xs
xsm
sm
md
lg

บริษัทมะกันร่วงขณะที่บริษัทจีนผงาด ในอันดับบ.ยักษ์ใหญ่โลกของ “ฟอร์จูน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี – นิตยสารฟอร์จูน ซึ่งเป็นนิตยสารธุรกิจทรงอิทธิพลของสหรัฐฯ เปิดเผยการจัดอันดับบริษัทใหญ่ที่สุดในโลก 500 แห่งประจำปีนี้ โดยระบุว่ามีบริษัทของสหรัฐฯหล่นลงไปมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนบริษัทจีนก็เข้าอันดับมามากที่สุดเช่นเดียวกัน
การร่วงลงของบริษัทสหรัฐฯเป็นผลพวงโดยตรงมาจากวิกฤตการเงินที่ฉุดลากให้เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯดิ่งลงเหว และทำให้ รอยัล ดัตช์ เชลล์ ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนระหว่างอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ ผงาดขึ้นแป้นเป็นบริษัทใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งของโลกเมื่อพิจารณาจากยอดขาย นับเป็นบริษัทนอกสหรัฐฯที่เข้ามายึดแชมป์ได้เป็นครั้งแรกในเวลามากกว่าสิบปี
รอยัล ดัตช์ เชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมัน มียอดขายปีที่แล้วมากกว่าอันดับสอง คือ เอซซอน โมบิล อยู่ถึง 15,000 ล้านดอลลาร์ เอซซอน โมบิลก็เป็นผู้ผลิตน้ำมัน โดยเป็นบริษัทใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯและเป็นคู่แข่งตลอดกาลของรอยัล ดัตช์ เชลล์
ส่วนจีนซึ่งเพิ่งผงาดขึ้นมาเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งใหม่ของโลกและในเอเชีย ก็มีบริษัทจำนวนมากที่เข้าไปอยู่ใน 500 อันดับแรกของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซิโนเปก บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของจีน ได้เข้าไปอยู่ในระดับท็อปเทนเป็นครั้งแรก ทั้งนี้จากการรายงานของฟอร์จูนเมื่อวันพุธ (8)
ซิโนเปก นั้นมีชื่อเต็มว่า ไชน่า ปิโตรเลี่ยม แอนด์ เคมิคอล คอร์ป เป็นผู้ซัปพลายน้ำมันเชื้อเพลิงราว 80% ของความต้องการในจีน
บริษัทของจีนเข้าอยู่ในอันดับท็อป 500 ในปีนี้ถึง 37 แห่ง โดยเป็นบริษัทหน้าใหม่ 9 แห่ง ขณะที่บริษัทซึ่งอยู่เดิมก็ไต่อันดับสูงขึ้น สวนทางกับบริษัทของสหรัฐฯที่ปีนี้เข้าทำเนียบมา 140 แห่ง อันเป็นตัวเลขน้อยที่สุดนับตั้งแต่ฟอร์จูนเริ่มต้นการจัดอันดับแบบทั่วโลกเช่นนี้ในปี 1995
วอลมาร์ต ยักษ์ใหญ่ด้านค้าปลีกที่เคยอยู่ที่อันดับหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว หล่นลงมาอยู่ในอันดับสาม ด้วยยอดขายกว่า 405,000 ล้านดอลลาร์
ถึงแม้จะมีจำนวนลดลงมาก แต่บริษัทของสหรัฐฯก็ยังติดท็อป 500 มากที่สุดอยู่ดี ตามมาด้วยบริษัทของญี่ปุ่น 68 แห่ง และฝรั่งเศสกับเยอรมนีมาในที่ 3 และที่ 4 ด้วยจำนวน 40 และ 39 บริษัทตามลำดับ จีนนั้นอยู่อันดับ 5

สำหรับพวกบริษัทติดท็อปเทน ปรากฏว่ามีถึง 7 แห่งเป็นบริษัทน้ำมัน ขณะที่มีบริษัทรถยนต์เพียงแห่งเดียวที่อยู่ใน 10 อันดับแรกในปีนี้ ได้แก่ โตโยต้า มอเตอร์

ทั้งนี้ อันดับ 1 เชลล์ ทำรายรับได้ 458,000 ล้านดอลลาร์ ส่วน เอชซอน โมบิล ทำได้ 442,800 ล้านดอลลาร์

อันดับ 4 คือ บีพี ยักษ์ใหญ่น้ำมันอังกฤษ (367,000 ล้านดอลลาร์) ติดตามมาด้วย เชฟลอน บริษัทน้ำมันสหรัฐฯ (263,000 ล้านดอลลาร์), โททาล บริษัทน้ำมันฝรั่งเศส (234,600 ล้านดอลลาร์), โคโนโคฟิลลิปส์ บริษัทน้ำมันสหรัฐฯ (230,700 ล้านดอลลาร์), ไอเอ็นจีกรุ๊ป กลุ่มกิจการประกันภัยสัญชาติดัตช์ (226,500 ล้านดอลลาร์), ซิโนเปก (207,800 ล้านดอลลาร์), และโตโยต้า มอเตอร์ (204,000 ล้านดอลลาร์
กำลังโหลดความคิดเห็น