“พาณิชย์”แก้ปัญหาพ่อค้าแม่ค้าขายหมูแพง ออกราคากลางหมูเนื้อแดง กำหนดราคาขายปลีกไม่เกินกิโลกรัมละ 105-110 บาท มีผลทันที ย้ำหากยังมีใครขายเกินราคา เตรียมงัดกฎหมายเล่นงาน จับปรับ 1 หมื่นบาท
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สมาคมผู้ค้าสุกรชำแหละ และผู้ประกอบการค้าปลีกทั้งตลาดสดและโมเดิร์นเทรด เพื่อแก้ไขปัญหาหมูเนื้อแดงราคาแพง วานนี้ (10 ก.ค.) ว่า กรมฯ จะกำหนดราคาแนะนำขายปลีกหมูเนื้อแดงตามการคำนวณสูตรราคาใหม่ ที่มี 2 ช่วง คือ
ราคาหมูชำแหละคิดจากราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มบวกกำไรไม่เกิน 10% และราคาขายปลีกหมูเนื้อแดงหน้าเขียงคิดจากราคาหมูชำแหละขายส่งบวกกำไรไม่เกิน 7% ซึ่งจะทำให้ราคาแนะนำหมูเนื้อแดงหน้าเขียงต้องไม่เกินกก.ละ 105-110 บาท
“เดิมใช้สูตรหมูเป็นหน้าฟาร์มคูณ 2 บวก 2 เป็นราคาขายปลีกหมูหน้าเขียง แต่จะเปลี่ยนมาใช้สูตรใหม่ ที่แบ่งราคาเป็น 2 ช่วง คือ หมูชำแหละ (ขายส่ง) กับหมูหน้าเขียง (ขายปลีก) ซึ่งสูตรนี้ถือว่าเป็นธรรมกับผู้บริโภค” นายยรรยงกล่าว
สำหรับราคาแนะนำขายปลีกหมูเนื้อแดง จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้ โดยขอให้ผู้ประกอบการตลาดสดทั่วประเทศ และห้างค้าปลีกให้ความร่วมมือติดป้ายราคาแนะนำให้ผู้บริโภคได้รับทราบด้วย ซึ่งหากรายไหนยังขายเกินราคาแนะนำ กรมฯ จะมีมาตรการดูแล เบื้องต้นจะตักเตือน หากยังฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค ก็จะใช้มาตรทางทางกฎหมายเข้ามาดำเนินการ คือ สั่งปรับ 1 หมื่นบาท ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โทษฐานขายเกินราคาที่กำหนด
ทั้งนี้ ราคาแนะนำที่กรมฯ ทำออกมา จะกำหนดราคาทุกวันพระของทุกเดือน และจะประสานให้ตลาดสดทั่วประเทศ และห้างค้าปลีกเทรดติดป้ายแสดงราคาให้ประชาชนรับทราบ แต่ต้องยอมรับว่าบางตลาดสด หรือบางห้างค้าปลีก อาจมีการขายเนื้อหมูเกินราคาแนะนำ เพราะอาจเป็นหมูคุณภาพ เช่น หมูปลอดสารพิษ เป็นต้น
ราคาแนะนำขายปลีกหมูเนื้อแดงที่กำหนดราคาไม่เกิน กก.ละ 105-110 บาท คิดจากราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มปัจจุบันอยู่ที่กก.ละ 55-56 บาท โดยราคาหมูชำแหละต้องไม่เกินกก.ละ 65-66 บาท ซึ่งจะทำให้หมูหน้าเขียงประเภท ไหล่ขายไม่เกิน กก. 100-105 บาท สะโพก กก. 105-110 บาท
นายกิดดิวงค์ สมบุญธรรม เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า แนวโน้มราคาหมูในช่วง 2-3 เดือนนี้ จะยังทรงตัวระดับปัจจุบัน โดยขณะนี้ราคาหมูที่อ่อนตัวลง เป็นเพราะความวิตกกังวลต่อการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ในไทย ซึ่งกระทบจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยน้อยลง โดยเฉลี่ยนักท่องเที่ยวต่อคนจะบริโภคหมูวันละ 2 ขีด บริโภคไข่วันละ 2 ฟอง รวมทั้งการลดกิจกรรมนอกบ้านของคนในประเทศ ทำให้ยอดบริโภคหมูในช่วง 2 เดือนนี้อาจลดลง 10-15% หรือสูญเสียมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สมาคมผู้ค้าสุกรชำแหละ และผู้ประกอบการค้าปลีกทั้งตลาดสดและโมเดิร์นเทรด เพื่อแก้ไขปัญหาหมูเนื้อแดงราคาแพง วานนี้ (10 ก.ค.) ว่า กรมฯ จะกำหนดราคาแนะนำขายปลีกหมูเนื้อแดงตามการคำนวณสูตรราคาใหม่ ที่มี 2 ช่วง คือ
ราคาหมูชำแหละคิดจากราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มบวกกำไรไม่เกิน 10% และราคาขายปลีกหมูเนื้อแดงหน้าเขียงคิดจากราคาหมูชำแหละขายส่งบวกกำไรไม่เกิน 7% ซึ่งจะทำให้ราคาแนะนำหมูเนื้อแดงหน้าเขียงต้องไม่เกินกก.ละ 105-110 บาท
“เดิมใช้สูตรหมูเป็นหน้าฟาร์มคูณ 2 บวก 2 เป็นราคาขายปลีกหมูหน้าเขียง แต่จะเปลี่ยนมาใช้สูตรใหม่ ที่แบ่งราคาเป็น 2 ช่วง คือ หมูชำแหละ (ขายส่ง) กับหมูหน้าเขียง (ขายปลีก) ซึ่งสูตรนี้ถือว่าเป็นธรรมกับผู้บริโภค” นายยรรยงกล่าว
สำหรับราคาแนะนำขายปลีกหมูเนื้อแดง จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้ โดยขอให้ผู้ประกอบการตลาดสดทั่วประเทศ และห้างค้าปลีกให้ความร่วมมือติดป้ายราคาแนะนำให้ผู้บริโภคได้รับทราบด้วย ซึ่งหากรายไหนยังขายเกินราคาแนะนำ กรมฯ จะมีมาตรการดูแล เบื้องต้นจะตักเตือน หากยังฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค ก็จะใช้มาตรทางทางกฎหมายเข้ามาดำเนินการ คือ สั่งปรับ 1 หมื่นบาท ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โทษฐานขายเกินราคาที่กำหนด
ทั้งนี้ ราคาแนะนำที่กรมฯ ทำออกมา จะกำหนดราคาทุกวันพระของทุกเดือน และจะประสานให้ตลาดสดทั่วประเทศ และห้างค้าปลีกเทรดติดป้ายแสดงราคาให้ประชาชนรับทราบ แต่ต้องยอมรับว่าบางตลาดสด หรือบางห้างค้าปลีก อาจมีการขายเนื้อหมูเกินราคาแนะนำ เพราะอาจเป็นหมูคุณภาพ เช่น หมูปลอดสารพิษ เป็นต้น
ราคาแนะนำขายปลีกหมูเนื้อแดงที่กำหนดราคาไม่เกิน กก.ละ 105-110 บาท คิดจากราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มปัจจุบันอยู่ที่กก.ละ 55-56 บาท โดยราคาหมูชำแหละต้องไม่เกินกก.ละ 65-66 บาท ซึ่งจะทำให้หมูหน้าเขียงประเภท ไหล่ขายไม่เกิน กก. 100-105 บาท สะโพก กก. 105-110 บาท
นายกิดดิวงค์ สมบุญธรรม เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า แนวโน้มราคาหมูในช่วง 2-3 เดือนนี้ จะยังทรงตัวระดับปัจจุบัน โดยขณะนี้ราคาหมูที่อ่อนตัวลง เป็นเพราะความวิตกกังวลต่อการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ในไทย ซึ่งกระทบจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยน้อยลง โดยเฉลี่ยนักท่องเที่ยวต่อคนจะบริโภคหมูวันละ 2 ขีด บริโภคไข่วันละ 2 ฟอง รวมทั้งการลดกิจกรรมนอกบ้านของคนในประเทศ ทำให้ยอดบริโภคหมูในช่วง 2 เดือนนี้อาจลดลง 10-15% หรือสูญเสียมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท
