นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้ชื่อปลอมเพื่อเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียว่า เรื่องการปลอมชื่อนั้นเป็นเรื่องที่มีการพูดกันมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งนี้เป็นรายงานข่าวจากทางออสเตรเลีย แต่จากการตรวจสอบตอนที่เข้า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาประเทศมาเลเซียก่อนเดินทางไปประเทศฟิจินั้นใช้ชื่อจริง ซึ่งขณะนี้ได้ประสานไปยังทางการพิจิเพื่อให้จับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งกลับประเทศไทย
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการปฏิบัติการทางการเมือง (วอร์รูม) ที่นายชำนิ ศักดิเศรษฐ เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมประเมินสถานการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองขณะนี้ว่ายังถูกกำหนดโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย ที่มีการขับเคลื่อนทั้งในและนอกประเทศ อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความไม่มั่นคงในประเทศ โดยมีเป้าหมาย2 เรื่อง คือ1.ล้มรัฐบาลโดยการเคลื่อนไหวนอกสภา ผ่านเครือข่ายต่างๆ แล 2.ใช้เครือข่ายนี้ดำเนินการ ทุกวิถีทางเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมายังประเทศไทยโดยไม่ต้องรับโทษ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า การขับเคลื่อน 2 ลักษณะนี้ มีการดำเนินการกิจกรรมต่างๆ ใต้กรอบยุทธศาสตร์ เพื่อการกลับมาของ พ.ต.ท. ทักษิณ3 เรื่อง คือ 1.ผ่านกระบวนการล่ารายชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งที่ประชุมประเมินว่า เป็นการสร้างอำนาจต่อรองกับสถาบันสูงสุดของชาติมากกว่า 2. โดยการปลุกระดมมวลชน ผ่านสื่อเฉพาะกิจไม่ว่าจะเป็นใบปลิว หรือ วิทยุชุมชนระหว่างการตรวจเยี่ยม ราชการของรัฐมนตรีในหลายพื้นที่ และขยายผลต่อเนื่อง เพื่อสร้างหลักฐานเท็จและบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขการชุมนุมสร้างความขัดแย้ง เช่นการอ้างว่า มีการซ่อนศพจากการสลายการชุมนุมช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา หรือการสร้าง ความเข้าใจ เรื่องลอบสังหาร องคมนตรี และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบหา
ทั้งนี้ ที่ประชุมประเมินว่าจะถูกนำมาใช้เป็นเงื่อนไขตามคำกล่าวอ้างว่าจะมีการ ยกระดับต่อต้านรัฐบาลในการชุมนุมใหญ่ช่วงเดือนส.ค. นี้ และ ระหว่างนี้จะมีการ ดำเนินการต่อต้านการปฏิบัติภาระกิจของรัฐมนตรีในรัฐบาลและบุคลากรในพรรค ร่วมรัฐบาล ในการพบปะประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศชาติระหว่างการลงพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึง จ. บุรีรัมย์ ที่จะดำเนินการอยู่ในขณะนี้
และ 3.ประสานงานกับเครือข่ายข้ามชาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งพรรคเคยพูดตั้งแต่ก่อนสัปดาห์ที่แล้วว่า จะมีการเตรียมการเคลื่อนไหวเข้ามาในภูมิภาค แถบเอเซีย และข้อมูลเชิงลึกที่ได้ต่อมาคือจะมีการประสานงานกับเครือข่ายผลประโยชน์ด้านสัมปทาน ทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและเหมืองแร่ในหลายประเทศ โดยการใช้ประโยชน์จากสัมปทานที่ผู้มีอำนาจในรัฐของประเทศ ที่ไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัประเทศไทยก็จะเป็นเครือข่ายหนึ่ง ที่ให้การสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ แม้จะมีพื้นที่ เคลื่อนไหวน้อยลง แต่ยังได้รับการสนับสนุนโดยใช้ผลประโยชน์จากธุรกิจสัมปทานเป็นเครื่องมือ
