เอเอฟพี – รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ทิโมธี ไกธ์เนอร์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์(12)ว่า เขาไม่รู้สึกกังวลต่อฐานะที่ดูเหมือนจะเสื่อมลงของเงินดอลลาร์อเมริกัน ในการใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ หลังจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบจากทั้งจีน รัสเซีย และฝรั่งเศส
ไกธ์เนอร์กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น ว่าเขาไม่วิตกกังวลต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้น เพราะถ้าศึกษาพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนทั่วโลก ในช่วงเวลาที่เกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ ซึ่งนักลงทุนให้ความสำคัญมากที่สุดกับปัจจัยความเสี่ยง การลงทุนก็จะมุ่งเน้นไปยังตลาดที่ปลอดภัยที่สุด มีสภาพคล่องมากที่สุด
“รูปแบบการลงทุนลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในช่วงเวลาที่เกิดภาวะวิกฤต เราจึงต้องมั่นใจว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ไกธ์เนอร์กล่าว และเสริมว่า เขายังคงมุ่งเน้นการทำงานเพื่อดำรงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐฯต่อไป
“การรักษาเงินดอลลาร์ให้มีค่าแข็ง เป็นผลประโยชน์โดยตรงของสหรัฐฯ ภารกิจของเราทั้งต่อชาวโลกและชาวอเมริกัน ก็คือการดำเนินนโยบายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินของสหรัฐฯ” รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯบอก
ไกธ์เนอร์แสดงความเห็นเรื่องนี้ ในขณะที่ฝรั่งเศสได้ร่วมประสานเสียงกับหลายประเทศ ในการวิพากษ์วิจารณ์ระบบการเงินโลกที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯมีอิทธิพลเหนือเงินตราสกุลอื่น ๆ โดยประธานาธิบดีนิโคลาส ซาร์โคซี กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี(9)ว่า สังคมโลกที่เป็นพหุนิยมควรจะต้องมีระบบการเงินหลากหลายสกุลด้วย
ประธานาธิบดีซาร์โคซี นับเป็นผู้นำยุโรปคนแรก ที่ร่วมประสานเสียงกับจีนและรัสเซีย ในการเรียกร้องให้มีสกุลเงินตราใหม่ที่จะใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ ทำนองเดียวกับ สกุลเงิน Special Drawing Rigths หรือ SDR ที่ประดิษฐ์ขึ้นและใช้กันอยู่ในกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ก่อนหน้านี้ ไต้ ปิงกั๋ว มุขมนตรีแห่งรัฐของจีนก็ได้กล่าวในที่ประชุมสุดยอด จี-8 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ประชาคมนานาชาติน่าจะร่วมกันสนับสนุนระบบการเงินระหว่างประเทศ ที่มีความหลากหลายและสมเหตุสมผลกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ไกธ์เนอร์เน้นย้ำในการให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นคราวนี้ว่า จีนควรจะมีบทบาทในการสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจของโลกด้วยเช่นกัน ด้วยการเร่งกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศมากกว่าการผลักดันให้เปลี่ยนแปลงระบบทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ และว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับจีน ว่าด้วยยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจ ซึ่งกำหนดจะมีขึ้นในกรุงวอชิงตันในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้านั้น สหรัฐฯจะเรียกร้องให้วางกรอบข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายสามารถยอมรับได้
ทั้งนี้เพื่อให้เข้าใจตรงกันว่า “เมื่อสหรัฐฯต้องเพิ่มการออม ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นและกำลังดำเนินการอยู่ในขอบเขตใหญ่โตทีเดียวนั้น ประชาคมโลกก็จะต้องปรับเปลี่ยนนโยบายให้สอดคล้องกับความเป็นจริงใหม่ที่เกิดขึ้น โดยต้องเร่งกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศของตนเอง เพื่อให้เกิดการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของอุปสงค์ในประเทศของพวกเขาเอง” รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯกล่าว
ไกธ์เนอร์กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น ว่าเขาไม่วิตกกังวลต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้น เพราะถ้าศึกษาพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนทั่วโลก ในช่วงเวลาที่เกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ ซึ่งนักลงทุนให้ความสำคัญมากที่สุดกับปัจจัยความเสี่ยง การลงทุนก็จะมุ่งเน้นไปยังตลาดที่ปลอดภัยที่สุด มีสภาพคล่องมากที่สุด
“รูปแบบการลงทุนลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในช่วงเวลาที่เกิดภาวะวิกฤต เราจึงต้องมั่นใจว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ไกธ์เนอร์กล่าว และเสริมว่า เขายังคงมุ่งเน้นการทำงานเพื่อดำรงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐฯต่อไป
“การรักษาเงินดอลลาร์ให้มีค่าแข็ง เป็นผลประโยชน์โดยตรงของสหรัฐฯ ภารกิจของเราทั้งต่อชาวโลกและชาวอเมริกัน ก็คือการดำเนินนโยบายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินของสหรัฐฯ” รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯบอก
ไกธ์เนอร์แสดงความเห็นเรื่องนี้ ในขณะที่ฝรั่งเศสได้ร่วมประสานเสียงกับหลายประเทศ ในการวิพากษ์วิจารณ์ระบบการเงินโลกที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯมีอิทธิพลเหนือเงินตราสกุลอื่น ๆ โดยประธานาธิบดีนิโคลาส ซาร์โคซี กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี(9)ว่า สังคมโลกที่เป็นพหุนิยมควรจะต้องมีระบบการเงินหลากหลายสกุลด้วย
ประธานาธิบดีซาร์โคซี นับเป็นผู้นำยุโรปคนแรก ที่ร่วมประสานเสียงกับจีนและรัสเซีย ในการเรียกร้องให้มีสกุลเงินตราใหม่ที่จะใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ ทำนองเดียวกับ สกุลเงิน Special Drawing Rigths หรือ SDR ที่ประดิษฐ์ขึ้นและใช้กันอยู่ในกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ก่อนหน้านี้ ไต้ ปิงกั๋ว มุขมนตรีแห่งรัฐของจีนก็ได้กล่าวในที่ประชุมสุดยอด จี-8 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ประชาคมนานาชาติน่าจะร่วมกันสนับสนุนระบบการเงินระหว่างประเทศ ที่มีความหลากหลายและสมเหตุสมผลกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ไกธ์เนอร์เน้นย้ำในการให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นคราวนี้ว่า จีนควรจะมีบทบาทในการสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจของโลกด้วยเช่นกัน ด้วยการเร่งกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศมากกว่าการผลักดันให้เปลี่ยนแปลงระบบทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ และว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับจีน ว่าด้วยยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจ ซึ่งกำหนดจะมีขึ้นในกรุงวอชิงตันในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้านั้น สหรัฐฯจะเรียกร้องให้วางกรอบข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายสามารถยอมรับได้
ทั้งนี้เพื่อให้เข้าใจตรงกันว่า “เมื่อสหรัฐฯต้องเพิ่มการออม ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นและกำลังดำเนินการอยู่ในขอบเขตใหญ่โตทีเดียวนั้น ประชาคมโลกก็จะต้องปรับเปลี่ยนนโยบายให้สอดคล้องกับความเป็นจริงใหม่ที่เกิดขึ้น โดยต้องเร่งกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศของตนเอง เพื่อให้เกิดการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของอุปสงค์ในประเทศของพวกเขาเอง” รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯกล่าว
