รายงาน
เป็นที่รับรู้กันว่าเมืองเชียงใหม่เป็นฐานที่มั่นทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคนเสื้อแดงจึงส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในพื้นที่ดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การมุ่งใช้กำลังคุกคามไปจนถึงการทำร้ายร่างกายที่คนเสื้อแดงจัดการกับฝ่ายตรงกันข้าม ทำให้การทำงานของคนเสื้อเหลืองที่เชียงใหม่จึงยากลำบากกว่าพื้นที่อื่น ๆ
ระหว่างการชุมนุม 193 วันของพันธมิตรฯ มวลชนคนเสื้อเหลืองในเชียงใหม่ถูกข่มขู่ คุกคามสารพัดรูปแบบ ทำให้การทำงานต้องใช้วิธีการตั้งเป็นคณะทำงานที่ไม่เปิดเผยตัว ยกเว้นแกนนำดั้งเดิมที่ประกาศเปิดตัวมาตั้งแต่ยุคปี 2549 เช่น หมี-สุริยันต์ ทองหนูเอียด เจี๊ยบ-ชมพูนุท โทสินธิติ ศ.เฉลิมพล แซมเพชร รวมไปถึงแม่เพลงล้านนาอย่าง สุนทรี เวชานนท์ เป็นต้น
แท้จริงแล้วการทำงานของพันธมิตรฯเชียงใหม่ระหว่าง 193 วันมีคณะทำงานฝ่ายต่าง ๆ ที่เป็นแกนกลางมากกว่า 20 คน การระดมพลเข้ากรุงเทพฯ ประสานรถ ประสานแหล่งสนับสนุน จัดทำเว็บไซต์เครือข่าย http://www.lanna-pad.net/ จัดทำหนังสือเผยแพร่ และจัดเวทีต่าง ๆ หลายครั้งล้วนแต่เป็นผลงานของทีมงานที่ไม่เปิดเผยตัวเองเป็นกำลังสำคัญ
จนกระทั่งห้วงเวลาแห่งการต่อสู้ 193 วันได้ผ่านพ้นไป บทบาทหน้าที่ของมวลชนพันธมิตรฯในระดับพื้นที่คือ การสร้างองค์กรและเครือข่ายที่เข้มแข็งรองรับภารกิจการเมืองภาคประชาชน และ พรรคการเมืองใหม่
เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเชียงใหม่ จึงได้จัดประชุมเพื่อปรับโครงสร้างเตรียมรองรับพรรคการเมืองใหม่เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยจะมีแกนนำบางส่วนที่แยกไปทำงานให้แก่พรรคที่จัดตั้งขึ้น ขณะเดียวกันได้มีการเลือกตัวแทนที่จะมาเป็นแกนทำงานชุดใหม่ แทนชุดของ สุริยันต์ ทองหนูเอียด ศ.เฉลิมพล แซมเพชร ฯลฯ
ปรากฏว่ารายชื่อที่สมาชิกได้ร่วมกันเสนอขึ้นมาล้วนแต่เป็นสุภาพสตรี และมีบทบาทในฐานะแม่ยกรายสำคัญทั้งสิ้น จึงมีการขนานนามแกนนำรุ่น 2 ว่า “รุ่น 6 เจ๊เชียงใหม่” ประกอบด้วยเจ๊ๆ และป้า ๆ ดังต่อไปนี้ เจ๊ผ่อง เจ๊จุก ป้าปุก ป้าขาว และอีกสองแกนนำจากเครือข่ายต่างอำเภอคือ เจ๊แดง และ เจ๊กุ้ง จาก 3 อำเภอตอนบน