ขอยืนยันว่า การประสานงานผ่านเครือข่าย ล็อบบี้ยิสต์ข้ามชาติยังคงมีอยู่ทั้งในสหรัฐอเมริกาเองผ่านบริษัท แคสซิดี้ แอนด์ แอสโซซิเอท และ ในฮ่องกง ผ่าน บริษัท เอเดิล โดยการเคลื่อนไหวรอบหลัง หลังจากมีการปฏิเสธว่าจะไม่เข้ามาในเอเซียและไม่มีการว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์แล้ว ขณะนี้มีหลักฐานแน่ชัดว่ามีการเปลี่ยนรูปแบบ การจ้างล็อบบี้ยิสต์จากเดิมที่ต้องมีการชี้แจงหลักฐานการว่าจ้างหากมีการว่าจ้าง ผ่านการล็อบบี้ไปยังองค์กรหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะนี้เปลี่ยนรูปแบบเป็น การใช้ล็อบบี้ยิสต์เพื่อบริหารจัดการสื่อข้ามชาติระหว่างประเทศซึ่งไม่จำเป็น ต้องเปิดเผยข้อมูลต่อรัฐสภาสหรัฐแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้ในวันที่ 20 ก.ค. จะมีการสืบพยานในการพิจารณาของศาลซึ่งข้อเท็จจริงก็จะทยอยปรากฎหลังจากศาลได้ไต่สวน พยานบุคคลและพยานหลักฐานเรื่องต่างๆ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ทางวอร์รูม ได้ประเมินว่าแนวทางต่างๆ นี้ได้เกิดปฏิกริยา ในวงกว้าง รวมไปถึงประชาชนที่เคยให้การสนับสนุนกับการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในอดีต จะเริ่มไม่เห็นด้วยกับแนวทาง ที่แตกต่างจากข้ออ้างที่ถูกใช้ในการชุมนุม เช่น การอ้างว่าจะชุมนุมโดยสงบเพื่อทวงคืน ประชาธิปไตย แต่เมื่อเกิดการยุยงให้ทำผิดกฎหมายช่วงเดือนเม.ย. ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งผละจากการเป็นแนวร่วมของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการถวายฎีกา หรือ การจัดแซยิดวันเกิดพ.ต.ท.ทักษิณ
ทางพรรคประเมินว่านี่เป็นเหตุผลหลักให้คุณทักษิณกลับลำ เปลี่ยนใจหลังจากที่ไม่เคยพูดอะไรเรื่องนี้เลย 7 วันที่ผ่านมา เหตุผลหลักเพราะเริ่มตระหนักว่า แนวทางของตัวเองเริ่มถูกปฏิเสธจากแนวร่วมของตัวเอง ที่ตระหนักว่า กำลังถูกใช้เป็น เครื่องมือ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการปฏิบัติการทางการเมืองได้ประเมินถึงอนาคต ว่า สถานการณ์หลายอย่างยังอยู่ในภาวะน่าวิตก ตั้งแต่การเตรียมการชุมนุม และสร้างความไม่สงบ เพื่อสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองให้นำไปสู่การ เปลี่ยนแปลง โดยการยกระดับการต่อต้านทุกรูปแบบ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ทางวอร์รูมประเมินว่า เงื่อนไข ของ นายกษิต ภิรมย์ รมว. ต่างประเทศ กำลังจะถูกใช้จากแนวร่วมของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเป็นข้ออ้างในการคัดค้านต่อต้านและอาจจะรวมไปถึงการชุมนุม เพื่อต่อต้านการประชุมสุดยอดผู้นำ อาเซียนในเดือนต.ค. นี้ รวมถึง การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศด้านความร่วมมือ ทางการเมือง และ ความมั่นคงในวันที่ 16 ก.ค.นี้ จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายคำนึงถึง ความลำบากของประเทศ ที่เผชิญวิกฤติหลายด้าน และขอให้ใช้ศักยภาพทุกส่วนที่แม้จะเห็นแตกต่างกัน ก็ขอให้ใช้ไปสู่การร่วมกันแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ
ส่วนผลโผลกรณีนายกษิต นั้น นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ขณะนี้สิ่งสำคัญที่สุด นายกษิต เป็นบุคคลที่รรับผิดชอบคำพูดตัวเอง มีจุดยืนอุดมการณ์ ต่อต้านความ ไม่ถูกต้อง และปฏิบัติการในฐานะใช้สิทธิของตนเองก่อนที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ขณะที่จุดสำคัญคือข้อกล่าวหาที่ระบุว่ามีส่วนร่วมยึดสนามบินมีความผิดฐาน ก่อการร้ายนั้น ส่วนตัวเชื่อว่านายกษิต ไม่มีบทบาทลักษณะดังกล่าว แต่เป็นการไปร่วม เวทีแสดงจุดยืน แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องวอร์รูมที่จะต้องประเมิน แต่เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่จะต้องดำเนินการต่อไป
นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าได้ประสานกับทางการฟิจิ เพื่อให้จับกุม พ.ต.ท.ทักษิณส่งกลับประเทศว่า รัฐบาลไม่มีสิทธิทำได้ เพราะเป็นเรื่องที่แต่ละประเทศจะพิจารณาเองว่าจะให้ความร่วมมือหรือไม่ เหมือนประเทศยูเออีที่ทางรัฐบาลไทยประสานไปก็ไม่ได้รับความร่วมมือ เพราะประเทศต่างๆเข้าใจว่าเป็นเรื่องการเมือง ภายในประเทศ และคดีที่พ.ต.ท.ทักษิณเกิดขึ้นหลังการรัฐประหาร
ล่าสุดวันที่ 9 ก.ค.พ.ต.ท.ทักษิณหลังจากได้พูดคุยกับผู้นำประเทศฟิจิ ได้หารือ ถึงเรื่องธุรกิจ ไม่ได้ไปเคลียร์เรื่องการจับกุมจากรัฐบาลไทย และตอนนี้ได้เดินทางออก จากประเทศฟิจิไปแล้ว อยากฝากไปถึงนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศว่าจะดำเนินการอะไรให้คิดและตรวจสอบข้อมูลก่อน เพราะเดินตามหลังพ.ต.ท.ทักษิณ หลายก้าว นอกจากนี้เวลาที่พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปประเทศไหนก็จะไปพบผู้นำหรือประมุขของประเทศนั้น
นายพพดล กล่าวว่าใน 2-3 วันนี้จะนำภาพที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปพบประมุขประเทฯต่างๆ มาแถลงข่าว หลังจากที่ทางรัฐบาลไทยพยายามดิสเครดิตว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ไปพบประมุขหรือผู้นำประเทศต่างๆ จริง และขอปฏิเสธว่าการเดินทางมาแวะเติมน้ำมันที่ประเทศมาเลเซียไม่ได้ดำเนินการตามแผนตากสิน 2 ตามที่ถูกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว่า และไม่ได้พบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
ส่วนผลประชุมวอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศไทยนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีเคลื่อนไหว ทางการเมืองใด บินไปประเทศต่างๆ ก็ไปเจรจาธุรกิจ ไม่ได้มีแผนไปกดดันประเทศอื่นให้กดดันประเทศไทยขอให้มองโลกในแง่ดี และทำงานสร้างสรรค์ เชื่อว่ายิ่ง พ.ต.ท.ทักษิณถูกไล่บี้ชาวบ้านก็จะยิ่งสงสาร
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการปฏิบัติการทางการเมือง (วอร์รูม) ที่นายชำนิ ศักดิเศรษฐ เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมประเมินสถานการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองขณะนี้ว่ายังถูกกำหนดโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย ที่มีการขับเคลื่อนทั้งในและนอกประเทศ อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความไม่มั่นคงในประเทศ โดยมีเป้าหมาย2 เรื่อง คือ1.ล้มรัฐบาลโดยการเคลื่อนไหวนอกสภา ผ่านเครือข่ายต่างๆ แล 2.ใช้เครือข่ายนี้ดำเนินการ ทุกวิถีทางเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมายังประเทศไทยโดยไม่ต้องรับโทษ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า การขับเคลื่อน 2 ลักษณะนี้ มีการดำเนินการกิจกรรมต่างๆ ใต้กรอบยุทธศาสตร์ เพื่อการกลับมาของ พ.ต.ท. ทักษิณ3 เรื่อง คือ 1.ผ่านกระบวนการล่ารายชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งที่ประชุมประเมินว่า เป็นการสร้างอำนาจต่อรองกับสถาบันสูงสุดของชาติมากกว่า 2. โดยการปลุกระดมมวลชน ผ่านสื่อเฉพาะกิจไม่ว่าจะเป็นใบปลิว หรือ วิทยุชุมชนระหว่างการตรวจเยี่ยม ราชการของรัฐมนตรีในหลายพื้นที่ และขยายผลต่อเนื่อง เพื่อสร้างหลักฐานเท็จและบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขการชุมนุมสร้างความขัดแย้ง เช่นการอ้างว่า มีการซ่อนศพจากการสลายการชุมนุมช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา หรือการสร้าง ความเข้าใจ เรื่องลอบสังหาร องคมนตรี และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบหา
