xs
xsm
sm
md
lg

รถเมล์โจร หัวทิ่ม! ครม.ตีกลับ มอบสภาพัฒน์ฯ ศึกษา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โสภณ ซารัมย์
ภูมิใจไทย หน้าทิ่มกลาง ครม. เจอ ปชป.-ชท.จับมือขวางรถเมล์ 4 พันคัน งโยนสภาพัฒน์ฯ ศึกษา 1 เดือน แม้รัฐมนตรี“เพื่อนเนวิน” ผนึกกำลังแจงโครงการ ยังไปไม่รอด “โสภณ”รับสภาพยอมรับมติ แต่ยังกร้าวทิ้งทาย “ไม่ว่าแนวทางไหนรับได้ แต่ไม่ใช่ว่าโครงการนี้พับ เพราะข้อสันนิฐานที่ว่า ไม่โปร่งใส” ด้าน “.ประวิตร”บอกห่วงกระแสสังคมไม่ว่า แต่ต้องยอมรับข้อเท็จจริงหาโปร่งใสควรเดินหน้าต่อ”



แหล่งข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เปิดเผยว่า วันที่ 3 มิ.ย.ครม.ได้หยิบยกเรื่องโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน มูลค่า 6.4 หมื่นล้านบาท ของกระทรวงคมนาคม เข้าหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่า เมื่อค่ำวันที่ 2 มิ.ย. ข้าราชการหลายกระทรวงเดินทางมารอรับเอกสารวาระการประชุม ครม.เพิ่มเติม ที่อาคารสลค. โดยช่วงเวลา 3 ทุ่ม สลค.แจ้งว่าไม่มีการบรรจุระเบียบวาระโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี

กระทั่งเช้าวันที่ 3 มิ.ย. กระทรวงคมนาคมได้ขอให้เลขาธิการครม.บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณาลำดับที่ 31 ซึ่งถือว่าเป็นวาระพิจารณาลำดับสุดท้าย ทั้งนี้ ตามเอกสารพบว่า เป็นการลงนามโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นผู้อนุมัติเสนอเข้าที่ประชุม

การพิจารณาเรื่องดังกล่าวเริ่มต้นโดย นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการ ครม. แจ้งวาระดังกล่าว จากนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยคำพูดเป็นกันเอง ผิดแปลกจากการประชุม ครม.ทุกครั้ง โดยกล่าวสั้นๆว่า “ เชิญพี่โสภณ ( นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม) ก่อน”

นายโสภณ เปิดฉากชี้แจงโครงการอย่างรายละเอียด โดยตอนท้ายกล่าวขึ้นมาว่า ถ้ามีใครพิสูจน์ได้ว่าโครงการนี้ไม่โปร่งใส ก็พร้อมจะรับผิดชอบ และเมื่อกระแสสังคมยังกังขาว่าโครงการนี้ไม่โปร่งใส ไม่คุ้มค่า ก็ยินดีหาแนวทางแก้ปัญหาที่ประชาชนรับได้

หลังจากนั้น นายกฯ ได้เปิดโอกาสให้รมต.ซักถามกันอย่างเต็มที่ โดยมีบรรดารัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลอภิปรายหลายราย ยกเว้น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ขออนุญาตออกจากห้องประชุม ทั้งนี้รัฐมนตรีแต่ละรายได้ให้ข้อเสนอหลายแนวทาง ทั้งการเช่า การซื้อ การเช่าซื้อ และการเช่าและซื้ออย่างละ 50% บางรายมีข้อมูลเสนอว่า ยังมีรถเมล์เก่าที่พร้อมใช้ ซึ่งจะนำมาปรับปรุงเป็นรถเมล์เอ็นจีวีได้อีก 2,000 คัน ในราคาคันละ 5 แสนบาท

ทั้งนี้ในส่วนของรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย แม้แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม อภิปรายสนับสนุนข้อเสนอกระทรวงคมนาคม มีเพียงนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ไม่ได้อภิปราย

