวนถืออาวุธอย่างโจ่งแจ้งจากสนามหลวง มุ่งมาทำร้ายผู้ชุมนุมอย่างสงบที่ทำเนียบรัฐบาล
ถึงขนาดตำรวจชั่วกลุ่มหนึ่งอ้างการปิดหมายศาล ยกกำลังเข้าทุบตีทำร้ายผู้ชุมนุมอย่างป่าเถื่อน จนบาดเจ็บกันระนาวที่สะพานมัฆวานฯ ทำให้ศาลที่ออกหมายดังกล่าว..ต้องยกเลิกหมายศาลในทันที!
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนเดียวกับที่เป็นนายกฯ ในวันนี้นี่แหละ ที่เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ถึงสะพานมัฆวานฯ หากการต่อสู้ของพันธมิตรฯ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง-ไม่ดีงาม นายกรัฐมนตรีชื่ออภิสิทธิ์ที่แสนฉลาดจะไปเยี่ยมหรือ? ทำไมตอนเป็นฝ่ายค้านจึงกล้ากว่าตอนเป็นรัฐบาล? ตอนนั้นทำไมจึงไม่เป็นกลางล่ะ ฯพณฯ นายกฯอภิสิทธิ์?
แถมตำรวจไทยยุคนั้นยังหลับหูหลับตายัดข้อหา “กบฏ” ให้กับแกนนำพันธมิตรฯ อย่างหน้าด้านๆ อีกด้วย จนทนายความพันธมิตรฯ ได้ยื่นขอความยุติธรรมต่อศาล ในที่สุดศาลก็ได้พิพากษาเพิกถอนหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหา “กบฏ” อันเป็นเท็จทิ้งลงถังขยะ!
นี่ยังไม่รวมตำรวจไทยในยุครัฐบาลนอมินีทักษิณ ปล่อยให้ “หมาลอบกัด” ใช้อาวุธสงครามลอบสังหารผู้ชุมนุมที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญอย่างสันติ จนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก โดยตำรวจไทยจับมือฆาตกรหรือ “หมาลอบกัด” ไม่ได้แม้แต่ “ตัวเดียว”!
เมื่อรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ตำรวจบางกลุ่มซึ่งรับใช้ทักษิณ..ก็ยิ่งได้ใจถึงขนาดเหิมเกริมบ้าอำนาจด้วยการทำผิดเสียเอง โดยสวมวิญญาณฆาตกรกระหายเลือด ใช้อาวุธสงครามนานาชนิดฆ่าคนไทยมือเปล่าๆ ที่กำลังต่อสู้ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ และไล่รัฐบาลนอมินีอันชั่วร้ายของทักษิณ จนต้องตายและบาดเจ็บมากมายกลางเมืองหลวง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551!
ตลอดห้วงเวลาดังกล่าว นายอภิสิทธิ์และ ปชป.ที่เป็นฝ่ายค้าน พวกเขามักอภิปรายประณามรัฐบาลทักษิณ ที่กำกับ-ดูแล-บังคับบัญชาองค์กรตำรวจไปในหนทางผิดๆ จนถึงขนาดสร้างรัฐตำรวจขึ้นบนแผ่นดินนี้ การกระทำดังกล่าวของทักษิณ..ได้ทำให้ตำรวจซึ่งกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ เต็มไปด้วยความอยุติธรรมระบาดไปทั่วทุกหย่อมหญ้า!
ทว่า..ยุคนายอภิสิทธิ์ปกครองบ้านเมือง นายกฯ เงาอย่างนายสุเทพที่นายอภิสิทธิ์ให้ดูแลองค์กรตำรวจ กลับปล่อยให้ตำรวจชั่วเหล่านั้นลอยนวล แถมบางคนยังกลับได้รับตำแหน่งหน้าที่สูงขึ้นอีกด้วย
ที่สำคัญ..จนถึงวันนี้..นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งกระทำความผิดจนศาลฎีกาฯพิพากษาให้ถูกจำคุก 2 ปี ก็ยังคงครองยศพ.ต.ท.อยู่อย่างครบถ้วน ภายใต้ประธานคกก.กตร.ที่ชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ!
ผมเขียนย้อนให้เห็นถึงยุคทักษิณกำกับดูแลองค์กรตำรวจ ซึ่งทำให้ประชาชนคนไทยได้รับแต่ความอยุติธรรม เมื่อมาส่องกล้องมองยุคอภิสิทธิ์เป็นประธาน คกก.กตร. ตำรวจก็ยังคงสร้างความอยุติธรรมให้กับคนไทยไม่ต่างหรือบางเรื่องยังร้ายแรงกว่ายุคทักษิณด้วยซ้ำไป...
ดังกรณีกลุ่ม “คนมีสี” ใช้อาวุธสงครามนานาชนิด ยิงถล่มใส่สื่อมวลชนอาวุโสและแกนนำมวลชนอย่าง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นับร้อยๆ นัดกลางกรุงอย่างโหดเหี้ยม ทั้งๆ ที่รัฐบาลได้ประกาศการใช้พระราชกำหนดสภาวะฉุกเฉิน มีทหารและตำรวจรักษาการเต็มไปหมด แต่คนร้ายกลับหลบหนีไปได้อย่างลอยนวล
เมื่อตำรวจตงฉินอย่าง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ กับคณะได้ดำเนินการคลี่คลายคดีของนายสนธิ ก็ถูก “ขาใหญ่มีสี” บางคนได้แอบติดต่อขอให้นายตำรวจบางคน ยุติการสืบสวนสอบสวนและทำลายหลักฐานในคดีดังกล่าว อ้อ..อีกทั้งมีตำรวจใหญ่บางคนใช้อำนาจ ดึงตำรวจมือดีในคณะทำงานของพล.ต.อ.ธานีออกจากการทำงานสำคัญนี้อีกด้วย
ถึงขนาด พล.ต.อ.ธานีเผยกับสาธารณะว่าคดีนี้ “เจอตอ” แต่จนถึงวันนี้นายอภิสิทธิ์และ “เทพเทือก” ก็ไม่เคยแสดงออกต่อสาธารณะว่า..จะจัดการ “ขจัดตอ” ที่เป็นอุปสรรคในการคลี่คลายคดียิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล เลย
ล่าสุด ตำรวจก็ทำเรื่องไม่ถูกต้องอีกแล้ว โดยได้ตั้งข้อหาเกินจริงหรือเป็นเท็จ ให้กับคนไทย 36 คน ด้วยการยัดเยียดข้อหา “ผู้ก่อการร้าย” ซึ่งมีความผิดร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต!
เฮ้อ..ต้องถือว่า..ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์..ตำรวจไทย ได้ทำเรื่องตลกระดับโลกขึ้นแล้วครับ
ตลกเรื่องที่ 1 หากผู้คนที่มาชุมนุมอย่างสงบสันติตามสิทธิรัฐธรรมนูญ อยู่หน้าสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง เพื่อเรียกร้องรัฐบาลนอมินีอันชั่วร้ายของทักษิณ ให้ยุติการบริหารบ้านเมืองเป็น “ผู้ก่อการร้าย”
แล้วการกระทำของ ทักษิณ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคนและแกนนำคนเสื้อแดง ที่ได้ปลุกระดมผ่านวิดีโอลิงก์-โฟนลิงก์ ให้อันธพาลการเมืองตามล่าตามฆ่านายกฯ อภิสิทธิ์ บุกล้มการประชุมนานาชาติระดับอาเซียนฯ ที่พัทยา ก่อการจลาจลเผารถเมล์และจะระเบิดรถก๊าซ รวมทั้งจะเผาบ้านเผาเมือง ฯลฯ ทำไมรัฐบาลอภิสิทธิ์และตำรวจกลับไม่ถือเป็น “ผู้ก่อการร้าย” ฯลฯ?
ตลกเรื่องที่ 2 หากพันธมิตรฯ และประชาชนที่มาชุมนุมอย่างสงบ แล้วตำรวจไทยถือว่า คน 36 คนและคนอีกนับพันนับหมื่นที่ชุมนุมกันเป็น “ผู้ก่อการร้าย” อย่างนี้หนังสือ “กินเนสบุ๊ค” คงต้องบันทึกเรื่องนี้แล้วล่ะ เพราะถือเป็นการค้นพบขบวน“ผู้ก่อการร้าย” ที่เยอะและใหญ่ที่สุดในโลกเลยล่ะ
แถม “ผู้ก่อการร้ายไทย” ยังเป็นทั้งนักวิชาการ ผู้นำเอ็นจีโอ พิธีกรวิทยุและโทรทัศน์ ดารานักแสดง นักสื่อสารมวลชน ผู้นำแรงงานรัฐวิสาหกิจ อดีตนายทหารยศพลเอก-ที่ปรึกษาของกระทรวงกลาโหม อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรี ฯลฯ
ตลกเรื่องที่ 3 ที่ตลกยิ่งขึ้นก็คือ รัฐบาลไทยโดยนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เห็นว่า “ผู้ก่อการร้าย” กลุ่มนี้ มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเหนือ “คนไม่เป็นผู้ก่อการร้าย” จนถึงกับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยนายอภิสิทธิ์ยังบังอาจพา “ผู้ก่อการร้าย” ไปเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าอยู่หัว!