ภารกิจหลักของแกนนำรุ่นใหม่ในยุคที่ไม่ต้องยกขบวนไปร่วมชุมนุมที่ส่วนกลางก็คือการมุ่งสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์กร ซึ่งดูเหมือนจะสอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของบรรดา 6 เจ๊ ที่ล้วนแต่เป็นแม่ยกตัวเอ้ มีงานกิจกรรมแต่ละครั้งแม่ยก 6 เจ๊เหล่านี้แหละที่เป็นผู้เชิญชวนคนมาเข้าร่วม และจัดหาอาหารการกินเอาไว้ตลอดเวลา
ป้าปุก – “ขบวนการพันธมิตรฯจะช่วยให้เชียงใหม่ดีกว่าที่เป็นอยู่”
สาวเชียงใหม่ชื่อ ป้าปุก นิตยาพร สุวรรณชิน แม่ญิงวัย 63 ปีคนนี้ไม่ธรรมดา หลังจากจบการศึกษาด้าน Office Management จากอเมริกา ส่วนสามีผู้เป็นสีเหลืองเต็มตัวก็จบสถาปนิกจากอเมริกาเช่นเดียวกัน เคยจับธุรกิจหลายรูปแบบไม่ว่างานรับเหมา ค้าขาย ปัจจุบันมีฟาร์มไก่ไข่ และมีร้านค้าอยู่กลางเมืองเชียงใหม่
ด้วยความที่ลูก ๆ โตแล้วคนหนึ่งทำงานที่อเมริกา อีกคนกลับมาจากฝรั่งเศส ทำให้ป้าปุก เดินทางขึ้นล่องเชียงใหม่-กรุงเทพฯ ระหว่างการประท้วง 193 วันเป็นว่าเล่น แรก ๆ ก็ไปคนเดียวระยะหลังได้รู้จักเพื่อน ๆ ที่มาจากเชียงใหม่ด้วยกัน ทำให้เกิดเครือข่ายเมื่อมีการทำกิจกรรมในนามพันธมิตรฯเชียงใหม่ ป้าปุกจึงไม่เคยพลาดที่จะนำอาหารและไข่ต้มจากฟาร์มตัวเองไปร่วมอยู่เสมอ
ป้าปุก เป็นคนในตระกูลเก่าแก่มีเพื่อนจากโรงเรียนเรยินาเชลีวิทยาลัยจึงกว้างขวางในแวดวงคนสีเหลือง เมื่อมีการบริจาคจัดกิจกรรมแต่ละที ป้าปุกมักจะได้เงินจากเครือข่ายเพื่อนฝูงที่ประสงค์ออกเงินไม่ประสงค์เปิดตัวอยู่เสมอ
ป้าปุก ในฐานะแกนนำพันธมิตรฯเชียงใหม่รุ่น 2 กล่าวว่า ความที่ตนเกิดในเชียงใหม่เห็นเชียงใหม่มาตลอด รับรู้ว่ามีเรื่องที่ไม่ดีงาม การทุจริตคอร์รัปชัน นักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาโกงกิน มีการทำผิดกฎหมายด้วยอำนาจของข้าราชการหรือนักการเมือง ดังนั้น หากประชาชนมารวมกลุ่มกันให้เข้มแข็งด้วยจุดหมายดีงามที่คล้ายคลึงกัน จะช่วยให้บ้านเมืองของเราดีขึ้นมาได้ เพราะจะเป็นพลังในการตรวจสอบหรือคัดค้านการกระทำผิด
ในฐานะที่รับไม้แกนนำมายอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่พันธมิตรฯเชียงใหม่จะทำงานได้ราบรื่น การไปทำความเข้าใจกับคนกลุ่มต่าง ๆ ที่ได้ไปเจอจะไม่เอาสีเป็นที่ตั้ง แต่จะอธิบายความถูกต้องดีงามเป็นที่ตั้ง
สิ่งที่ป้าปุกถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากคือ การสื่อสารไปยังเครือข่ายและสังคม หากมีสื่อเช่น วิทยุชุมชนของตนเองได้จะเป็นการดีมาก ซึ่งเรื่องดังกล่าวคณะทำงานได้หารือกันบ่อยครั้งมาก