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ขสมก.เป็นส่วนหนึ่งของอินฟราสตรักเจอร์ (สาธารณูปโภคพื้นฐาน)ที่จำเป็น การจะทบทวนต้องคิดให้ดี การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ไม่ใช่ปล่อยให้ ขสมก. เป็นไปตามยถากรรม เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเข้ามาดูแล

ขณะที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวตามมาว่า โครงการรถเมล์เอ็นจีวี เป็นประโยชน์ต่อประชาชน รัฐบาลต้องเดินหน้าสนับสนุนให้โครงการลุล่วงไปด้วยดี

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวในที่ประชุมครม.ว่า “การคำนึงถึงกระแสสังคมเป็นเรื่องดี แต่ไม่อยากให้ครม.ห่วงกระแสสังคมจนลืมข้อเท็จจริง หากโครงการโปร่งใส ควรให้เดินหน้าต่อไป ถ้ามั่นใจว่าโครงการนี้โปร่งใส”

ขณะที่นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.กระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสนอว่า กระทรวงคมนาคมไม่ควรเช่า แต่ควรซื้อเครื่องยนต์เอ็นจีวีรุ่นใหม่ มาใส่แทนรถเก่าที่ ขสมก.มีอยู่ 2,000 คัน เฉลี่ยต้นทุนคันละ 500,000 บาทเท่านั้น ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้มากกว่าเช่ารถ

นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็พูดเสนอว่า หากไม่ว่าจะเช่าหรือซื้อ ปัญหายังวนเวียน ก็ต้องโยนให้ท้องถิ่น คือกทม.

ส่วนทางด้าน ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เสนอว่า” น่าจะใช้วิธีการจัดซื้อ แต่ตรงนี้ไม่ได้ต้องการคำตอบจากนายกฯ”

นายกฯ ยังซักถามนายโสภณ ว่า แนวทางการเช่าจะสามารถแก้ไขปัญหาการขาดทุนสะสมของ ขสมก.ที่ผ่านมาได้หรือไม่อย่างไรโดยไม่ทำให้ ขสมก.ต้องขาดทุนซ้ำลงไปอีก นั้นหมายความว่า การเช่ารถจะแก้ไขปัญหาและลดภาระการขาดทุนได้จริงหรือไม่

นายกฯ ซักต่อว่า เมื่อ ขสมก.เช่ารถเมล์เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งสภาพรถย่อมเสื่อมสภาพตามเวลา ทาง ขสมก.มั่นใจได้อย่างไรว่า จำนวนผู้โดยสารที่วางเป้าไว้ว่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการเพิ่มขึ้นจาก 1.5 ล้านคน เป็น 2.5 ล้านคนได้อย่างไร แต่ข้อมูลตรงนี้ส่วนนี้ยังไม่ชัดเจน

ขณะที่นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทยจากพรรคปชป. กล่าวว่า ตนเองเข้าใจ เมื่อมาอยู่ในสถานภาพรัฐบาล เพราะสมัยที่ตนเองเป็นฝ่ายค้านได้อภิปรายไม่ไว้วางใจโครงการนี้ เพราะเห็นตัวเลขมูลค่าโครงการสูงเกินเหตุ แต่เมื่อท่านรัฐมนตรีได้นำข้อทักท้วงครม.ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกรอบ แล้วสามารถปรับลดวงเงินจาก 6.9 หมื่นล้านเหลือ 6.4 หมื่นล้าน ตนเองก็ไม่ติดใจ แต่เมื่อมีกระแสสังคมออกมาคัดค้าน ก็น่าจะหาทางออกด้วยการหาคนกลางมาตัดสินใจดีไหม

เมื่อมาถึงตอนนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวสนับสนุนว่า ตนเองเห็นด้วย ควรให้สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) รับเป็นเจ้าภาพไปพิจารณารายละเอียดทั้งหมดดีไหม ทั้งการเช่า และการซื้ออย่างไหนคุ้มค่า ได้ประโยชน์มากกว่ากัน

