ASTVผู้จัดการรายวัน - ซีไอเอ็มบีไทยเตรียมขยังเป้าสินเชื่อ หลังครึ่งปีแรกติดลบ 5% ระบุจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำลูกค้าแหยงเบิกเงินกู้ ครึ่งปีหลังยังจับตาภาคส่งออก-ท่องเที่ยวหวั่นทรุดต่อทำธุรกิจพัง
นายสุภัค ศิวะรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน)(CIMBT)เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อของธนาคารในช่วงครึ่งปีแรกนั้น ต้องยอมรับยังอยู่ในระดับที่ติดลบประมาณ 5% ซึ่งเป็นไปตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย และยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสินเชื่อจะกลับมาขยายตัวหรือลูกค้าที่ขออนุมัติสินเชื่อไว้จะกลับมาเบิกใช้เงินในช่วงไหน เนื่องจากขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจว่าจะเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจเพียงใด รวมถึงสภาพคล่องของแต่ละธุรกิจด้วย
ดังนั้น จากสภาวะดังกล่าวธนาคารจึงเตรียมที่จะทบทวนเป้าการปล่อยสินเชื่อ จากเดิมที่เคยประมาณการไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคมว่าจะเติบโตประมาณ 15% หรือประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการทบทวนดังกล่าวจะเป็นการปรับประมาณการยอดสินเชื่อขึ้นหรือปรับลง เนื่องจากในที่ประชุมของธนาคารจะต้องมีการหารือถึงปัจจัยต่างๆเพิ่มเติม โดยคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในปลายเดือนกรกฎาคมนี้
"แน่นอนว่า เราจะมีการทบทวนเป้าของการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณปลายเดือนนี้ ซึ่งขณะนี้ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นการปรับขึ้นหรือลง เพราะยังต้องหารือร่วมกันก่อนถึงทิศทางในอนาคต"
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงไตรมาสที่2 ที่ผ่านมา ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยได้มีการอนุมัติยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่แล้วเป็นประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นสินเชื่อระยะยาวประมาณ 60%ของยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 6,000 - 7,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการขออนุมัติใช้อย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปี ส่วนที่เหลือเป็นสินเชื่อระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม การปล่อยสินเชื่อก้อนใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ยังไม่สามารถระบุได้ แต่คงต้องจับตาปัจจัยต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่น เรื่องไข้หวัด 2009 ซึ่งแม้จะกระทบในภาพรวมของประเทศไทยไม่มากนัก แต่ก็มีผลกระทบทางจิตวิทยาจนกดดันด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงไฮซีซัน และหากภาคการท่องเที่ยวไม่ฟื้นตัวหรือหดตัวลงอีก ก็จะกระทบถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวด้วย
นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปี ยังต้องจับตาในเรื่องการส่งออก เนื่องจากเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญมีมูลค่าคิดเป็น 70% ของจีดีพีและมีการหดตัวที่ค่อนข้างในช่วงที่ผ่านมาว่า จะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่หลังมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศใหญ่เริ่มฟื้นตัว เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีผลต่อธุรกิจต่างๆว่าและมีผลต่อการขอสินเชื่อธนาคารด้วย
อนึ่ง ในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา ธนาคารปล่อยสินเชื่อโดยรวม 8 หมื่นล้านบาท และในปัจจุบันธนาคารมีอัตราสินเชื่อต่อเงินฝาก(Loan To Deposit Ratio)อยู่ที่ 60%
นายสุภัค ศิวะรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน)(CIMBT)เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อของธนาคารในช่วงครึ่งปีแรกนั้น ต้องยอมรับยังอยู่ในระดับที่ติดลบประมาณ 5% ซึ่งเป็นไปตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย และยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสินเชื่อจะกลับมาขยายตัวหรือลูกค้าที่ขออนุมัติสินเชื่อไว้จะกลับมาเบิกใช้เงินในช่วงไหน เนื่องจากขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจว่าจะเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจเพียงใด รวมถึงสภาพคล่องของแต่ละธุรกิจด้วย
ดังนั้น จากสภาวะดังกล่าวธนาคารจึงเตรียมที่จะทบทวนเป้าการปล่อยสินเชื่อ จากเดิมที่เคยประมาณการไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคมว่าจะเติบโตประมาณ 15% หรือประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการทบทวนดังกล่าวจะเป็นการปรับประมาณการยอดสินเชื่อขึ้นหรือปรับลง เนื่องจากในที่ประชุมของธนาคารจะต้องมีการหารือถึงปัจจัยต่างๆเพิ่มเติม โดยคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในปลายเดือนกรกฎาคมนี้
"แน่นอนว่า เราจะมีการทบทวนเป้าของการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณปลายเดือนนี้ ซึ่งขณะนี้ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นการปรับขึ้นหรือลง เพราะยังต้องหารือร่วมกันก่อนถึงทิศทางในอนาคต"
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงไตรมาสที่2 ที่ผ่านมา ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยได้มีการอนุมัติยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่แล้วเป็นประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นสินเชื่อระยะยาวประมาณ 60%ของยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 6,000 - 7,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการขออนุมัติใช้อย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปี ส่วนที่เหลือเป็นสินเชื่อระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม การปล่อยสินเชื่อก้อนใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ยังไม่สามารถระบุได้ แต่คงต้องจับตาปัจจัยต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่น เรื่องไข้หวัด 2009 ซึ่งแม้จะกระทบในภาพรวมของประเทศไทยไม่มากนัก แต่ก็มีผลกระทบทางจิตวิทยาจนกดดันด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงไฮซีซัน และหากภาคการท่องเที่ยวไม่ฟื้นตัวหรือหดตัวลงอีก ก็จะกระทบถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวด้วย
นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปี ยังต้องจับตาในเรื่องการส่งออก เนื่องจากเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญมีมูลค่าคิดเป็น 70% ของจีดีพีและมีการหดตัวที่ค่อนข้างในช่วงที่ผ่านมาว่า จะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่หลังมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศใหญ่เริ่มฟื้นตัว เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีผลต่อธุรกิจต่างๆว่าและมีผลต่อการขอสินเชื่อธนาคารด้วย
อนึ่ง ในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา ธนาคารปล่อยสินเชื่อโดยรวม 8 หมื่นล้านบาท และในปัจจุบันธนาคารมีอัตราสินเชื่อต่อเงินฝาก(Loan To Deposit Ratio)อยู่ที่ 60%