ทั้งนี้ ที่ประชุมประเมินว่าจะถูกนำมาใช้เป็นเงื่อนไขตามคำกล่าวอ้างว่าจะมีการ ยกระดับต่อต้านรัฐบาลในการชุมนุมใหญ่ช่วงเดือนส.ค. นี้ และ ระหว่างนี้จะมีการ ดำเนินการต่อต้านการปฏิบัติภาระกิจของรัฐมนตรีในรัฐบาลและบุคลากรในพรรค ร่วมรัฐบาล ในการพบปะประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศชาติระหว่างการลงพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึง จ. บุรีรัมย์ ที่จะดำเนินการอยู่ในขณะนี้
และ 3.ประสานงานกับเครือข่ายข้ามชาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งพรรคเคยพูดตั้งแต่ก่อนสัปดาห์ที่แล้วว่า จะมีการเตรียมการเคลื่อนไหวเข้ามาในภูมิภาค แถบเอเซีย และข้อมูลเชิงลึกที่ได้ต่อมาคือจะมีการประสานงานกับเครือข่ายผลประโยชน์ด้านสัมปทาน ทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและเหมืองแร่ในหลายประเทศ โดยการใช้ประโยชน์จากสัมปทานที่ผู้มีอำนาจในรัฐของประเทศ ที่ไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัประเทศไทยก็จะเป็นเครือข่ายหนึ่ง ที่ให้การสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ แม้จะมีพื้นที่ เคลื่อนไหวน้อยลง แต่ยังได้รับการสนับสนุนโดยใช้ผลประโยชน์จากธุรกิจสัมปทานเป็นเครื่องมือ
ขอยืนยันว่า การประสานงานผ่านเครือข่าย ล็อบบี้ยิสต์ข้ามชาติยังคงมีอยู่ทั้งในสหรัฐอเมริกาเองผ่านบริษัท แคสซิดี้ แอนด์ แอสโซซิเอท และ ในฮ่องกง ผ่าน บริษัท เอเดิล โดยการเคลื่อนไหวรอบหลัง หลังจากมีการปฏิเสธว่าจะไม่เข้ามาในเอเซียและไม่มีการว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์แล้ว ขณะนี้มีหลักฐานแน่ชัดว่ามีการเปลี่ยนรูปแบบ การจ้างล็อบบี้ยิสต์จากเดิมที่ต้องมีการชี้แจงหลักฐานการว่าจ้างหากมีการว่าจ้าง ผ่านการล็อบบี้ไปยังองค์กรหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะนี้เปลี่ยนรูปแบบเป็น การใช้ล็อบบี้ยิสต์เพื่อบริหารจัดการสื่อข้ามชาติระหว่างประเทศซึ่งไม่จำเป็น ต้องเปิดเผยข้อมูลต่อรัฐสภาสหรัฐแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้ในวันที่ 20 ก.ค. จะมีการสืบพยานในการพิจารณาของศาลซึ่งข้อเท็จจริงก็จะทยอยปรากฎหลังจากศาลได้ไต่สวน พยานบุคคลและพยานหลักฐานเรื่องต่างๆ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ทางวอร์รูม ได้ประเมินว่าแนวทางต่างๆ นี้ได้เกิดปฏิกริยา ในวงกว้าง รวมไปถึงประชาชนที่เคยให้การสนับสนุนกับการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในอดีต จะเริ่มไม่เห็นด้วยกับแนวทาง ที่แตกต่างจากข้ออ้างที่ถูกใช้ในการชุมนุม เช่น การอ้างว่าจะชุมนุมโดยสงบเพื่อทวงคืน ประชาธิปไตย แต่เมื่อเกิดการยุยงให้ทำผิดกฎหมายช่วงเดือนเม.ย. ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งผละจากการเป็นแนวร่วมของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการถวายฎีกา หรือ การจัดแซยิดวันเกิดพ.ต.ท.ทักษิณ