แหล่งข่าว เปิดเผยว่า นายกฯ ไม่ติดใจมูลค่าโครงการ 6.4 หมื่นล้าน แต่ไม่แน่ใจว่าจะไปตอบสังคมได้อย่างไรว่า รูปแบบนี้ทำเพื่อลดการขาดทุนของ ขสมก. หรือไปสร้างกำไร นายกฯ จึงเสนอให้สภาพัฒน์ฯ รับไปพิจารณา จังหวะนั้นนายอำพน กิตติอำพน เลขาฯ สภาพัฒน์ กล่าวว่า ถ้ามอบให้สำนักงานสภาพัฒน์ ก็หมายถึงให้ตัวผมนำไปพิจารณา คำว่าสภาพัฒน์ในที่นี้ คือ บอร์ด สศช.ใช่หรือไม่ ทำให้นายกฯ ตอบว่า ใช่ โดยให้พิจารณาใน 2 ข้อ คือ เช่า หรือ ซื้อ ในกรอบเวลา 1 เดือน

จากนั้น นายกฯ กดไมค์ถามนายโสภณว่า “ใช้เวลา 1 เดือนนานไปไหม “ ปรากฏว่า นายโสภณ พยักหน้าพร้อมกับตอบว่า อะไรก็ได้แล้วแต่ท่านนายกฯ

จากนั้นนายอภิสิทธิ์กล่าวเป็นคนสุดท้ายว่า “ผมรู้สึกชื่นชมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ทำการบ้าน เอาใจใส่เป็นอย่างดี ไม่ได้มองกรณีที่กระทรวงคมนาคมรายงานว่าหากเช่ารถเมล์ 4 คันจะมีผู้โดยสารเพิ่มจากวันละ 1.5 ล้านคน เป็น 2.5 ล้านคน ยอมรับว่าโครงการนี้เป็นโครงการสาธารณะที่รัฐบาลต้องยอมรับการขาดทุนและตนเข้าใจสิ่งที่รมว.คมนาคมพูดและปรับลดค่าใช้จ่ายทุกอย่างจนสุดทาง เพราะรมว.คมนาคมได้ปรึกษาตนตลอดในเรื่องนี้ หากถามว่าตนมั่นใจกับโครงการนี้หรือไม่ ขอบอกตรงๆว่าไม่มั่นใจ ที่บอกแบบนั้นไม่ใช่หมายความว่าไม่มั่นใจเพราะโครงการไม่โปร่งใส แต่ไม่มั่นใจว่า แนวทางการแก้ไขปัญหานี้จะดีที่สุดและเป็นประโยชน์ที่สุด ซึ่งความจริงก็ไม่มีใครรู้ ดังนั้นก็ขอได้หรือไม่ว่า ถ้ามีแนวคิดระหว่างเช่ากับซื้อก็ขอให้สภาพัฒน์ฯ เป็นคนกลางไปศึกษาข้อมูล ผลดีและผลเสีย และหาข้อมูลใหม่ ดูว่าอะไรเป็นประโยชน์สูงสุด เพราะหากมีการเช่ารถเมล์จริง จะลดภาระ ขสมก.ได้หรือไม่ เพราะว่ารถเมล์เช่านั้นตอนแรกจะใหม่ แต่เมื่อใช้ไป5ปีแล้วจะมั่นใจว่าจะมีผู้โดยสารตามที่ตั้งเป้าไว้ในข้างต้นหรือไม่”

ขณะที่ ดร.อำพน กิตติอำพน เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ กล่าวว่า หากจะมอบให้สภาพัฒน์ฯ ไปศึกษาขอให้เป็นในรูปแบบของให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่มีนายพนัส สิมะเสถียร ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ โดยมีคณะกรรมการร่วม 15 คน

ขณะที่นายกฯ ถามไปยังนายโสภณว่า ใช้เวลา 30 วันรับได้ไหม โดยนายโสภณ กล่าวตอบกลับไปว่า “รับได้ ไม่ว่าแนวทางออกจะเป็นไปในแนวทางไหนรับได้ แต่ที่รับไม่ได้อย่างเดียวคือ หากว่าโครงการนี้ต้องพับไป เพราะข้อสันนิษฐานว่าไม่โปร่งใส”














กำลังโหลดความคิดเห็น