เอเอฟพี - บริษัทประกันสุขภาพและประกันชีวิตส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ, แคนาดาและอังกฤษ พากันลงทุนเป็นจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ในธุรกิจบุหรี่และผลิตภัณฑ์ยาสูบอื่นๆ ทั้งนี้เป็นผลศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อวันพุธ (3) ในวารสารนิวอิงแลนด์ เจอร์นัล ออฟ เมดิซีน
เวสลีย์ บอยด์ ผู้นำการเขียนรายงานในวารสารการแพทย์ชื่อดังของสหรัฐฯชิ้นนี้บอกว่า พบเม็ดเงินอย่างน้อย 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของบรรดาบริษัทประกันภัยเหล่านี้ ลงทุนอยู่ในอุตสาหกรรมผลิตบุหรี่, ซิการ์, และใบยาสูบสำหรับเคี้ยว
"แม้คณะแพทย์และคนอื่น ๆ จะเรียกร้องให้กิจการประกันสุขภาพและประกันชีวิต ถอยห่างจากอุตสาหกรรมยาสูบ แต่พวกบริษัทประกันภัยเหล่านี้ กลับยังคงเห็นแก่กำไรของตนมากกว่าสุขภาพของผู้คน" บอยด์ แห่งคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าว
"เห็นชัด ๆ อยู่แล้วว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกของเหล่าบริษัทประกันภัย คือการทำเงิน ไม่ใช่การคุ้มครองความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน" บอยด์เขียนในรายงาน
บุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งปอด ตลอดจนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของอาการหัวใจวาย, โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอื่น ๆ เกี่ยวกับปอด
ทั้งนี้จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (ฮู) พบว่า บุหรี่เป็นตัวการสำคัญที่คร่าชีวิตผู้คน 5.4 ล้านรายในแต่ละปี
นักวิจัยเคยเปิดโปงครั้งแรกเมื่อปี 1995 ในบทความชิ้นหนึ่ง ซึ่งตีพิมพ์ในแลนสิต วารสารการแพทย์ชื่อดังของอังกฤษว่า พวกบริษัทประกันชีวิตและประกันสุขภาพลงทุนอย่างมหาศาลในบริษัทบุหรี่
"ถึงแม้การลงทุนในธุรกิจยาสูบ ควบคู่กับการขายประกันภัยหรือประกันชีวิต อาจฟังดูเหมือนจะขัดแย้งผลประโยชน์กันเอง
แต่ความจริงแล้ว บริษัทประกันภัยสามารถหาหนทางที่จะกอบโกยกำไรจากทั้งสองด้านต่างหาก" บอยด์เขียนในรายงาน
"บริษัทประกันภัยจะไม่ขายกรมธรรม์ให้ผู้สูบบุหรี่ หรือที่เห็นกันเป็นส่วนมาก ก็คือจะคิดเบี้ยประกันกับสิงห์อมควันในอัตราที่สูงขึ้น บริษัทประกันภัยได้กำไร เป็น 2 ต่อ ส่วนผู้สูบบุหรี่ขาดทุน"
จากผลศึกษาล่าสุดนี้พบว่า พรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล อิงค์ บริษัทประกันภัยสัญชาติสหรัฐฯ นำเงิน 264.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลงทุนในบริษัทสหรัฐฯบุหรี่ 3 แห่ง เป็นต้นว่า เรย์โนลด์ส อเมริกา, และฟิลิป มอร์ริส
บริษัทประกันภัยของแคนาดา "ซัน ไลฟ์ ไฟแนนเชียล พีเอลซี" ซึ่งขายประกันชีวิต, ประกันความพิการและสุขภาพ มีพอร์ตลงทุนมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในบริษัทบุหรี่ 2 แห่ง โดยที่ลงทุน 890 ล้านดอลลาร์ในบริษัทฟิลิป มอร์ริส
เวสลีย์ บอยด์ ผู้นำการเขียนรายงานในวารสารการแพทย์ชื่อดังของสหรัฐฯชิ้นนี้บอกว่า พบเม็ดเงินอย่างน้อย 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของบรรดาบริษัทประกันภัยเหล่านี้ ลงทุนอยู่ในอุตสาหกรรมผลิตบุหรี่, ซิการ์, และใบยาสูบสำหรับเคี้ยว
"แม้คณะแพทย์และคนอื่น ๆ จะเรียกร้องให้กิจการประกันสุขภาพและประกันชีวิต ถอยห่างจากอุตสาหกรรมยาสูบ แต่พวกบริษัทประกันภัยเหล่านี้ กลับยังคงเห็นแก่กำไรของตนมากกว่าสุขภาพของผู้คน" บอยด์ แห่งคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าว
"เห็นชัด ๆ อยู่แล้วว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกของเหล่าบริษัทประกันภัย คือการทำเงิน ไม่ใช่การคุ้มครองความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน" บอยด์เขียนในรายงาน
บุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งปอด ตลอดจนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของอาการหัวใจวาย, โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอื่น ๆ เกี่ยวกับปอด
ทั้งนี้จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (ฮู) พบว่า บุหรี่เป็นตัวการสำคัญที่คร่าชีวิตผู้คน 5.4 ล้านรายในแต่ละปี
นักวิจัยเคยเปิดโปงครั้งแรกเมื่อปี 1995 ในบทความชิ้นหนึ่ง ซึ่งตีพิมพ์ในแลนสิต วารสารการแพทย์ชื่อดังของอังกฤษว่า พวกบริษัทประกันชีวิตและประกันสุขภาพลงทุนอย่างมหาศาลในบริษัทบุหรี่
"ถึงแม้การลงทุนในธุรกิจยาสูบ ควบคู่กับการขายประกันภัยหรือประกันชีวิต อาจฟังดูเหมือนจะขัดแย้งผลประโยชน์กันเอง
แต่ความจริงแล้ว บริษัทประกันภัยสามารถหาหนทางที่จะกอบโกยกำไรจากทั้งสองด้านต่างหาก" บอยด์เขียนในรายงาน
"บริษัทประกันภัยจะไม่ขายกรมธรรม์ให้ผู้สูบบุหรี่ หรือที่เห็นกันเป็นส่วนมาก ก็คือจะคิดเบี้ยประกันกับสิงห์อมควันในอัตราที่สูงขึ้น บริษัทประกันภัยได้กำไร เป็น 2 ต่อ ส่วนผู้สูบบุหรี่ขาดทุน"
จากผลศึกษาล่าสุดนี้พบว่า พรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล อิงค์ บริษัทประกันภัยสัญชาติสหรัฐฯ นำเงิน 264.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลงทุนในบริษัทสหรัฐฯบุหรี่ 3 แห่ง เป็นต้นว่า เรย์โนลด์ส อเมริกา, และฟิลิป มอร์ริส
บริษัทประกันภัยของแคนาดา "ซัน ไลฟ์ ไฟแนนเชียล พีเอลซี" ซึ่งขายประกันชีวิต, ประกันความพิการและสุขภาพ มีพอร์ตลงทุนมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในบริษัทบุหรี่ 2 แห่ง โดยที่ลงทุน 890 ล้านดอลลาร์ในบริษัทฟิลิป มอร์ริส