ทางพรรคประเมินว่านี่เป็นเหตุผลหลักให้คุณทักษิณกลับลำ เปลี่ยนใจหลังจากที่ไม่เคยพูดอะไรเรื่องนี้เลย 7 วันที่ผ่านมา เหตุผลหลักเพราะเริ่มตระหนักว่า แนวทางของตัวเองเริ่มถูกปฏิเสธจากแนวร่วมของตัวเอง ที่ตระหนักว่า กำลังถูกใช้เป็น เครื่องมือ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการปฏิบัติการทางการเมืองได้ประเมินถึงอนาคต ว่า สถานการณ์หลายอย่างยังอยู่ในภาวะน่าวิตก ตั้งแต่การเตรียมการชุมนุม และสร้างความไม่สงบ เพื่อสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองให้นำไปสู่การ เปลี่ยนแปลง โดยการยกระดับการต่อต้านทุกรูปแบบ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ทางวอร์รูมประเมินว่า เงื่อนไข ของ นายกษิต ภิรมย์ รมว. ต่างประเทศ กำลังจะถูกใช้จากแนวร่วมของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเป็นข้ออ้างในการคัดค้านต่อต้านและอาจจะรวมไปถึงการชุมนุม เพื่อต่อต้านการประชุมสุดยอดผู้นำ อาเซียนในเดือนต.ค. นี้ รวมถึง การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศด้านความร่วมมือ ทางการเมือง และ ความมั่นคงในวันที่ 16 ก.ค.นี้ จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายคำนึงถึง ความลำบากของประเทศ ที่เผชิญวิกฤติหลายด้าน และขอให้ใช้ศักยภาพทุกส่วนที่แม้จะเห็นแตกต่างกัน ก็ขอให้ใช้ไปสู่การร่วมกันแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ
ส่วนผลโผลกรณีนายกษิต นั้น นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ขณะนี้สิ่งสำคัญที่สุด นายกษิต เป็นบุคคลที่รรับผิดชอบคำพูดตัวเอง มีจุดยืนอุดมการณ์ ต่อต้านความ ไม่ถูกต้อง และปฏิบัติการในฐานะใช้สิทธิของตนเองก่อนที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ขณะที่จุดสำคัญคือข้อกล่าวหาที่ระบุว่ามีส่วนร่วมยึดสนามบินมีความผิดฐาน ก่อการร้ายนั้น ส่วนตัวเชื่อว่านายกษิต ไม่มีบทบาทลักษณะดังกล่าว แต่เป็นการไปร่วม เวทีแสดงจุดยืน แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องวอร์รูมที่จะต้องประเมิน แต่เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่จะต้องดำเนินการต่อไป
นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าได้ประสานกับทางการฟิจิ เพื่อให้จับกุม พ.ต.ท.ทักษิณส่งกลับประเทศว่า รัฐบาลไม่มีสิทธิทำได้ เพราะเป็นเรื่องที่แต่ละประเทศจะพิจารณาเองว่าจะให้ความร่วมมือหรือไม่ เหมือนประเทศยูเออีที่ทางรัฐบาลไทยประสานไปก็ไม่ได้รับความร่วมมือ เพราะประเทศต่างๆเข้าใจว่าเป็นเรื่องการเมือง ภายในประเทศ และคดีที่พ.ต.ท.ทักษิณเกิดขึ้นหลังการรัฐประหาร
ล่าสุดวันที่ 9 ก.ค.พ.ต.ท.ทักษิณหลังจากได้พูดคุยกับผู้นำประเทศฟิจิ ได้หารือ ถึงเรื่องธุรกิจ ไม่ได้ไปเคลียร์เรื่องการจับกุมจากรัฐบาลไทย และตอนนี้ได้เดินทางออก จากประเทศฟิจิไปแล้ว อยากฝากไปถึงนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศว่าจะดำเนินการอะไรให้คิดและตรวจสอบข้อมูลก่อน เพราะเดินตามหลังพ.ต.ท.ทักษิณ หลายก้าว นอกจากนี้เวลาที่พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปประเทศไหนก็จะไปพบผู้นำหรือประมุขของประเทศนั้น
นายพพดล กล่าวว่าใน 2-3 วันนี้จะนำภาพที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปพบประมุขประเทฯต่างๆ มาแถลงข่าว หลังจากที่ทางรัฐบาลไทยพยายามดิสเครดิตว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ไปพบประมุขหรือผู้นำประเทศต่างๆ จริง และขอปฏิเสธว่าการเดินทางมาแวะเติมน้ำมันที่ประเทศมาเลเซียไม่ได้ดำเนินการตามแผนตากสิน 2 ตามที่ถูกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว่า และไม่ได้พบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
ส่วนผลประชุมวอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศไทยนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีเคลื่อนไหว ทางการเมืองใด บินไปประเทศต่างๆ ก็ไปเจรจาธุรกิจ ไม่ได้มีแผนไปกดดันประเทศอื่นให้กดดันประเทศไทยขอให้มองโลกในแง่ดี และทำงานสร้างสรรค์ เชื่อว่ายิ่ง พ.ต.ท.ทักษิณถูกไล่บี้ชาวบ้านก็จะยิ่งสงสาร