ตลกเรื่องที่ 4 ทำไมตำรวจไทยจึงยังปล่อยปละละเว้นให้ “ผู้ก่อการร้าย” 36 คนและอีกนับพันนับหมื่นคน เที่ยวเพ่นพ่านเดินทางไปไหนมาไหนอย่างอิสระ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากว่าครึ่งค่อนปี อีกทั้งยังดันเพิ่งมาออกหมายเรียก แทนที่จะต้องจับตัว “ผู้ก่อการร้าย” ทั้งหมดในทันที?
การที่ตำรวจจะจับบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากถึง 36 คน ด้วยการยัดข้อกล่าวหาร้ายแรงเกินจริงและเป็นเท็จ อีกทั้งไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งถึงขั้นเป็น “ผู้ก่อการร้าย” นั้น คอการเมือง “ขาโจ๋” ย่อมรู้ดีว่า ตำรวจที่รับผิดชอบคดีและเรื่องใหญ่แบบนี้ ไม่กล้าหรือยากที่จะทำโดยพละการแน่นอน
“กระจิบข่าววงใน” กระซิบว่า งานอัปยศนี้..ก่อนตำรวจจะเดินหน้า คนมีอำนาจระดับสูงมาก-สูงรอง ได้แอบรับรู้-รู้เห็นเป็นใจและ “ไฟเขียว” แล้ว “ไฟเขียว” อีกครับ
มาถึงตรงนี้ก็ต้องขอบอกว่า หากผู้นำชาติใด..ไม่อาจอำนวยการให้บ้านเมืองเกิดความยุติธรรมกับประชาชนได้ ชาตินั้น..ก็จะเต็มไปด้วยอธรรมและความวุ่นวาย สุดท้ายจะจบลงด้วยวิบัติแห่งความรุนแรง ยิ่งผู้นำใดไม่อาจจำแนกแยกความดีกับความชั่ว ไม่อาจแยกทุจริตกับสุจริต ไม่อาจแยกคนดีกับคนไม่ดี ฯลฯ
ยิ่งผู้นำคนใด-ชาติใด ไม่ยอมทำหน้าที่ตามกฎหมายระบุ โดยอ้างความเป็นกลาง(อย่างสามานย์) แล้วปล่อยให้เจ้าหน้าใต้การดูแล-กำกับ-บังคับบัญชา กลั่นแกล้งรังแกทำร้ายคนดีผู้บริสุทธิ์ต่อหน้าต่อตาด้วยแล้ว ถือได้เลยว่า..เป็นผู้นำที่ใช้ไม่ได้..และไม่ควรใช้ เพราะจะเสียโอกาสแก้วิกฤตและพัฒนาบ้านเมืองครับ
ยิ่งผู้นำคนใด-ชาติใดดันไปคบค้าสมาคมกับคนชั่ว เชื่อในคนชั่ว-ยอมให้คนชั่วจูงจมูก-ยอมให้คนชั่วทำร้ายคนดี แถมให้ท้ายและเชิดชูคนชั่วสารพัด บอกได้เลยว่า..ผู้นำแบบนี้แหละที่จะทำให้ชาติล่มจมครับ
เพราะความจริง ก็คือ ความจริง คน 36 คนที่เป็นและไม่ได้เป็นพันธมิตรฯ และผู้คนที่ร่วมชุมนุมเรือนพัน-หมื่น-แสน-ล้านๆ คน ที่ออกมาต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทักษิณและพวกพ้อง ล้วนเป็นผู้รักชาติรักบ้านเมืองรักอนาคตของลูกหลานอย่างแท้จริง หากคนดีเหล่านี้เป็น “ผู้ก่อการร้าย” ในสายตาตำรวจไทยบางคนและผู้มีอำนาจบางกลุ่มล่ะก็...
อภิสิทธิ์-“เทพเทือก”-ตำรวจครับ ผมและเพื่อนฝูงอีกหลายคน ที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีของพันธมิตรฯ รายชื่อตกหล่นไปได้อย่างไร(วะ)??????
เพราะผมและเพื่อนเหล่านั้น..ก็เป็น “ผู้ก่อการร้าย” เหมือนกันนะโว้ย!!!!!