xs
xsm
sm
md
lg

ประธานเฟดมั่นใจศก.หลุดถดถอยปีนี้ แต่เตือนระยะยาวต้องลดหนี้สินรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์ – ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เบน เบอร์นันกี กล่าวแสดงความมั่นใจมากขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีสัญญาณการฟื้นตัว ในระหว่างไปให้ปากคำแก่รัฐสภาเมื่อวันพุธ (3) แต่ก็เตือนด้วยว่าจำเป็นจะต้องลดหนี้ภาครัฐบาล จึงจะมีหลักประกันว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีสุขภาพดีในระยะยาว
ระหว่างการให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เบอร์นันกีมีน้ำเสียงแสดงความมั่นใจมากขึ้นกว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯจะสิ้นสุดในปีนี้ และเขากล่าวด้วยว่าความเสี่ยงที่จะเกิดสภาพราคาสินค้าดิ่งลงรุนแรงจนก่อให้เกิดภาวะเงินฝืดนั้น ก็ได้ลดน้อยลงไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เบอร์นันกีชี้ว่าการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มมากขึ้นของรัฐบาล อาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯระยะยาว
“สิ่งที่ต้องทำเพื่อคงไว้ซึ่งความเชื่อมั่นในตลาดการเงินก็คือ เรา ในฐานะของประเทศชาติ จะต้องเริ่มวางแผนเพื่อฟื้นให้งบประมาณกลับมีความสมดุลกันใหม่” เบอร์นันกีกล่าว
“หากว่าเราไม่แสดงให้เห็นถึงการมุ่งมั่นผูกพันอย่างแข็งขันต่อการสร้างความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาวแล้ว เราจะไม่มีทั้งเสถียรภาพทางการเงิน และการเติบโตของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง”
เขากล่าวว่าหนี้ภาครัฐที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีส่วนทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เบอร์นันกีไม่ยอมเฉลยสิ่งที่พวกนักลงทุนต้องการทราบอย่างมาก นั่นคือว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะรับซื้อตราสารหนี้รัฐบาลหรือตราสารหนี้ที่อิงกับสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นหรือไม่ เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวลดต่ำลงมา
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา บอกว่าการขาดดุลงบประมาณเป็นความเลวร้ายที่จำเป็น ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังมีปัญหาเรื่องสินเชื่อรวมทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำจนถึงที่สุดเช่นนี้ แต่เมื่อวิกฤตผ่านพ้นไป สถานการณ์ดีขึ้น รัฐบาลก็จะต้องหันมาเน้นเรื่องการปรับสถานการณ์คลังให้ดีขึ้น
ปัญหาการขาดดุลการคลังอย่างมหาศาลของสหรัฐฯ ทำให้ประเทศที่ถือตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐฯเอาไว้จำนวนมหาศาลอย่างเช่นจีน เกิดความวิตกกังวล หากว่าสหรัฐฯไม่สามารถที่จะคุมการขาดดุลในระยะยาวได้ ก็จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนลง และเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้มูลค่าของพันธบัตรกระทรวงการคลังลดลงไปอย่างรวดเร็ว
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ทิโมธี ไกธ์เนอร์ที่เพิ่งสิ้นสุดการเดินทางเยือนจีนเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ได้ไปให้ความมั่นใจแก่ทางการปักกิ่งว่า สหรัฐฯยังคงเดินหน้าตามนโยบายค่าเงินแข็งแกร่งต่อไป
นอกจากนี้แหล่งข่าวในจีน ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้ก็ยืนยันว่า ธนาคารกลางในประเทศเหล่านี้ซึ่งมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศรวมกันถึงครึ่งหนึ่งของโลก จะยังคงเดินหน้าลงทุนในตราสารหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯต่อไป กระทั่งว่าถ้าอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐฯโดยรวม จะถูกปรับลดลงมา
แม้ว่าเบอร์นันกีจะประเมินเศรษฐกิจดีกว่าเดิม แต่เขาก็ยอมรับถึงจะเริ่มเห็นสัญญาณของการฟื้นตัว แต่ว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจยังจะอยู่ในระดับต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริงไปอีกสักพัก
“ตอนนี้เรากำลังอยู่ในกระบวนการของการซ่อมแซมที่เชื่องช้า และค่อยเป็นค่อยไปทั้งในระบบการเงินและเศรษฐกิจ” เขากล่าว “แต่เราก็หลีกพ้นความหายนะที่ร้ายแรงมาได้แล้ว”
เบอร์นันกีกล่าวว่าตลาดการเงินดีขึ้นมาก ส่วนหนึ่งนั้นมาจากความพยายามของเฟดที่จะผลักดันให้เกิดมีการกู้ยืมขึ้นมาใหม่ เขาได้ชี้ให้เห็นถึงการพุ่งขึ้นของผลตอบแทนของพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯระยะยาว รวมทั้งตราสารหนี้ที่อิงจากสินเชื่อบ้านแบบอัตราดอกเบี้ยตายตัวด้วย ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนพากันกังวลว่าอาจจะกระชากให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสะดุดหยุดลง
“การเพิ่มขึ้นนี้เป็นการสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลอันมหาศาลของรัฐบาลกลาง รวมทั้งการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในเร็ว ๆนี้ และทำให้เม็ดเงินไหลกลับเข้ามาในตลาดใหม่อีกครั้ง รวมทั้งปัจจัยทางด้านเทคนิคที่เกี่ยวกับการกระจายความเสี่ยงในตราสารที่อิงอยู่กับสินเชื่อบ้าน”เบอร์นันกีกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น