เอเจนซี - รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ทิโมธี ไกธ์เนอร์ ระบุเมื่อวันอังคาร (21) ว่า ธนาคารในอเมริกาจำนวนมาก มีเงินกองทุนเพียงพอต่อการให้กู้ยืม แต่ในสภาพที่จำนวนหนี้เสียยังกำลังเพิ่ม จึงทำให้เกิดความไม่แน่ใจขึ้นว่า พวกธนาคารจะกลับมาแข็งแกร่งเพียงพอหรือไม่ และเศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวได้เร็วเพียงใด
ไกธ์เนอร์ กล่าวเช่นนี้ระหว่างไปไปให้ปากคำต่อหน้าคณะกรรมาธิการกำกับตรวจสอบของรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการทำงานของกระทรวงการคลังในการแก้ไขช่วยชีวิตธนาคารที่ประสบปัญหา เขายังได้ย้ำว่าสินทรัพย์เน่าเสียกำลัง “ทำให้เกิดการคั่งตัว” ในระบบการเงินของสหรัฐฯ รวมทั้งเป็นตัวขัดขวางความพยายามที่จะทำให้สินเชื่อกลับมามีสภาพคล่องเช่นเดิม
“ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมูลค่าของสินทรัพย์ที่มีปัญหาเหล่านี้ ทำให้ความสามารถในการระดมทุนจากภาคเอกชนของสถาบันการเงินลดลง” ไกธ์เนอร์ กล่าว และเขาก็แสดงความหวังว่าโครงการร่วมทุนรัฐ-เอกชนที่รัฐบาลเสนอให้จัดตั้งขึ้น จะสามารถทำให้มีการกำหนดราคาขึ้นมาอีกครั้ง สำหรับตราสารสินเชื่อบ้านและสินทรัพย์อื่นๆ ที่เวลานี้ไร้สภาพคล่องไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ นีล บารอฟสกี ผู้ตรวจการพิเศษที่ดูแลความพยายามกอบกู้ภาคการเงินของรัฐบาล แถลงผลการศึกษา ว่า แผนการแก้ไขปัญหาสินทรัพย์เน่าเสียที่รัฐบาลดำเนินการนี้ กลายเป็นการเปิดโอกาสให้มีการฉ้อโกงและใช้อำนาจในทางไม่ชอบ เขาเตือนด้วยว่าจำเป็นจะต้องใช้ระเบียบเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เข้ามาควบคุมพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐและผู้เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด
บารอฟสกี กล่าวอีกว่า การอุดหนุนแก่ภาคเอกชนที่จะเข้าร่วมทุนกับรัฐบาล เพื่อซื้อสินทรัพย์เน่าเสียนั้น อาจทำให้เกิดความสูญเสียในเม็ดเงินของผู้เสียภาษีมากไปกว่าเดิม เขาเรียกร้องให้คัดกรองนักลงทุนที่จะเข้ามาเป็นผู้ร่วมทุนอย่างละเอียดลออ รวมทั้งตั้งข้อกำหนดให้มีการเปิดเผยสัดส่วนการถือหุ้น รวมทั้งข้อสัญญาต่าง ๆที่เกี่ยวกับกองทุนร่วมรัฐ-เอกชนทั้งหลาย
เท่าที่ผ่านมาเพื่อแก้ไขปัญหาของภาคการเงินการธนาคาร ทางรัฐบาลได้อัดฉีดเม็ดเงินหลายแสนล้านดอลลาร์เข้าไปในธนาคารหลายแห่ง เพื่อช่วยประคองธุรกิจจากการขาดทุนสินเชื่อบ้านจำนวนมหาศาล รวมทั้งรัฐบาลยังกำลังทำการตรวจสอบธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 19 แห่ง เพื่อดูว่าสถานะทางการเงินอยู่ในระดับที่จะทนทานได้หรือไม่ หากเศรษฐกิจยังคงทรุดตัวต่อไปอีก
ในจัดหมายฉบับหนึ่งซึ่งส่งถึง อลิซาเบธ วอร์เรน ประธานคณะกรรมาธิการกำกับตรวจสอบของรัฐสภา ชี้แจงว่า ในจำนวนเงินทั้งหมด 700,000 ล้านดอลลาร์ ที่ได้รับอนุมัติตั้งแต่ปีที่แล้วจากรัฐสภาตามโครงการบรรเทาสินทรัพย์มีปัญหา (ทีเออาร์พี) เวลานี้ทางกระทรวงยังคงมีเงินเหลืออยู่ราว 134,500 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ช่วยเพิ่มระดับเงินทุนของธนาคารต่างๆ และเขาเห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องขอเงินเพิ่มเติมจากรัฐสภาอีก
นอกจากนั้น ไกธ์เนอร์ ยังบอกว่า “ในขณะนี้ ธนาคารส่วนใหญ่มีเงินทุนมากเกินกว่าเกณฑ์ที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดไว้” คำกล่าวนี้เองทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯพุ่งขึ้นในวันอังคาร
อย่างไรก็ตาม ไกธ์เนอร์ ก็ยอมรับว่า ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของระบบการธนาคาร และกล่าวว่าเรื่องนี้มีผลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจโดยรวม
“ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ รวมกับผลกระทบของมูลค่าสินทรัพย์มีปัญหาที่ยังไม่นิ่ง ได้ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสุขภาพของธนาคารแต่ละแห่ง และจึงส่งผลให้ธนาคารต่างๆ ลดการให้กู้ยืมเงินอย่างฮวบฮาบตลอดทั่วทั้งระบบการเงิน” เขากล่าว