ป้าขาว - “ป้าอยากไปคุยกับเพชรวรรต”
ป้าขาว สัญญา ศรีไสยเพชร ปัจจุบันอายุ 55 ปี ทำงานที่โรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ ป้าขาวได้รับการเลือกให้เป็นแกนนำรุ่นใหม่ด้วยความที่ไปปรากฏกายในทุกงานที่พันธมิตรฯจัดกิจกรรม ไม่เท่านั้นยังตระเวนไปตามบ้านหรือที่ทำงานของชาวสีเหลืองอยู่เป็นนิจ บ้างก็ไปขอเงินบริจาคสมทบทำกิจกรรมกรณีที่มีผู้ติดงานไปร่วมไม่ได้ แต่เหนืออื่นใดป้าขาวเป็นคนปากกับใจตรงกัน เป็นผู้หญิงแถวหน้าแบบไม่กลัวใคร
ป้าขาวไม่ใช่คนเชียงใหม่โดยกำเนิด เคยมีธุรกิจที่กรุงเทพฯ และชอบเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังยุค 14 ตุลา 2516 ป้าขาวไปช่วยงานกลุ่มกรรมกร ตั้งกลุ่มชื่อว่า “15 ตุลา” ไปร่วมช่วยกรรมกรที่เราเห็นว่าได้รับความไม่ชอบธรรม เช่น ไปช่วยประท้วงโรงงานทอผ้าแห่งหนึ่งนาน 3 เดือน ขนาดที่เคยไปนอนขวางรถของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีในยุคนั้นมาแล้ว
ป้าขาวเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรฯเชียงใหม่ระหว่างเดินทางไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ และได้พบปะกับชาวเชียงใหม่ที่อยู่ที่นั่น จนที่สุดกลายเป็นคณะทำงานวงในสุดที่ขับเคลื่อนพันธมิตรฯเชียงใหม่อย่างเงียบ ๆ ไม่เปิดตัว แต่ก็ได้รับมอบหมายให้ทำกิจกรรมสำคัญ ๆ บ่อยครั้ง เช่นล่าสุดเป็นตัวแทนของพันธมิตรฯเชียงใหม่เข้าร่วมประชุมหารือกำหนดจัดงานรำลึก 193 วันที่บ้านพระอาทิตย์
ป้าขาวบอกว่า ในฐานะแกนนำใหม่จะต้องพยายามทำให้องค์กรของเราเข้มแข็ง และก็ยอมรับว่าเมืองเชียงใหม่เป็นเมืองสีแดง ยากที่จะไปเปลี่ยนแปลงเขา มีทางเดียวคือก้มหน้าก้มตาทำงานของเราให้ดีที่สุด
ป้าขาวกล่าวต่อว่า การทำกิจกรรมที่ผ่านมาคนไม่กล้าเข้าร่วมมากเพราะกลัวความไม่ปลอดภัย สิ่งแรกที่ป้าขาวคิดคือเรื่องการให้ความมั่นใจแก่พี่น้องที่จะเข้ามาร่วม
ป้าขาว ยังบอกว่า ป้าอยากจะไปพบเพชรวรรต (วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51) เพื่อนั่งคุยกันกับเขาแบบดี ๆ อธิบายว่าขอต่างคนต่างอยู่ได้ไหม มิฉะนั้นเมืองเชียงใหม่จะบอบช้ำยิ่งไปกว่านี้ เวลาเขาจัดงานไม่มีคนสีเหลืองไปข้องแวะเลย แต่พอเราจัดงานแม้จะเป็นงานวิชาการเขาก็มารังควานมันไม่ถูก
ในฐานะแกนนำเราต้องทำให้สมาชิกศรัทธาเรา เราต้องให้ความมั่นใจแก่เขาว่าเราเข้มแข็งเพียงพอ แม้จะเป็นผู้หญิงก็ตาม